ตอนที่ 28 อเนจอนาถ
ง่วนเหลียงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างชัดเจน ในคราแรกที่เล้งซานพุ่งไปหาจางอี้เกียง มันลังเลเล็กน้อยที่จะลุกขึ้นและหนีไปอีกทาง แต่เมื่อเห็นร่างที่ไร้แขน ขา อย่างละข้างของจางอี้เกียง ตัวมันสั่นไม่หยุดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆภายในใจมันคิดว่า มันคิดถูกแล้วที่ไม่ลุกขึ้น มิเช่นนั้นอาจจะมีสภาพ อเนจอนาถ กว่าจางอี้เกียงก็เป็นได้
เล้งซานยืนมองร่างของจางอี้เกียงที่ดิ้นพร่านด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น จากนั้นใช้เพลิงอัคคีสีฟ้า เผา แขน และขาที่ถูกตัดออกมาของจางอี้เกียง ต่อหน้ามัน
จางอี้เกียงเบิกตา จ้องมองการกระทำของเล้งซาน ตอนที่เห็นแขนขาถูกตัดขาดมันยังมีความหวังว่าหากรีบกลับไปที่พรรคอาจให้แพทย์ประจำสำนักต่อแขนขาให้มันได้ แต่เมื่อเห็นแขนขาของตนถูกเผาจนสลายหายไป มันรู้สึกราวกับความหวังและอนาคตของมันถูกเผาไหม้ไปพร้อมกัน มันมองไปที่หน้าของเล้งซานฉายแววตาที่เกลียดชังออกมา กัดฟันตนเองจนเลือดไหลออกจากมุมปากทั้งสองข้าง
"เจ้า ฆ่าข้าซะเลยสิ หยุดสร้างความอัปยศให้ข้าได้แล้ว!!"
เล้งซานยิ้มเล็กน้อย
"ใครบอกให้เจ้ามาสั่งข้า"
เล้งซานสะบัดมือขวา และตัดขาซ้ายของจางอี้เกียจอีกข้างในทันที
"อ๊ากกก!! บัดซบเอ้ย ฆ่าข้าซะที!!"
เล้งซานสะบัดมืออีกครั้ง ตัดแขนซ้ายที่เหลือของจางอี้เกียง
"เจ้าปีศาจจจจ!! อ๊ากกก"
จางอี้เกียงดิ้นพร่านอีกราว 10 ลมหายใจ จากนั้นก็นิ่งไป...มันสิ้นลมแล้ว จากความเจ็บปวด และเสียเลือดมาก แต่สายตาของมันยังคงเบิกกว้างด้วยความเคียดแค้น
ภาพความโหดเหี้ยมของเล้งซานที่เห็น ทำให้ง่วนเหลียงไม่กล้ากระทั่งจะหายใจแรง มันไม่อาจนำความโหดเหี้ยมของเล้งซานไปเปรียบเทียบกับบุคคลใดในโลกที่มันเคยพบเห็นมาในตลอดชีวิตได้ มันทำได้เพียงคุกเข่าอยู่แบบนั้นด้วยร่างสั่นสะท้านงันงก ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบไปมองหน้าของเล้งซาน
เล้งซานค่อยๆเดินเข้ามาหาง่วนเหลียงที่นั่งคุกเข่าอยู่ ด้วยจิตสังหารที่ค่อยๆลดลงเรื่อยๆของเล้งซาน ทำให้ง่วงเหลียง ถอนหายใจเล็กน้อย อย่างไรซะ มันเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นและมิได้ขัดขืนหรือจู่โจมเล้งซานแม้แต่น้อยความผิดของมันย่อมไม่ถึงที่ตายเป็นแน่ หากแลกกับชีวิตแม้ต้องขายข้อมูลของพรรค มันก็พร้อมจะตอบคำถามโดยมิปิดบังแน่นอน
เล้งซานหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของง่วนเหลียง โค้งตัวลงมามองหน้าง่วนเหลียงพลางแสยะยิ้มเล็กน้อย
"เห็นแก่ที่ท่านมิหลบหนี อีกทั้งยังยอมกระทั่งคุกเข่าขอร้อง ข้าก็จะยอม..."
"ฆ่าท่านโดยมิให้ทรมาน!!"
ง่วนเหลียงเบิกตากว้าง มันสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งขึ้นในชั่วพริบตา มันยังมิทันได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใด มือขวามัจจุราชที่ห่อหุ้มปราณอัคคีแห่งมังกรอันคมกริบ ก็สะบัดผ่านลำคอของมันอย่างรวดเร็ว
ศีรษะของง่วนเหลียงค่อยๆหล่นลงสู่พื้น แต่ร่างยังคงนั่งคุกเข่าอยู่เช่นเดิม ดวงตาของมันยังเบิกกว้างฉายแววความสงสัยที่พรั่งพรูออกมา ว่ามันตายเพราะเหตุใด!!
"เจ้าเด็กน้อย เจ้านี่เหี้ยมโหดยิ่งนัก ฆ่าได้กระทั่งคนอ่อนแอ ที่ยอมแพ้แล้ว"
เฟรย่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อยในความโหดเหี้ยมของเล้งซาน
เล้งซานส่ายหน้าเล็กน้อย พลางกล่าว
"ข้าจำเป็นต้องทำ ข้ามิอาจปล่อยให้มันรอดไปได้ มันเห็นวรยุทธและมีข้อมูลของข้ามากเกินไป หากปล่อยไว้เกิดมันนำข้อมูลของข้าไปบอกคนในพรรคป้อมอัคคี พวกมันอาจจะหาทางรับมือข้าได้ แม้เพียงมีโอกาสอันน้อยนิดที่จะเป็นภัยในภายภาคหน้า ข้าก็มิอาจปล่อยเลยตามเลยไปได้โดยเด็ดขาด!!"
เฟรย่าเงียบไปชั่วขณะ
'เจ้าเด็กนี่ รอบคอบยิ่งนัก!!'
.....................................
เวลาผ่านไปราว 1 ก้านธูป ซูจ้าว และอาจารย์ฝึกสอนของพรรคป้อมอีก 5 คนก็มาถึงที่ประตูทิศตะวันตก ภาพที่ปรากฏต่อมันเบื้องหน้าของมันในตอนนี้ราวกับเป็นฝันร้ายที่กลับมาหลอกหลอนมันอีกครั้ง!! เหตุการณ์เฉกเช่นเดียวกับเมื่อ 8 วันก่อนที่ประตูทิศใต้ เพียงแต่การสูญเสียและ ความอเนจอนาถนั้นมากกว่าคราวก่อนหลายเท่านัก!!
อาจารย์ฝึกสอน ชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นกลางทั้ง 4 คน มี 1 ถูกแยกศีรษะออกจากร่าง อีก 1 ถูกแยกศีรษะเช่นกันแต่ศีรษะถูกเหยียบย่ำจนแหลกละเอียด อีก 1 ถูกเผาและควักหัวใจออกมา คนสุดท้าย ถูกตัดแขนและขาทั้งหมด!!
บนกำแพงเมืองมีตัวอักษรขนาดใหญ่เท่าขนาดตัวคนเขียนด้วยเลือดว่า 'เล้ง'
ร่างของซูจ้าวสั่นสะท้าน มันไม่เคยคิดเคยฝัน ว่าเด็กผู้เยาว์เพียงคนเดียวจะสร้างความเสียหายต่อพรรคที่ยิ่งใหญ่ของมันได้ถึงเพียงนี้
"เจ้าลูกสุนัขบัดซบ ย๊ากกกก!!"
ตูม!!
ซูจ้าว ต่อยด้วยพลังสิบส่วนของมันไปที่ ตัวอักษร 'เล้ง' บนกำแพงเมือง เสียงดังสนั่นไปทั่ว กำแพงเมืองขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งมีไว้สำหรับปกป้องเมืองเมฆคราม แหลกละเอียดเป็นวงกว้างเกิดรูขนาดใหญ่รัศมีกว่า 10 เมตร
"เล้งซาน ข้าซูจ้าว จะฆ่ามันให้ได้!!"
"พวกเจ้าทุกคนเก็บกวาดพื้นที่ซะ อย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูชาวเมืองเมฆคราม มิเช่นนั้นพรรคเราคงกลายเป็นตัวตลกในเมืองเป็นแน่ ที่ถูกเด็กรุ่นเยาว์เหยียบย่ำเช่นนี้!!"
หลังจากสั่งการแล้ว ซูจ้าวก็ทะยานร่างออกจากเมืองอย่างรวดเร็ว แม้มันจะรู้ว่าโอกาสที่จะเจอเล้งซานนั้นน้อยนิดอย่างมากแต่หากมันไม่ออกติดตามตอนนี้มันจะต้องคลั่งตายด้วยโทสะเป็นแน่
ซูจ้าวค้นหาทั่วทั้งบริเวณอาณาเขต 50 ลี้ ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า แต่ก็ไร้ซึ่งร่องรอยของเล้งซาน เนื่องจากใช้วิชาตัวเบาตลอดทั้งคืนจนรู้สึกอ่อนล้าจากการสูญเสียลมปราณจำนวนมาก มันจึงตัดใจเลิกค้นหาและเดินทางกลับเข้าเมือง แต่เมื่อมาถึง ระยะ 10 ลี้สุดท้ายก่อนถึงประตูเมืองทิศตะวันตก ก็ได้มีเสียงบุรุษผู้หนึ่งแว่วเข้าหูของมันมา...
"โอ้ว~ อาวุโสซู จะกลับแล้วหรอ ข้าขอโทษที ข้าเผลองีบหลับไปตอนที่ท่านค้นหาข้า กะว่าจะรอให้ท่านหาอีกสัก 2 ชั่วยามและค่อยออกมาแท้ๆ เฮ้อ...แต่ท่านช่างตัดใจง่ายซะจริง"
เล้งซานออกมายืนด้านหลังของซูจ้าวห่างกันราว ๆ ร้อยก้าว ทำท่าบิดขี้เกียจเล็กน้อยราวกับพึ่งตื่นนอน
จริง ๆ แล้วเล้งซานไม่ได้หนีไปไหนไกล มันออกจากประตูทิศตะวันตกมาราว ๆ 5 ลี้ เล้งซานก็ขุดรู ลึกพอประมาณและฝังตัวเองอยู่ด้านในและกลบดินปิดทับดังเดิม เว้นช่องไว้สำหรับหายใจเพียงเล็กน้อย ลบประสาทสัมผัสทั้งหมดเพื่อมิให้ใครสัมผัสถึงมันได้ และนอนอยู่ในนั้นเพื่อรอให้ซูจ้าวออกตามหามันจนเหน็ดเหนื่อยบั่นทอนลมปราณของซูจ้าวเสียก่อน จากนั้นรอจนซูจ้าวใกล้จะกลับเมืองจึงค่อยเข้าปะทะ
"จะ..เจ้าลูกสุนัขบัดซบ!!"
แม้จะสูญเสียลมปราณไปมาก แต่อย่างไรซะ ซูจ้าว คือผู้บรรลุลมปราณชั้นสีเขียว ซึ่งมากกว่าเล้งซานถึง 2 ชั้นลมปราณ!! ไหนเลยมันจะกลัวเด็กผู้เยาว์รุ่นลูกเช่นเล้งซาน ซูจ้าว ทะยานร่างเข้าไปในทันที ปราณอัคคี อันร้อนแรงที่แผ่ออกมา ร้อนแรงเสียจนเศษใบไม้แห้งโดยรอบติดไฟขึ้นโดยฉับพลัน!!
เล้งซานโคจรปราณคุ้มกันในทันที ความร้อนของปราณอัคคีย่อมมิอาจสร้างความลำบากใดๆให้มันอีกต่อไป เล้งซานใช้วิญญาณมังกรหลบหมัดที่ทรงพลังของซูจ้าวได้อย่างเฉียดฉิว และสวนหมัดพลังสิบส่วนเข้าที่ท้องของ ซูจ้าว แม้มิอาจผ่านปราณคุ้มกันของซูจ้าวไปได้ แต่ก็ทำให้ซูจ้าวถอยหลังไปร่วม 3 ก้าว
"จะ..เจ้า!!"
ซูจ้าวเบิกตากว้าง มันไม่คิดว่าเล้งซานจะสามารถหลบการโจมตีของมันได้ อีกทั้งยังสวนกลับจนทำให้มันถอยหลังได้อีกด้วย เพลิงโทสะโหมเข้าใจจิตใจของมันโดนทันที ด้วยเกียรติภูมิของผู้อาวุโสพรรคใหญ่กลับถูกเด็กรุ่นหลัง โจมตีจนถอยกรูด นับเป็นความอัปยศโดยแท้!!
เล้งซานแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนการต่อสู้มันคิดไว้แล้วว่าหากไม่จำเป็น จะไม่ใช้ปราณอัคคีสีฟ้าโดยเด็ดขาด เพราะหากมันสังหารซูจ้าวไม่ได้ มันจะเป็นการเผยไพ่ในมือกับศัตรูจนเกินไป ในการปะทะครั้งนี้มันต้องการเพียงทดสอบความสามารถตนเองว่าจะต่อการกับผู้มีลมปราณชั้นสีเขียวได้แค่ไหน.....
...........................................................