ตอนที่ 59 ฉันเองก็เป็นชาวบ้านด้วย
เมื่อทุกคนนั่งลง ผู้อำนวยการก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นคนไม่ชอบพูดอ้อมค้อม ที่เชิญพวกคุณมาครั้งนี้เป็นเพราะเจ้านายของฉันต้องการร่วมงานด้วย ทุกคนรู้ถึงประสิทธิภาพของขีดจำกัดเทียนเกิร์ลกรุ๊ปดีอยู่แล้ว หากคุณมาร่วมกับสุดยอดเกิร์ลกรุ๊ป เราจะสามารถสร้างเกิร์ลกรุ๊ปที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศได้แน่นอน ส่วนเรื่องสัญญาทางเราได้เตรียมเอาไว้แล้ว คุณลองเอาไปลองพิจารณาดู” เย่เทียนส่งสายตาให้เจียงเซิ่งเฟิงรับสัญญา
ก่อนออกเดินทาง เย่เทียนบอกให้เจียงเซิ่งเฟิงเป็นผู้ก่อตั้งเทียนเกิร์ลกรุ๊ปในนามเพื่อสานสัมพันธ์และเขาจะเป็นผู้ช่วยแทน
การปลอมตัวครั้งนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเย่เทียนเป็นผู้ก่อตั้งตัวจริง
“หัวหน้าเลี่ยว ไว้เราค่อยมาคุยรายละเอียดกันหลังจากที่ฉันอ่านสัญญาเสร็จ” เจียงเซิ่งเฟิงพูดด้วยความถ่อมตนและเย่อหยิ่ง
“ได้เลย ไม่ต้องรีบร้อน มาไกลถึงเซินเจิ้นทั้งทีคงจะเหนื่อย ทางเราได้เตรียมห้องรับรองพิเศษไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นบริษัทจะมีงานเลี้ยงต้อนรับพิเศษให้คุณด้วย”
“ดี ลำบากคุณแล้ว”
ในตอนนี้เย่เทียนและกลุ่มของเขาได้ไปที่ห้องรับรองภายใต้การนำของผู้อำนวยการ ในช่วงเวลานี้สาวๆหลายคนก็ได้พูดคุยกับหยางจิ่นลี่อย่างเมามันและหยางจิ่นลี่ก็เป็นเหมือนในข่าวลือ เธอเป็นคนสบายๆ ตรงไปตรงมาก และทำตัวไม่เหมือนดาราดังเลยสักนิด
หยางจิ่นลี่เสนอให้หญิงสาวหลายคนที่กำลังจะไปพักผ่อนตั้งกลุ่มกันเพื่อเยี่ยมชมบริษัท ส่วนเย่เทียนก็กลับมาห้องรับรองพร้อมเจียงเซิ่งเฟิง
ในห้องนั่งเล่น
เจียงเซิ่งเฟิงเคาะสัญญา “คุณเย่ ในสัญญานี้มีบางอย่างผิดปกติ”
“มีกับดักไหม?” เย่เทียนถาม
“ไม่ เงื่อนไขที่พวกเขาเสนอดีมาก เท่าที่ฉันรู้มาในวงการนี้มีไม่เกิน 10 คนที่ได้รับสัญญาระดับS” เจียงเซิ่งเฟิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
เย่เทียน “นั่นไม่ใช่เรื่องดีเหรอ?”
เจียงเซิ่งเฟิงถอนหายใจ “ฉันคิดว่ามันเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่เคลือบน้ำตาล จุดประสงค์ของพวกเขาคือเอาชนะใจคน ความตั้งใจในการไล่ล่าMCทั้งสี่ชัดเจนมาก นี่เป็นวิธีที่พวกผู้ผลิตรายใหญ่ใช้กัน ขั้นแรกคือเล่าความฝันและอนาคตให้คุณฟังจากนั้นก็รอคุณกินเหยื่อแล้วจับเซ็นสัญญากับบริษัท ขั้นต่อไปคือให้ทำงานโดยไม่รู้จบหรือจะพูดให้ดูดีคือให้ทำไปก็เพื่อประโยชน์บนเส้นทางดาราของคุณเอง ฮิฮิ...”
เย่เทียนยิ้ม “ก็ปกตินิ ที่เอ็มเพอร์เรอร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของนายก็ทำแบบเดียวกันไม่ใช่รึไง?”
เจียงเซิ่งเฟิงอึ้ง “นั่นก็เพื่อทำเงิน เราไปเตือนพวกเธอดีไหมคุณเย่? พวกเธอยังเด็กเกินไปและจะถูกภาพลวงตาพวกนั้นหลอกเอาได้ง่ายๆ”
“ไม่” เย่เทียนพูดอย่างสบายๆ “ปล่อยให้พวกเธอเลือกเองเถอะ ฉันไม่ได้สร้างเทียนเกิร์ลกรุ๊ปเพื่อทำเงินอยู่แล้ว”
...
หลังจากนั้นไม่นาน
โหยวฉินเสี่ยวเหยาและคนอื่นๆต่างร้องไห้เหมือนกระต่ายเมื่อกลับมา ถ้าใครไม่รู้เรื่องคงคิดว่าพวกเธอถูกทุบตีมาแน่ แต่หลังจากถามแล้วปรากฏว่าพวกเธอแค่คุยกับหยางจิ่นลี่ ผู้หญิงหลายคนไม่ใช่แค่อายุใกล้กันเท่านั้นแต่พวกเธอยังเกิดในสังคมชนชั้นล่างเหมือนกันด้วย แม้ว่าจะเป็นการพูดคุยเรื่องธรรมดาแต่โหยวฉินเสี่ยวเหยาบอกว่าหยางจิ่นลี่ร้องไห้หนักกว่าพวกเธออีก...
เซียวยวี่เยียนปาดน้ำตา “ไม่ง่าย้ลยที่พี่จิ่นลี่จะมีวันนี้ เธอมาถึงวันนี้ได้ด้วยหยดเลือดและน้ำตา...ฮืออ!”
“พี่ชาย!”
เซียวยวี่เยียนเข้ามาใกล้ “พี่จิ่นลี่น่าสงสารมาก วันนึงเธอได้พักน่อยกว่า 4 ชั่วโมงอีก คุณเชิญเธอเข้ากลุ่มของเราได้ไหม?”
“กลุ่มของเรา?”
เย่เทียนหัวเราะ “ทำไม หรือว่าเธออยากเข้าเกิร์ลกรุ๊ปด้วย?”
“ไม่เอา!” เซียวยวี่เยียนแดง “ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรทั้งนั้น...ถ้าไปเข้าร่วมเกิร์ลกรุ๊ปคงทำให้พวกคุณขายหน้าแย่…”
“ฉันเข้าใจว่าเธอหมายความว่ายังไง แต่เธอไม่ใช่ปลาแล้วเธอจะรู้ความสุขของปลาได้ยังไง? บางทีพี่จิ่นลี่ของเธออาจมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ก็ได้?” เย่เทียนยิ้ม “พวกเธอรีบไปพักกันเถอะ ดูสิตาของพวกเธอแดงหมดแล้ว คืนนี้จะมีสื่อมาที่นี่ด้วยดังนั้นพวกเธอควรใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเอง”
ค่ำคืนเงียบสงัด งานเลี้ยงอาหารค่ำของโรงห่านได้เริ่มขึ้น
หยางจิ่นหลี่และMCทั้งสี่คนต่างเป็นจุดสนใจของผู้ชม สื่อมากมายได้ขอสัมภาษณ์พวกเธอก่อนที่จะได้กินข้าว เย่เทียนเป็นคนที่สบายที่สุดในงาน เขาไม่ต้องอะไรเลยนอกจากดื่มกิน
แม้เย่เทียนจะดูไม่เด่นมากในคืนที่เต็มไปด้วยดารา แต่ความมั่นใจและรัศมีจากภายนอกของเขาดึงดูดความสนใจของคนคนหนึ่ง และคนคนนั้นคือหยางจิ่นลี่
“ผู้ช่วยเย่เทียน? น่าขำ คนที่ดูเด่นจากระยะไม่กี่ร้อยเมตรแบบนี้จะเป็นผู้ช่วยได้ยังไง...”
ในท้องฟ้ายามราตรี พระจันทร์เสี้ยวเป็นเหมือนตะขอ และดวงดาวก็ส่องแสงเจิดจ้า
ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนในเมืองชั้นนำอย่างเซินเจิ้น
“ฉันคิดเสมอว่าฉันเป็นคนเดียวที่ขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อดูดาวในตอนที่ไม่มีอะไรทำ”
เมื่อได้ยินเสียงหยางจิ่นลี่จากข้างหลัง เย่เทียนจึงหันกลับไปพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณมีเวลาดูดาวด้วยเหรอ? ตารางานของคุณมีกำหนดงานเต็มไปหมด อีกเดี๋ยวคุณต้องบินไปฝรั่งเศสตอนตีสาม”
หยางจิ่นลี่ยิ้ม “ดังนั้นฉันเลยต้องหาเวลาผ่อนคลายไง - เย่เทียน คุณเป็นผู้ก่อตั้งเกิร์ลกรุ๊ปใช่ไหม?”
ตรงไปตรงมาซะจริง...
“ใช่” เย่เทียนไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ไว้ “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสัญญา เลยทำได้แค่ให้เจียงเซิ่งเฟิงออกมาข้างหน้าแทนฉัน ความร่วมมือครั้งนี้มีโอกาสที่จะสำเร็จเก้าในสิบ ดังนั้นโปรดดูแลชาวบ้านที่ชื่นชมคุณด้วย”
“แน่นอน พวกเราลงเรือลำเดียวแล้ว” หยางจิ่นลี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“ทุกคนจะได้รับบทสังเวยสู่สวรรค์ แต่สุดท้ายก็หันหลังให้สวรรค์อยู่ดี…” เย่เทียนแสดงความรู้สึกออกมา
หยางจิ่นหลี่พูดด้วยความแปลกใจ “คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
เป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะรู้เรื่อง'สังเวยสู่สวรรค์'
เย่เทียนหยิบปากกาไฮไลท์ขึ้นมาและคว้าที่เสื้อของเขา “ฉันเองก็เป็นชาวบ้านของชุนฮวาด้วยเหมือนกัน...ดังนั้นช่วยเซ็นต์ให้ฉันด้วย!”
หยางจิ่นลี่: (¬、¬)
...
แน่นอนว่าการรวมตัวของเกิร์ลกรุ๊ปทั้งสองกลายเป็นหัวข้อค้นหาสุดร้อนแรงในวันถัดมา นี่เป็นการทิ้งระเบิดในวงการวาไรตี้อย่างไม่ต้องสงสัย การบรรยายของแฟนคลับต่างไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย
เย่เทียนเป็นคนชอบดูรายการวาไรตี้แต่ใช่ว่าเขาชอบมีส่วนร่วม หลังจากพักที่เซินเจิ้น 2 วันเขาก็กลับไห่จิง
ตอนนี้การจราจรได้พัฒนาขึ้นมากแล้วจะไปไหนมาไหนก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ว่างๆค่อยแวะมาหาก็ได้
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
บ่ายวันนี้เย่เทียนกำลังขายแพนเค้กที่ทางเข้าโรงเรียนหงเหมย เมื่อเขากำลังจะเก็บแผงลอยก็มีคู่รักเข้ามาเถียงใกล้ๆร้านเขา
ชาย “ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะเสี่ยวฉิง...ฉันสัญญาว่าจะทำงานหนักขึ้น!”
หญิง “ฉันผ่านวัยฟังความรักไปนานแล้ว ฉันให้โอกาสนายไปตั้งกี่ครั้ง? ฉันคิดว่าเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อนายเข้าทำงานในโรงห่าน แต่นายทำอะไรลงไป? นายลาออกโดยไม่บอกฉัน? นี่ยังคิดว่าฉันเป็นแฟนอยู่ไหม? นายเคยคิดถึงฉันบ้างรึเปล่า?”
ชาย “ที่ฉันไม่บอกเธอ...ก็เพราะถ้าบอก เธอก็ไม่ให้ฉันลาออกน่ะสิ โรงห่านก็ดีแต่มุมมองมันต่างจากของฉัน ฉันแค่อยากสร้างเกมที่ทุกคนชอบเล่นจริงๆ ไม่ใช่เกมเร่งด่วนในตลาดที่แข็งแกร่งด้วยการเป็นสายเติม...”