ตอนที่ 35 จักรพรรดิมารจันทรา
หลังจากผ่านชายแดนในเขตตะวันออกของทวีปฟ้าสวรรค์ ขบวนคาราวานก็เดินทางไปยังหนทางที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
จากที่เคยมีคาราวานของเมืองอื่นร่วมเส้นทางมา
บัดนี้มันลดน้อยลง น้อยลง จนบนเส้นทางเหลือเพียง3ขบวนคาราวานที่ผูกติดเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น
บริเวณเบื้องหน้าขบวนคาราวานนี้ เป็นหุบเขาสามลูก
หุบเขาขนาดใหญ่อยู่ด้านซ้ายและขวา ตรงกลางเป็นหุบเขาลักษณะเล็ก ถ้ามองจากไกลๆคล้ายกับผีเสื้อที่กำลังกางปีกออก
ถ้ายอดเขาทั้งสองลูกนั้นเปรียบเสมือนเช่นปีกของผีเสื้อ ขบวนของหนิงเทียนก็กำลังจะมุ่งหน้าไปยังยอดเขาตรงกลางขนาดเล็ก ที่มีลักษณะคล้ายกับเป็นตัวของผีเสื้อ
วันแรกของการเดินทางได้ผ่านไป ด้วยความเร็วพิเศษของหมาป่าปีกดำนั้น มันจะใช้เวลาประมาณ30วันแม้ว่าหมาป่าปีกดำนั้นจะมีเวลาเร็วมากที่สุดในบรรดาอสูรลมปราณขั้นที่1
แต่เนืองจากมันต้องลากคาราวานขนาดใหญ่3กองและมันก็เป็นเพียงสัตว์อสูรขั้นที่1เท่านั้น มันจึงไม่สามารถเดินทางข้ามวันข้ามคืนได้
ขบวนคาราวานจึงต้องหาที่พักในยามค่ำคืน ผู้คนในคาราวานทั้งสามกองนั้น ลงมาตั้งค่ายรอบๆหมาป่าปีกดำในขณะที่ผู้ควบคุมกำลังให้หินลมปราณแก่หมาป่าปีกดำเพื่อฟื้นฟูพลังของมัน
ผู้คนจำนวนมากนั่งลงเตรียมอาหาร บางคนก็กำลังย่างเนื้อสัตว์ป่า บางคนก็นำอาหารที่เตรียมไว้ล่วงหน้ามากินกัน
คนส่วนใหญ่กำลังตั้งเต๊นท์ ปูผ้าเตรียมที่จะพักผ่อน โดยที่รอบๆมีผู้คุ้มกันในแดนนักรบนับกระจายกำลังเฝ้าอยู่รอบๆ
หนิงเทียนนั้นอยู่ในที่ลับตามันกำลังเอาผ้ามาปูรองเพื่อจัดเตรียมที่นอน
ขณะเดียวกันราชาภูตที่อยู่ในแขนเสื้อของมันได้บินออกมาพร้อมทั้งบ่นออกเช่นคนแก่ “ราชาผู้นี้ทนอยู่ในแขนเสื้อคุณชายมาทั้งวัน เมื้อยจะตายอยู่แล้ว”
หนิงเทียนมองไปยังราชาภูตที่กำลังบินวนอยู่บนอากาศนั้น มันจึงเอ่ยถามกลับไป
“ไม่ใช่เจ้า ถอดร่างอยู่ในแขนเสื้อของข้า และทิ้งจิตเข้าไปในมิติอนันตเวคีหรอกหรือและเหตุใดเจ้าถึงได้บ่นว่าเมื้อยได้?”
ราชาภูตยิ้มแห้งๆพร้อมกล่าวออก “เป็นเช่นนั้นนี้เอง”ขณะเดียวกันมันมองไปยังผ้าปูพื้นเล็กๆที่ปูกับพื้นดิน มันจึงกล่าวออกมา“คุณชายเหตุใดถึงไม่เข้าไปพักในมิติอันตเวคีของราชาผู้นี้”
หนิงเทียน ส่ายศีรษะปฎิเสธ “ถ้าข้าหายไปในตอนดึกต้องกลายเป็นเรื่องวุ่นวายแน่ ดีไม่ดีจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับเสียเองอีกด้วย”
เหมือนว่าหนิงเทียนนึกคิดอะไรขึ้นมาได้มันจึงกล่าวต่อ “อู๋ชาง ซิเฟยนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
ราชาภูตกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสใดๆ “เฮ๊อะ มนุษย์ตัวเหม็นผู้นั้น ช่างน่าเศร้าใจนัก มันที่พิกลพิการอยู่แล้วกลับถูกผายลมของเฒ่าซานจนร่างกายแหลกเหลวไปแล้ว”
“เหตุใดจึงฆ่ามันเสีย”หนิงเทียนกล่าวอย่างมีโทสะมันไม่ได้ใส่ใจชีวิตของซิเฟย แต่มันไม่พอใจที่เจ้าเฒ่าสองตัวไม่ฟังคำสั่งของมัน
“คุณชายในเรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยวอันใด เป็นเฒ่าซานที่ไปผายลมใส่มันเอง”ราชาภูตรีบปัดความผิดไปให้สหายของมัน
“อย่าคิดว่าข้านั้นไม่รู้ คงเป็นเจ้าที่ทรมานมันจนถึงแก่ความตายและโยนความผิดให้แก่ซานซัน”หนิงเทียนกล่าวดักราชาภูตไว้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นราชาภูตที่กำลังจะกล่าวแก้ตัวออกมันรีบปิดปากของมันทันที ใบหน้าที่เหย่อหยิ่งของมันซีดลงในทันใด เวลานี้มันบินไปรอบๆมองไปทั่วทั้งสี่ทิศอย่างกับคนที่หวาดระแวง
หนิงเทียนที่มองดูท่าทีของมันถึงกับส่ายศีรษะในทันที
‘เจ้าภูตตัวนี้ช่างกลิ้งกลอกนัก ถึงกับแสดงละครเช่นนี้ออกมา’ ก่อนที่หนิงเทียนจะได้กล่าวอะไร
น้ำเสียงที่เย็นเหยียดของราชาภูตดังออกมา “คุณชาย...คุณชายข้าสัมผัมได้ถึงพลังของมารจันทรา”
เมื่อหนิงเทียนได้ยินน้ำเสียงของอู๋ชาง มันเริ่มที่จะแปรเปลี่ยนความคิดพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง“มารจันทราคือใคร?”
“ไม่เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่มัน ราชาผู้นี้เห็นมันตายไปกับตาตัวเอง” ราชาภูตพึมพำกับตนเองโดยไม่สนใจคำถามของหนิงเทียน
หนิงเทียนนั้นโมโหกับท่าทีของอู๋ชางที่ไม่ตอบคำถามมันมาก มันจึงได้เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็น “อู๋ชาง ข้าถามว่ามารจันทราเป็นตัวอะไร”
เมื่อกล่าวถึงมารจันทราน้ำเสียงที่เหย่อหยิ่งเสมอของราชาภูตเปลี่ยนไป มันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นและเย็น
“คุณชายมารจันทราหรือจักรพรรดิมารจันทราเป็นตัวตนจักรพรรดิบรรพกาลในยุคเดียวกับท่านหวงตี้”
ได้ยินเช่นนั้นคิ้วของหนิงเทียนขมวดเข้าหากันเป็นปมมันกล่าวออกอย่างระวังว่า
“เจ้าบอกว่าจับสัมผัสของตัวตนเช่นนั้นได้”
“ต้องไม่ใช่มันแน่นอนคุณชาย ตัวตนของมันตกตายไปหลายหมื่นปีแล้ว มันไม่มีทางจะฟืนจากความตายได้แน่”
“แต่เจ้าสัมผัสได้ถึงพลังของมันหมายความว่าอย่างไร”
ราชาภูตครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ราชาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ต้องเป็นสัมผัสวิญญาณของมันแน่ ราชาผู้นี้ไม่มีวันลืมสัมผัสของมันเป็นอันขาด”
หนิงเทียนมองไปยังท่าทางของอู๋ชางไม่บ่อยครั้งเลยที่มันจะแสดงท่าทีวิตกเช่นนี้ออกมา
“จักรพรรดิมารจันทราอะไรนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดที่ทำให้เจ้าหวาดกลัวได้?”
“คุณชายมารจันทราเป็นจักรพรรดิที่ท่านหวงตี้ใช้เวลาปราบถึง49วัน49คืน
1ใน10ส่วนของพื้นที่รอบนอกเป็นน้ำทะเลก็เพราะผลมาจากการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสอง”
“แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น อู๋ชางเจ้าสัมผัสถึงจิตวิญญาณมันได้ที่ใด”หนิงเทียนที่ได้ฟังเช่นนั้นถึงกับร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมาทันที
ราชาภูตหลับตาลงปราณบริสุทธิ์ภายในตัวมันแพร่ออกมาเพียงชั่วครู่มันเปิดตาลง
“จิตของมันอยู่ภายในกระโจมมนุษย์ตัวเหม็นที่เป็นหัวหน้าขบวน คุณชาย ขอให้ข้าไปไขข้อข้องใจนี้ด้วยเถอะ”
“จงไป แต่จงจำไว้ อย่าได้เปิดเผยตนเองและถ้ามีอันตรายใดๆอย่าได้กระทำโดยพละการเด็ดขาด” สิ้นเสียงของหนิงเทียนราชาภูตหายตัวไปราวกับอากาศ
ในขณะที่หนิงเทียนกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องมารจันทราอยู่ มันได้หยิบเนื้อแรดหลังเหล็กออกมาจากแหวนมิติ ทันทีที่หนิงเทียนกำลังจะนำชิ้นเนื้อเข้าปาก มันได้ยินถึงเสียงฝีเท้าของคนผู้หนึ่ง
ชั่วครู่ก็ปรากฏร่างของหลี่เฟิงในสายตา มันเดินมาหาหนิงเทียนอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า“น้องชายหนิงข้ามาตามเจ้า เปาเปาได้ทำอาหารจากเนื้อสัตว์ป่าระดับสองพวกเราไปกินด้วยกันเถอะ”
หนิงเทียนกล่าวตอบด้วยความขอบคุณ “ตัวข้าพอมีเนื้อแห้งติดตัวมาบ้างไม่ขอรบกวนพวกท่าน”
“อย่าได้กล่าวเช่นนี้กับพวกเรา เจ้าไม่ได้รบกวนอะไรพวกเราทั้งนั้น ไป เราไปกัน”
หลี่เฟินดึงแขนหนิงเทียนไปทันที
หนิงเทียนระบายลมหายใจออกในความคิด ‘ข้านั้นกำลังจะกินเนื้อสัตว์อสูรขั้นที่3 แต่พวกเจ้ากับลากข้าเพื่อไปกินเนื้อสัตว์ป่า’
ที่สุดแล้วหนิงเทียนจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกเราไปกัน”
มันเก็บเนื้อแรดหลังเหล็กอย่างรวดเร็ว เวลานี้มีเรื่องของมารจันทราเข้ามา มันไม่ต้องการกลายเป็นจุดสนใจจนกว่าจะไขข้อข้องใจนั้นได้
“ทางนี้หลี่เฟิง หนิงเทียน” ราวกับละครที่กำลังฉายภาพซ้ำ เสียงตะโกนนั้นดังมากจากเปาเปาเหมือนกับคร่าแรกที่พวกมันพบเจอกันไม่ผิดเพี้ยน
ทั้งสองส่ายศีรษะและอดที่จะยิ้มออกไม่ได้พวกมันทั้งคู่เดินไปยังเปาเปาทันที
“แท๊นแทนน นี้คือเนื้อกวางหิมะ สัตว์ป่าขั้นที่2 ที่พี่ใหญ่หลานล่ามา”เปาเปากล่าวออกด้วยความภาคภูมิ
“เปาเปา เหตุใดเจ้าต้องแบ่งให้คนนอกด้วย”เสียงของเหลียวเหยียนดังออกมาจากกลุ่มที่นั่งผิงไฟอยู่
“คนนอก? รองหัวหน้าเหลียวหมายถึง” เปาเปาถามออกอย่างไม่รู้
“ใช่เจ้าเด็กมนุษย์นั้น มันไม่ได้ทำประโยชน์อันใดให้กลุ่มเราเลย ที่พี่ใหญ่หลานให้เมตตาช่วยคุ้มครองมันก็นับว่าบุญแล้ว เหตุใดยังคงต้องแบ่งเนื้อกวางหิมะที่ทั้งชีวิตของมันก็ไม่มีปัญญาล่าเองได้ ให้แก่มันด้วย”
ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น ความไม่พอใจบังเกิดขึ้นภายในใจของหลี่เฟิง
“รองหัวหน้าเหลียว น้องชายหนิงเป็นสหายของข้า หาใช่คนนอกไม่”
“หลี่เฟิง เจ้ากล้าไม่ให้ความเคารพข้า ข้าเป็นถึงรองหัวหน้า เจ้าเป็นเพียงแค่คนในกลุ่มเท่านั้น” เหลียวเหยียนตะหวาดเสียงดัง ด้วยเสียงที่ดังของมันนั้นทำให้คนอื่นๆหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน
“เอาละ พอได้แล้ว เหลียวเหยียน เจ้าเป็นถึงรองหัวหน้าต้องใจกว้างกว่านี้หน่อย”หลานเหลียงกล่าวเชิงตำหนิออกไป
ได้ยินคำตำหนิของพี่ใหญ่หลานทำให้เหลียวเหยียนนั้นเปี่ยมไปด้วยโทสะ
มันรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก “พี่ใหญ่หลานข้าขอตัว ข้าไม่อาจกินอาหารร่วมกับพวกมนุษย์ชั้นต่ำได้ เปาเปา เอาเนื้อกับสุรามาให้ข้า”
เมื่อเหลียวเหยียนรับเนื้อกับสุรามาแล้วมันกล่าวออกเสียดัง “พวกเราไป กลุ่มของเหลียวเหยียนสิบกว่าคนเดินออกจากกองไฟไปทันที เมื่อกลุ่มปัญหาออกไปหมดแล้วเวลานี้พวกที่เหลืออยู่นั้นทั้งกินและร้องรำกันอย่างสนุกสนาน
เวลาผ่านไปชั่วพักใหญ่ เสียงของชายหนุ่มด้านข้างหลานเหลียงดังขึ้น “พี่ใหญ่หลาน นั้นผู้คุ้มกันโจวกำลังเดินมา”
ชายฉกรรณ์คนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในกลุ่มที่หนิงเทียนอยู่ มันสวมใส่ชุดนักรบเต็มเครื่องแบบ
ผู้คุ้มกันโจวอายุประมาณ40-50ปี เขาเป็นผู้คุ้มกันที่อยู่กับหัวหน้าเกามานาน แม้เขาจะอยู่ในระดับองครักษ์ขั้นกลาง แต่เนื่องจากเขาเป็นคนสุภาพทุกคนในกอง คาราวานจึงให้ความเคารพแก่เขาเป็นอย่างสูง
“หัวหน้าหลาน ท่านเกาซุนเชิญกลุ่มของพวกท่านไปร่วมกินมื้อเย็นกับพวกเรา”ผู้คุ้มกันโจวกล่าวเชิญอย่างอบอุ่น
“รบกวนเกินไปแล้ว ผู้คุ้มกันโจว พวกเราเตรียมอาหารมาเองบ้าง ยิ่งกว่านั้นพวกเรามีจำนวนมาก ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเกาเสียมากกว่า” หลานเหลียงปฎิเสธอย่างสุภาพ
“หัวหน้าหลาน ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเรานั้นร่วมงานกันมานานอีกทั้งท่านเกาอยากเลี้ยงอาหารขอบคุณที่พวกท่านได้ทำงานอย่างหนักและยังต้องการสนทนาเรื่องการเดินทางข้างหน้าด้วย” ผู้คุ้มกันโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านแล้ว”หลานเหลียงกล่าวอย่างสุภาพพร้อมทั้งสั่งการออกไป
“เปาเปา เจ้าไปตามเหลียวเหยียนมา”
ขณะเดียวกันมันหันไปกล่าวกับลูกน้องคนอื่นๆ “พวกเจ้าจงดื่มกินกันให้สนุกอยู่ที่นี้”
หลานเหลียงตัดสินใจไม่พาพี่น้องทั้งหมดของมันไป มันพาไปเฉพาะคนสำคัญอย่าง เหลียวเหยียน หลี่เฟิงและเปาเปาเท่านั้น
สำหรับหนิงเทียนมันมิได้มีความต้องการที่จะพาไปแต่ด้วยคำขอร้องของหลี่เฟิงที่กล่าวอ้างในเรื่องความปลอดภัย จึงทำให้หลานเหลียงพาหนิงเทียนไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
‘เหตุใดพี่ใหญ่หลานถึงเอาเจ้าเด็กนี้ไปด้วย’ ภายในใจของมันนั้นเกิดความไม่พอใจนัก แต่มันก็ไม่กล้ากล่าวคำพูดใดออกมา ต่อหน้าผุ้คุ้มกันโจว นั้นมันยังให้ความเคารพพี่ใหญ่มันเป็นอย่างมาก
ในขณะที่หนิงเทียนกำลังเดินตามกลุ่มของผู้นำโจวไป ชั่วพริบตาร่างของราชาภูตปรากฎขึ้นภายในแขนเสื้อของมัน
หนิงเทียนส่งเสียงด้วยลมปราณอย่างแผ่วเบา‘อู๋ชางได้เรื่องว่าอย่างไร’
‘คุณชาย จิตวิญญาณของมารจันทราที่ข้าสัมผัสได้นั้น มันเปล่งออกมาจากกล่องเหล็กจงหลี’
‘กล่องเหล็กจงหลีคือ?’
‘คุณชาย มีคำเล่าลือกันว่าจักรพรรดิมารจันทราได้ทิ้งมรดกบางอย่างไว้ในกล่องเหล็กจงหลีก่อนที่จะไปต่อสู้ตัดสินเป็นตายกับท่านหวงตี้’
‘แต่มีบางเรื่องที่ราชาผู้นี้ยังติดใจอยู่ด้วยของสำคัญเช่นนี้เหตุใดมนุษย์หน้าโง่ถึงใช้ผู้คุ้มกันที่มีพลังต้อยต่ำแค่แดนแห่งปราชญ์’
‘นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเจ้าใช้ผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งไม่เท่ากับเป็นการเปล่าประกาศออกไปหรือว่าเจ้ากำลังขนของที่สำคัญมาก
อีกอย่างข้ามั่นใจว่าพวกมันเองก็ยังไม่รู้ถึงความเป็นมาของกล่องเหล็กจงหลีนั้น’
หลี่เฟิงที่เห็นถึงท่าทีเหม่อลอยของหนิงเทียนจึงตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง“น้องชายหนิง น้องชายหนิง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
หนิงเทียนส่ายศีรษะเล็กน้อย“ไม่มีอะไร ข้าเพียงคิดไปเรื่อยเปือยเท่านั้น”
กลุ่มของหนิงเทียนมาถึงกลุ่มขบวนคาราวานของเกาซุนที่กำลังล้อมกองไฟ ดื่มกินสุรากันอย่างสนุกสนาน บางคนหยิบเนื้อปรุงสุกมาเคียวกันอย่างอร่อย
เกาซุนมองไปยังหลานเหลียงพลางยิ้มแล้วกล่าว “นั่งลงสิ”
“ขอบคุณหัวหน้าเกาที่เชื้อเชิญ” หลานเหลียงประครองมือแสดงความเคารพ
เมื่อผู้คุ้มกันโจวนำกลุ่มหลานเหลียงมาถึงแล้วมันได้เดินจากไปอย่างเงียบๆ
‘คุณชายกล่องจงหลีอยู่ภายในตัวมนุษย์ตัวเหม็นผู้นี้’เสียงของราชาภูตดังขึ้นข้างหูของหนิงเทียน
ได้ยินเช่นนั้น หนิงเทียนหรี่ตายลงเล็กน้อยก่อนจะจับจ้องไปยังเกาซุน มันส่งเสียงผ่านลมปราณออก‘เวลานี้ลืมเรื่องของกล่องจงหลีไปก่อนคืนนี้พวกเราจะตัดสินใจเกี่ยวกับมันอีกครั้ง’
มันสั่งการอู๋ชางอย่างระวังก่อนที่จะละสายตายังกลุ่มของเกาซุน
ในกลุ่มของเกาซุนนั้นเต็มไปด้วยผู้คุ้มกันแดนองครักษ์มากมายอีกทั้งยังมีบุคคลในดินแดนแห่งปราชญ์รวมอยู่ด้วยนับสิบคน
แต่ทั้งเกาซุนและผู้คุ้มกันคนอื่นๆต่างทำตัวเป็นกันเองกับกลุ่มของหลานเหลียงอย่างไม่ได้ถือตัวอะไร
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงดื่มกินอย่างสบายใจ ไม่ได้มีอาการเคอะเขินแต่อย่างใด
เนื้อสัตว์อสูรตรงหน้าพวกมันเป็นสัตว์ป่าขั้นที่2ทั้งนั้น เนื้อกวางหิมะ เนื้อไก่ฟ้า
แม้กระทั่งเนื้อกระต่ายเทาที่เป็นอสูรลมปราณขั้น1ก็ยังมีให้กินอย่างเหลือเฟือ
เนื้อชั้นดี มากมายวางอยู่ตรงหน้าให้เลือกทานอีกทั้งยังมีสุราใบสายฟ้า สุราลมหวน แม้พวกมัน จะได้ชื่อว่าเป็นสุราแต่สรรพคุณของมันเทียบเท่ากับสมุนไพรในระดับโลกที่2
เวลานี้หนิงเทียนนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างหลี่เฟิงและเปาเปา โดยมีหลานเหลียงและเหลียวเหยียนนั่งอยู่ที่ด้านหน้าของพวกมัน
พวกมันทั้งหมดได้นั่งดื่มกินสุราและเนื้อสัตว์อย่างเอร็ดอร่อย ในระหว่างมื้ออาหารนั้น
เสียงฝีเท้าของผู้คุ้มกันโจวก็ได้นำคนนับสิบเดินมาตรงยังกลุ่มของเกาซุน
ผู้คุ้มกันโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอย่างเป็นกันเอง “นายน้อยซิน เชิญ ท่านเกาซุนกำลังรอพวกท่านอยู่”
“ในเมื่อท่านเกาให้เกรียติพวกเราเช่นนี้ วันนี้ข้าจะละเว้นกฎให้พวกเจ้าได้ดื่มสุราระหว่างปฎิบัติหน้าที่สักวัน”น้ำเสียงอันภาคภูมิดังมาจากบุรุษที่ถูกเรียกว่านายน้อยซิน