ตอนที่ 26 ปราณสีครามขั้นที่ 3
"ปราณอัคคีสีฟ้านั้น...เป็นวิชาสำนักใดกันแน่ ในบันทึกของพรรคกระบี่เหินเรา ไม่มีคำกล่าวใดบอกว่า วิชาตระกูลเล้งมีวิชาปราณอัคคีแม้แต่น้อย แล้วเหตุใด.."
อี้หลงเทียนเอ่ยปากถาม
"เรียนผู้อาวุโส ผู้เยาว์แม้เป็นคนตระกูลเล้ง แต่ด้วยการล่มสลายของตระกูล ผู้เยาว์จึงมีอาจารย์อีกหนึ่งท่านคอยให้คำชี้แนะ เลยทำให้มีวิชาที่แตกต่างจากตระกูลเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย"
"อืม...อาจารย์ของเจ้าผู้นี้ ย่อมมิใช่คนธรรมดาสามัญเป็นแน่!! วิชาปราณอัคคีนี้ นับเป็นวิชาสายอัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยเห็นตลอดอายุข้า"
เล้งซานยิ้มเล็กน้อย
"ผู้เยาว์ขอเรียนตามตรง อาจารย์ข้าเป็นคนจากเผ่าเทพ"
"ผะ..ผะ...เผ่าเทพ!!"
ม่านตาของอี้หลงเทียนเบิกกว้าง อ้าปากค้างทันที
คำว่าเผ่าเทพในมุมมองของมนุษย์ย่อมมิต่างอะไรกับการกล่าวถึงพลังระดับพระเจ้า
"สมแล้วที่เป็นคนของตระกูลเล้ง จากบันทึกพรรคบ่งบอกว่าตระกูลเล้งมีความสัมพันธ์กับราชาแห่งเผ่าเทพ แต่มิคิดเลยว่าจะถึงขนาดรับเจ้าเป็นศิษย์ ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้!!"
เล้งซานยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในมิได้กล่าวสิ่งใด
"อาการบาดเจ็บของเจ้าก็หายดีแล้ว พลังฟื้นตัวที่ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างมาก เจ้าคิดจะทำการใดต่อ?"
"เรียนตามตรง ผู้เยาว์ย่อมต้องการเข้าไปสืบเรื่องของตระกูลลี้ลับ ที่เมืองหลวง การที่ถูกพรรคป้อมอัคคีตามตอแยอยู่เรื่อยไปเช่นนี้ ย่อมสร้างความขุ่นเคืองเป็นอันมากแก่ผู้เยาว์ เพราะฉะนั้น..."
"เพราะฉะนั้น?" อี้หลงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เล้งซานแหงนหน้ามองพระจันทร์ที่สว่างไสวในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ พลางแสยะยิ้มเล็กน้อยและปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่างอย่างท่วมท้น
อี้หลงเทียนแม้อายุร่วม 80 ปีประสบการณ์ในยุทธภพนี้ย่อมมากมายเหลือคนา แต่แผ่นหลังของมันยังถึงกับเปียกชุ่มด้วยเหงื่อที่ไหลดังสายน้ำ จากความหวาดหวั่นในจิตสังหารอันท่วมท้นของเล้งซาน ยากจะเชื่อว่าบุคคลที่ปล่อยจิตสังหารระดับนี้ออกมาเป็นเพียงเด็กอายุ 15 ปี!!
"ข้าจะลบชื่อพรรคป้อมอัคคีออกจากเมืองเมฆครามแห่งนี้!!"
อี้หลงเทียน เบิกตากว้างร่างสั่นสะท้านมิได้หยุด มันผู้มีลมปราณชั้นสีเหลืองขั้นที่ 9 อีกเพียงครึ่งก้าวจะขึ้นชั้นปราณสีส้ม กล่าวได้ว่ามันเป็นดั่งผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองเมฆครามแห่งนี้ ถึงกระนั้นมันยังมิกล้ากล่าวลอยๆว่าจะลบชื่อ 1 ใน 3 พรรคใหญ่ที่สุดของเมืองเมฆครามออกมา
"ปะ..ปะ...เป็นไปไม่ได้!! ต่อให้ข้าช่วยเจ้าอย่างเต็มที่ แต่การจะทำลายพรรคป้อมอัคคีนั้นย่อมมิอาจทำได้ พรรคป้อมอัคคีมี ซูซ่งหยู เป็นผู้นำพรรคที่อยู่ชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 3 ผู้อาวุโส อีก 7 คนที่ทั้งหมดอยู่ในชั้นลมปราณสีเขียว ผู้ฝึกสอนชั้นลมปราณสีน้ำเงินอีกนับร้อย และศิษย์ชั้นลมปราณสีครามอีกนับหมื่นคน ยังมิรวม ซูป้าหลง อดีตผู้นำพรรค ที่อยู่ชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 9 เช่นเดียวกับข้าอีก!!"
"แต่เจ้า!! ผู้มีลมปราณสีครามขั้นที่ 1 แม้แต่ศิษย์ของพรรคป้อมอัคคีที่มีลมปราณอ่อนที่สุด ยังนับได้ว่าลมปราณสูงกว่าเจ้าเลย เหตุใดจึงกล้าประกาศเช่นนั้น!!"
"เรียนผู้อาวุโส ผู้เยาว์มิได้จะกระทำการดังกล่าวภายในระยะเวลาใกล้ๆนี้ อย่างไรซะ ผู้เยาว์ตั้งใจว่าบ่มเพาะลมปราณให้ถึงชั้นลมปราณสีเขียวเป็นอย่างน้อย จึงจะเดินทางไปเมืองหลวง"
"เฮ้อออ... แล้วแต่เจ้าเถอะ หากมีสิ่งใดให้เราช่วยเหลือก็จงบอกมา ด้วยคำสั่งเสียของบรรพชนที่สืบทอดกันมา แม้ต้องแลกชีวิตกับพรรคป้อมอัคคีเราก็พร้อมจะช่วยเหลือเจ้า"
เล้งซานอึ้งในคำพูดของอี้หลงเทียนอย่างมาก มันย่อมคิดว่าอี้หลงเทียนย่อมช่วยเหลือมันแน่นอน แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นยอมแลกชีวิตเพื่อคำสั่งเสียของบรรพชน มันประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อยด้วยความเคารพ
"ผู้เยาว์ย่อมมิอาจสร้างความลำบากให้แก่ผู้อาวุโส แค่เพียงผู้อาวุโสให้การรักษาตัวแก่ผู้เยาว์ พร้อมให้ที่พักพิงแก่ผู้เยาว์ในตอนนี้ก็นับเป็นบุญคุณมากล้นแล้ว ทุกสิ่งต่อจากนี้ ผู้เยาว์จะขอกระทำด้วยตัวคนเดียว"
"ที่เจ้ากล่าวว่าจะลบชื่อพรรคป้อมอัคคีนี่ เจ้าคิดจะกระทำด้วยตัวคนเดียวรึ!!"
อี้หลงเทียนตกตะลึง ทันที
"ย่อมเป็นเช่นนั้น" เล้งซานแสยะยิ้มเล็กน้อย
"ผู้เยาว์จะขอพักที่นี่อีกไม่เกิน 3 วัน จากนั้นผู้เยาว์จะขอออกจากเมืองเมฆครามแห่งนี้ทันที ผู้เยาว์อาจไปโดยมิได้บอกกล่าว จึงขอร่ำลาแก่ผู้อาวุโสในโอกาสนี้ ขอให้ผู้อาวุโสดูแลสุขภาพด้วย"
"อืม...สุดแล้วแต่เจ้า" อี้หลงเทียนยิ้มพลาง พยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากแยกตัวกับอี้หลงเทียนเล้งซานกลับมาที่ห้อง มันเริ่มรวบรวมสมาธิและใช้เคล็ดวิชาเส้นลมปราณมังกรในทันที... จวบจนเวลาผ่านไปสองวัน ในสองวันนี้แม้อี้หลงหวัง นำอาหารมาให้มัน แต่มันก็มิได้ขยับจากจุดเดิมแม้แต่นิดเดียว และนางเมื่อเข้ามาก็มิได้รบกวนเล้งซานแต่อย่างใด เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินจากไปเท่านั้น จนเข้าสู่เช้าวันที่ 3
'บรรลุสู่ชั้นลมปราณสีคราม ขั้นที่ 3'
เล้งซานลืมตาขึ้นมา พลางยิ้มที่มุมปาก
"เหอะ!! เคล็ดวิชาเส้นลมปราณมังกรของเจ้านี้ นับว่าฉีกกฎเกณฑ์สวรรค์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์ เผ่าเทพ หรือเผ่าอสูร การจะผ่านสู่ระดับลมปราณสู่ชั้นถัดไป จำเป็นต้องบ่มเพาะลมปราณย่อย 9 ขั้น แต่ด้วยเคล็ดวิชานี้ของเจ้า ทำให้เจ้าบ่มเพาะลมปราณย่อยเพียง 6 ขั้นเท่านั้น" เสียงของเฟรย่าดังขึ้น
"จริงอยู่ว่าข้าอาจจะบ่มเพาะได้ไวกว่าคนทั่วไป แต่ยังอีกห่างไกลว่าที่ข้าจะไปยืนบนจุดสูงสุด" เล้งซานส่ายหน้าเล็กน้อย
"เฟรย่า ท่านจะเริ่มสอนวิชาปรุงยาให้ข้าเมื่อใดกัน ตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว"
"กลับไปที่หุบเขาหมื่นพฤกษา ขั้นแรกเจ้าต้องเริ่มที่การเรียนรู้สมุนไพรเสียก่อน"
"ตกลง คืนนี้ข้าจะออกจากที่นี่ทันที ด้วยสัมผัสของท่านบอกได้หรือไม่ว่าเราควรออกไปจากเมืองทางทิศใด"
เฟรย่าเงียบไปสักระยะ
"ประตูทิศตะวันตกและ ทิศใต้มีผู้ใช้ลมปราณชั้นสีน้ำเงิน เฝ้าอยู่ทิศละ 4 คน ส่วนประตูทิศเหนือ และทิศตะวันตก เฝ้าอยู่ทิศละ 3 คน จากพลังที่แผ่ออกมาบอกได้เลยว่าคนพวกนี้ล้วนใช้ปราณอัคคี คาดว่าน่าจะเป็นคนของพรรคป้อมอัคคี กระจายกำลังเพื่อค้นหาเจ้า"
"ดี!! คืนนี้ข้าจะมิอ้อมไปทางอื่นและจะบุกไปตรงๆที่ทิศตะวันตก เพื่อไปหุบเขาหมื่นพฤกษา"
"รอก่อนเถอะพรรคป้อมอัคคี ข้าเล้งซานพูดคำไหนคำนั้น หากยังมิอาจลบชื่อพรรคป้อมอัคคีออกจากเมืองนี้ ข้าไม่ไหนไกลแน่นอน!!"
ขณะนั้นเองอี้หลงหวังก็นำอาหารเข้ามาดังเช่นทุกเช้า แต่คราวนี้กลับพบเล้งซาน นั่งรอตนอยู่
"เจ้ามาซะที" เล้งซานยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
"เจ้าออกจากสมาธิแล้วอย่างนั้นหรือ อ๊ะ!! ลมปราณสีคราม ขั้นที่ 3!!"
ดวงตาของอี้หลงหวังเบิกกว้างอย่างเห็นได้ชัด เพราะเวลาผ่านมานับจากวันประลองเพียงไม่ถึง 10 วัน ลมปราณของเล้งซานกลับกระโดดขึ้นมา 3 ขั้น ย่อมต้องสร้างความตกตะลึงให้นางอย่างแน่นอน ในความเร็วบ่มเพาะที่เหนือสามัญสำนึกเช่นนี้!!
"จะ...เจ้า เหตุใดจึงขึ้นมาได้ถึง 3 ขั้นเพียงชั่วเวลาไม่นาน หรือว่าก่อนหน้านี้เจ้าปิดบังพลังลมปราณไว้"
อี้หลงหวังเข้าใจว่านี้เป็นลมปราณแท้จริงของเล้งซาน แต่ก่อนหน้านี้เล้งซานปิดบังเอาไว้ เพราะไม่มีทางที่ใครจะสามารถกระโดดข้ามมา 3 ขั้นภายในเวลาเพียงแค่นี้ แต่เล้งซานก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธหรืออธิบายแต่อย่างใด
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกแก่เจ้า"
"เรื่องใด" อี้หลงหวังขมวดคิ้วเล็กน้อย
"คืนนี้ ข้าจะออกไปจากที่นี่"
"รวดเร็วถึงเพียงนั้นเชียว เจ้าแข็งแรงดีแล้วรึ!!"
อี้หลงหวังอ้าปากเล็กน้อย พลางยกมือของนางขึ้นมาปิดปาก คล้ายว่านางคาดไม่ถึง ว่าเล้งซานรีบร้อนเช่นนี้
เล้งซานแสยะยิ้มเล็กน้อย
"เจ้าเป็นห่วงข้า?" เล้งซานหรี่ตาเล็กน้อยและจ้องไปที่ดวงตาของนาง
"เหอะ!! ย่อมไม่แน่นอน" อี้หลงหวังเบือนหน้าหนี หลบสายตาเล็กน้อย พลางหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา
"วางใจเถอะ ข้าย่อมกลับมาอีกแน่นอนโดยหวังว่าเจ้าจะรอข้านะ"
เล้งซานยิ้มเป็นมุมกว้าง
"เจ้าตัวลามก ใครจะรอเจ้ากัน เห็นแก่ท่านปู่ ขอให้เจ้าโชคดีก็แล้วกัน"
อี้หลงหวังหันหลังกลับทันทีเพื่อปิดบังสีหน้าและรีบเดินจากไป เล้งซานแสยะยิ้มเล็กน้อย
.................................