ตอนที่แล้วอสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 23 ที่มา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 หยอกเย้า

ตอนที่ 24 เป้าหมายต่อไป


เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจครุ่นคิด

'ข้าจะต้องเข้าไปในวังหลวง และสืบหาตระกูลลี้ลับนี้ให้จงได้'

"ท่านผู้อาวุโส หากท่านมิว่าอะไร ผู้เยาว์จะขอพักฟื้นที่เรือนของท่านสักระยะ เพื่อพักฟื้นได้หรือไม่? ข้าสัญญาว่าจะแอบซ่อนตัวไม่ทำให้ท่านลำบากเกี่ยวกับพรรคป้อมอัคคีแม้แต่น้อย"

"ย่อมได้เรายินดี ภายในพรรค นอกข้า ลูกชายข้าที่เป็นผู้นำพรรค และหลานสาวข้า ไม่มีผู้ได้ล่วงรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ส่วนพวกที่หน้าประตูทิศใต้ข้าได้กำชับมันไปแล้ว ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ เจ้าเชิญพักฟื้นโดยมิต้องกังวลสิ่งใด เรื่องอาหารประเดี๋ยวเราจะให้ หลานสาวเรานำมาให้เจ้าเองโดยตรง"

เล้งซาน ประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ จากนั้นอี้หลงเทียน ก็ออกไปจากห้อง

"เจ้าเด็กโง่ เจ้าคิดจะทำการใดต่อ?" เสียงของเฟรย่าดังขึ้น

"ข้าพลาดแล้ว" เล้งซานส่ายหน้าเล็กน้อย

"พลาด?"

"อืม...ข้าเปิดเผยตัวตนมากจนเกินไป เพราะข้ามิคิดว่าจะมีผู้ใด รู้จักวิชาตระกูลเล้ง จริงอยู่ที่ข้าคิดว่า อี้หลงเทียน นั้นค่อนข้างจะเชื่อถือได้ แต่ข้ากลับเผยวิชาให้ เสวียนอู่จิงฉาน แห่งราชวงศ์เสวียนอู่ เห็นด้วยนี่สิ"

"ข้าสงสัยตั้งแต่คราแรกแล้วว่า เหตุใดมันจึงรับปากข้าทันที อีกทั้งยังรีบออกเดินทางไปจากเมืองเมฆคราม โดยมิกล่าวร่ำลาผู้ใดแม้แต่น้อย พอได้ฟังเรื่องจากคำกล่าวของ อี้หลงเทียน มีความเป็นไปได้ว่า เสวียนอู่จิงฉาน จะดูออกว่าข้านั้นใช้ วิชาตระกูลเล้ง และแซ่ของข้าก็ยังใช้ แซ่เล้ง"

"และจะทำการใดต่อ" เฟรย่ายังคงสงสัย

"ข้ามิอาจเข้าวังหลวง พร้อมเสวียนอู่จิงฉาน ได้อีกแล้ว มันอันตรายเกินไปที่ข้าอยู่ในแสงสว่าง ขณะที่ตระกูลลี้ลับอยู่ในที่มืด แม้มีความเป็นไปได้ว่าตระกูลลี้ลับจะเป็นผู้เหลือรอดจากตระกูลเล้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ใช่เช่นเดียวกัน ข้าคิดว่ายังไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่ามันเป็นมิตร หรือศัตรู"

"แต่เจ้าก็จะเข้าวังหลวงอยู่ดี?"

"ถูกต้อง ข้าจะหาทางอื่นแทรกซึมเข้าวังหลวง และสืบหาตระกูลลี้ลับในความมืด เช่นเดียวกัน"

........................

เซี่ยวหลินหลุน เมื่อเกิดความวุ่นวายต่าง ๆ หลังการประลอง แม้จะดีใจที่หมู่บ้านได้รับรางวัลชนะเลิศ และมีชื่อเสียงขึ้นอย่างท่วมท้น แต่ก็ได้กลับมาที่หมู่บ้านเมฆาล่องในทันที เพราะเนื่องจากยังคงนึกเสียใจที่มิอาจดึงตัวอัจฉริยะอันดับ 1 ของเมือง อย่างเล้งซานไว้ได้ และไม่มีอำนาจใดๆในการช่วยเหลือมัน

อาจพูดได้ว่า ดีแค่ไหนแล้ว ที่พรรคป้อมอัคคีไม่ได้มาเอาเรื่องหมู่บ้าน เมฆาล่อง แต่เจาะจงแค่ที่ตัวเล้งซาน

"นายท่าน ช่างน่าเสียดายในตัวบุรุษผู้นี้อย่างยิ่ง นับถือความกล้าของมันจริงๆที่ถึงกับทำให้นายน้อยพรรคป้อมอัคคีพิการ และทำลายพลังลมปราณจนสูญสิ้น"

ชุนเกียงตู้ กล่าวพลางหันไปมองเซี่ยวหลินหลุน ที่ท่าทางกังวล

เซี่ยวหลินหลุน ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ลายพญาอินทรีตัวโปรด ข้อศอกชันขึ้นกับพนักพักแขน มือกุมศีรษะ แทบจะนับได้ว่าเป็นท่าทางประจำของมันเลย

"เฮ้ออออ.. ตัวข้าย่อมใคร่อยากจะช่วยเหลือมัน แต่ลำพังตัวเองยังต้องหนีพรรคป้อมอัคคีมาอยู่ที่นี่เลย จะเอาสิ่งใดไปช่วยเหลือมันได้"

ทันใดนั้นมีทหารเฝ้าประตู วิ่งเข้ามา

"เรียนนายท่าน อาวุโสซูจ้าว จากพรรคป้อมอัคคีมาขอพบ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าประตูเรือน"

เซี่ยวหลินหลุน ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาเบิกกว้างมันไม่คิดว่าพรรคป้อมอัคคีจะเข้ามาหามันถึงในเรือน

"ปล่อยให้เข้ามา"

เพียงเวลาไม่นาน ซูจ้าวก็เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับผู้ใช้ลมปราณขั้นสีน้ำเงินอีก 4 คน

"ไม่ได้พบกันนานนะ ท่านซูไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอันใดถึงได้มาหาข้าถึงหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้"

ซูจ้าว ยังไม่กล่าวสิ่งใด มันมองซ้าย มองขวาภายในเรือน และกระจายพลังโดยรอบ

"ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม เจ้าลูกสุนัขนั่นมันอยู่ในเรือนท่านใช่หรือไม่!!"

"ท่านซู หากคนที่ท่านกล่าวถึงคือเล้งซาน มันไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้านเลยหลังจากการประลอง"

"ถ้าเช่นนั้น ท่านต้องบอกที่มาของมันแก่ข้า มิเช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!!"

ซูจ้าวปล่อยพลังลมปราณขั้นสีเขียวออกมาแสดงถึงการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด ซูจ้าวนั้นออกตามหาเล้งซานทางด้านประตูทิศใต้กว่า 2 วัน มันไม่พบร่องรอยใดๆของเล้งซานแม้แต่น้อย การถูกเด็กหนุ่มอายุคราวลูกปั่นหัวหลายครา ทำให้ความอดทนมันถึงขีดสุด มิเช่นนั้นคงไม่มาถึงหมู่บ้านเมฆาล่อง แห่งนี้

เซี่ยวหลินหลุน ลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ยอมเลิกราได้ง่ายๆ จึงได้แต่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

"เล้งซาน บอกข้าว่ามันมาจากแดนใต้ของทวีปเต่าทมิฬ มันเป็นเด็กกำพร้า ในอดีตเคยเป็นศิษย์แกนหลักของสำนักเทือกเขาไท่จู"

"สำนักเทือกเขาไท่จู? เหตุใดข้ามิเคยได้ยินชื่อสำนักนี้"

"ข้าก็ไม่เคยได้ยินเช่นกัน สำนักในแดนใต้นั้นมีนับพัน นับหมื่น อาจเป็นสำนักเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อก็เป็นได้"

"ท่านจะบอกข้าว่าศิษย์จากสำนักเล็กๆที่มีเพียงชั้นลมปราณสีม่วง กลับทำผู้ฝึกสอนที่มีลมปราณชั้นสีน้ำเงินแห่งพรรคป้อมอัคคีของข้า บาดเจ็บสาหัสไปหนึ่ง และสังหารไปหนึ่ง อย่างนั้นรึ!!"

เซี่ยวหลินหลุนเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างของมันสั่นสะท้าน เรื่องที่เล้งซานทำให้ผู้ฝึกสอนระดับชั้นลมปราณสีน้ำเงิน บาดเจ็บสาหัสไปหนึ่ง และถูกสังหารไปหนึ่งนั้น ไม่ได้ถูกแพร่กระจายออกไป เพราะมันนับว่าเป็นความอัปยศของพรรคป้อมอัคคี เซี่ยวหลินหลุนที่รีบเดินทางกลับหมู่บ้านย่อมไม่รู้เรื่องนี้

"ทะ..ท่าน ว่าอะไรนะ มันเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 15 เท่านั้น มันกลับกระทำการดังท่านว่าเชียวรึ!!"

"เหอะ!! มันใช่เรื่องที่ข้าจะนำมาโป้ปดท่านเล่นๆ หรือไงกัน หากมันกลับมาทีนี่ ท่านต้องแจ้งแก่พรรคป้อมอัคคีของข้า มิเช่นนั้นแม้ต้องแตกหักกับตระกูลเซี่ยวหลิน ข้าก็จะมาถล่มที่นี่!!"

ซูจ้าวหันหลังกลับทันที โดยไม่สนใจท่าทีของเซี่ยวหลินหลุนแม้แต่น้อย ทิ้งให้เซี่ยวหลินหลุน ร่างสั่นสะท้านอยู่ ณ เบื้องหลัง...

..............

หลังผ่านการประลองมาได้ครบ 5 วันอาการบาดเจ็บของเล้งซานทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งในความจริงอาการบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายในของมันจำต้องให้เวลาร่วมเดือนในการรักษา สร้างความแปลกใจให้แก่ อี้หลงเทียน เป็นอันมากแม้แต่เล้งซานเอง ก็ยังประหลาดในใจพลังฟื้นตัวเช่นนี้

"เฟรย่า ท่านคิดว่าที่พลังฟื้นตัวของข้าสูงขึ้นมากมายเช่นนี้เป็นเพราะ ร่างสถิตมังกรฟ้า หรือไม่?"

"เราก็คิดเช่นนั้น ร่างสถิตมังกรฟ้า ความแข็งแกร่งและพลังฟื้นตัวจะมากกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่า หรืออาจจะมากกว่าเผ่าเทพ และเผ่าอสูรเสียด้วยซ้ำไป"

"ท่านจะมิยอมบอกที่มาของ ร่างสถิตมังกรฟ้า แก่ข้าหน่อยหรือ?"

"เหอะ!! มันยังไม่ถึงเวลา เจ้าจะให้เราเสียคำมั่นต่อปู่เจ้าหรือไง"

"เฮ้ออ... ท่านก็นำปู่ข้ามาอ้างทุกที" เล้งซานส่ายหน้าเล็กน้อย

เมื่ออาการบาดเจ็บทั้งหมดหายดีแล้ว มันจึงเริ่มโคจรพลังที่ตกค้างของเจี่ยอ้าวตี้ทันที จนกระทั่งผ่านไป 1 ชั่วยาม..

'สำเร็จพลังลมปราณชั้นสีคราม ขั้นที่ 1'

..........................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด