ตอนที่แล้วตอนที่ 30 สำเร็จคาถาแสงชำระล้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 ศพในถังไม้(อ่านฟรี)

ตอนที่ 31 คนเร่ร่อนในกองขยะ(อ่านฟรี)


ตอนที่ 31 คนเร่ร่อนในกองขยะ

เป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าแล้วหลังจากเรย์รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “ซอมบี้” ครั้งแรกเกิดขึ้นในโศกนาฏกรรมเลือดที่บ้านของเขาทำให้ มาคัส เรนเดลและเรญ่า เรนเดล บิดาและมารดาของตน หายไปในรอยแยกมิติ

ส่วนตัวเขาต้องวิ่งหนีตายหลบในห้องน้ำด้วยร่างกายที่สั่นกลัว จนจิตใจได้รับการกระทบและสลบไปหลายวัน

ครั้งสองคือการเกิดซ้ำของรอยแยกมิติที่บ้านหลังเดิม เขาต้องสู้ตายเอาตัวแทบไม่รอด ถ้าไม่มีหัวหน้าคอนราด โบเวนและฟาริสมาช่วย ตัวเขาและพี่ชายคงตายกลายเป็นซากศพหรือไม่ก็อาหารของซอมบี้ไปแล้ว

หลังจากเรียนรู้เรื่องของผู้มีพลังและกลายเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ ภารกิจแรกก็มีเพื่อนร่วมทีมตาย จากนั้นก็เห็นหญิงสาวที่โดนกินทั้งเป็น

ภารกิจสองถึงจะไม่อันตรายแต่ก็ทำให้คิดได้ว่าซอมบี้จะโผล่มาที่ไหนก็ได้ มันไม่มีที่ปลอดภัยจริง ๆ อีกแล้ว เพราะทุกที่สามารถเกิดรอยแยกมิติได้เสมอ

มนุษย์ธรรมดาแทบจะสู้มันไม่ได้เลยถ้าไม่มีพวกอาวุธปืนที่ทรงพลังมากพอ พวกเขาไม่ต่างจากแกะในทุ่งหญ้าที่เรียกว่าเมืองแห่งนี้

ที่ผ่านมาเรย์รู้สึกว่าเขาเป็นเพียงผู้มีพลังสายสนับสนุนเท่านั้น ถ้าไม่มีหนังสือเวทมนตร์หรือการเตรียมตัวอะไร เรย์ไม่ต่างจากคนธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ในที่สุด เขาก็สามารถเรียนรู้คาถาติดตัว เวทมนตร์แสงชำระล้างได้สำเร็จ และเป็นระดับ 2 โดยสมบูรณ์แล้ว เขามีพลังในการโจมตีกลับไป เป็นพลังจริง ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาของนอกกายหรือการเตรียมตัวอะไร

“เป้าหมายใกล้เข้ามาอีกขั้นแล้ว”

เรย์ยิ้มออกพอใจกับความพยายามของเขา ถึงจะเหนื่อย แต่ก็คุ้มค่า เขาคืนสติจากการครุ่นคิดหันไปมองทุกคนที่ตอนนี้พยักหน้าให้กับตนอยู่

“สมกับที่ไดร่าเลือก” คอนราดพยักหน้าให้กับเรย์ เรย์เข้าใจว่าคอนราดหมายถึงสิ่งใด เรย์ไม่ทำให้ทรัพยากรที่ไดร่าให้มาเสียเปล่า

“ขอบคุณครับหัวหน้า ตอนนี้ผมพร้อมจะลุยซอมบี้แล้ว” เรย์กล่าวมาด้วยความมั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัว” คอนราดกล่าวจบก็ใส่ชุดเกราะยุทธวิธีอย่างรวดเร็ว

เรย์หันมองฟาริสและโบเวนอย่างงง ๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ฟาริสเห็นเรย์กำลังมองอย่างงง ๆ ก็อธิบายให้เรย์ฟังว่า “ตอนที่นายกำลังฝึกฝนทีมเราได้รับแจ้งว่ากำลังมีรอยแยกเกิดขึ้นหลายจุด ทีมหัวหน้าเบรนเดอร์ออกไปจัดการกับรอยแยกที่เกิดขึ้น 2 แห่ง ส่วนเราจะไปอีกแห่งที่จะเปิดในไม่นานนี้”

“ไปกันเถอะ” โบเวนหยิบชุดของเรย์ยัดใส่มือเขาก่อนจะรีบไปจัดการตนเองต่อ

เรย์ได้ยินก็รีบแต่งตัวในทันที ก่อนจะหันไปดื่มเลือดสีขาวลงไปครึ่งขวด เพื่อเติมเต็มพลังงานที่หายไปเล็กน้อยก่อนหน้านั้น

จุดพลังงานทั้งสองของเรย์กลับมาเต็มอีกครั้ง

...

เรย์และทีมมาถึงสถานที่เกิดรอยแยกมิติ มันคือโรงงานกำจัดขยะของเมือง ซึ่งมีขนาดใหญ่กินพื้นที่หลายพันเมตรทอดยาวสุดสายตา สถานที่นี้อยู่ห่างจากเขตที่คนอยู่อาศัยมากนัก เพราะมันมีแต่ขยะและกลิ่นเน่าเหม็นชวนแสบจมูก

แม้ดูเหมือนไม่ค่อยมีผู้คนก็จริง แต่อันที่จริงแล้วที่นี่เป็นถิ่นของพวกคนไร้บ้าน คนเก็บขยะ หรือคนนอกกฎหมาย แต่พวกนี้มักจะมาหาของทุกอย่างที่ทำเงินได้ไปขาย

“บางครั้งสิ่งที่เรียกว่าขยะก็แค่สิ่งที่อยู่ผิดที่เท่านั้น” คอนราดกล่าวขณะที่มือถือหินตรวจจับอยู่ ตอนนี้มันแสงของหินตรวจจับกะพริบถี่อย่างต่อเนื่องและไม่หยุดมาสักพักแล้ว

คอนราดสั่งให้ทุกคนเตรียมตัว

“ด้านหน้าเป็นจุดที่พวกเศษเหล็กหนาแน่นและวางทับซ้อนกันเป็นเหมือนกับเขาวงกต ตอนนี้พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มา ดังนั้นเราต้องการคนคุมพื้นที่และคอยชี้เป้าจากด้านบน”

“ผมจะขึ้นไปเอง” ฟาริสกล่าวจบก็ขึ้นไปด้านบนกองเศษเศษเหล็ก

หัวหน้าคอนราดยังกล่าวต่อ คนอื่น ๆ ก็ตั้งใจฟัง “ผมกับโบเวนจะเป็นหน่วยหน้า เรย์ช่วยสนับสนุนข้างหลังที ถ้าเกิดรอยแยกมิติเปิดแล้วมีซอมบี้จำนวนมากให้หนีขึ้นบนค่อยรอมันรวมกันแล้วจัดการเหมือนที่ผ่าน ๆ มา อนุญาตให้ใช้ปืนได้”

“ครับหัวหน้า”

“ไม่มีปัญหา”

เรย์กับโบเวนตอบรับตามลำดับ

ฟาริสแยกตัวขึ้นไปที่สูง มันคือชั้นของเศษเหล็กและซากขยะ ซึ่งมีหลายอย่างที่เป็นเศษโลหะ หินดินและเศษขยะเน่า ๆ แต่ของพวกนี้ไม่อาจทำให้สีหน้าของฟาริสเปลี่ยนไป

เมื่อประจำตำแหน่งฟาริสก็วิทยุคลื่นสั้นออกมาติดต่อไปหาทีม

“หัวหน้ารอยแยกมิติกำลังก่อตัวโดยสมบูรณ์”

“ตอนนี้รอยแยกมิติเปิดแล้ว มีซอมบี้เจ็ดตัวกำลังออกมาจากรอยแยก ทั้งหมดเป็นซอมบี้ซากศพ ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นเพียงรอยแยกมิติระดับ 0 ที่ต่ำสุด ขนาดประมาณสองเมตร” ฟาริสรายงาน

เรย์ที่เข้ามาใกล้จุดก่อตัวของรอยแยกมิติ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการเปิดของรอยแยกมิติตั้งแต่แรกเริ่ม

การเกิดขึ้นของรอยแยกราวกับภาพวาดที่ถูกกำปั้นขนาดใหญ่ต่อยทะลุจากด้านหลังออกมาด้านหน้าไม่มีผิด มือของซอมบี้ซากศพยื่นออกมาจากรอยแยก คล้ายกับพวกมันเฝ้ารอเวลานี้มานานมากแล้ว

เรย์สงสัยว่าพวกซอมบี้ซากศพอาจจะสัมผัสถึงรอยแยกว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน เลยมารอหรือไม่ แต่พอคิดอีกแบบพวกมันอาจจะแค่สัมผัสถึงเลือดเนื้อสด ๆ ตามสัญชาตญาณก็เท่านั้นจึงเดินมาโดยไม่ได้คิดว่าจะมีรอยแยกมิติอะไรนั่นหรอก

“ลงมือกันเลย ยิ่งจัดการได้เร็วก็ยิ่งมีอันตรายน้อยลง” คอนราดกล่าว

เรย์พยักหน้ารับคำสั่ง

ซอมบี้ซากศพแค่ 7 ตัวนั้นไม่ยากเกินกำลังของพวกเขา แต่ถ้าเกิดซอมบี้แบบซอมบี้นักกล้ามมันจะเกิดปัญหาได้

ซอมบี้ซากศพพอโดนแสงแดดมาก ๆ เข้าพวกมันก็เคลื่อนไหวช้าลงไปเกือบครึ่ง นี่เป็นผลกระทบที่ซอมบี้ระดับต่ำอย่างซอมบี้ซากศพยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

คอนราด โบเวนและเรย์เคลื่อนที่ไปด้านหน้า ห่างจากซอมบี้ไม่ถึง 30 เมตรเท่านั้น

พื้นที่ด้านหน้าแม้จะดูเหมือนกองขยะเขาวงกตสูงท่วมหัว แต่มันก็พอมีพื้นที่ให้ต่อสู้ได้อยู่

ถึงแบบนั้นอยู่ ๆ ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามแผน เพราะในตอนนั้นเองก็มีคนธรรมดาวิ่งออกมาจากที่ซ่อน ทำเอาฟาริสตกใจรีบเตือนทุกคนในทันที

“ขวามือของพวกคุณมีกลุ่มคนโผล่ออกมา อยู่ใกล้กับซอมบี้ประมาณ 10 เมตร..เห็นไหม?”

ทุกคนหันไปมองตาม

เรย์หันไปดูเช่นกัน ตามคำบอกของฟาริส เขาเห็นชายหนวดเครารุงรังคนหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดขาด ๆ เนื้อตัวมอมแมมกำลังเดินเข้าหาซอมบี้อย่างช้า ๆ โดยไม่เกิดความตัวแม้แต่น้อย

แต่คนพวกนั้นไม่ได้มีแค่คนเดียว ยังมีคนอื่น ๆ อีกกว่า 20 คน ทุกคนราวกับว่ากำลังเฝ้ารอการเปิดของรอยแยกมิติ

“ฮ่า ๆ พวกเขาพูดจริง ถ้าให้เจ้าตัวเหม็นพวกนี้กัดเราจะมีพลัง”

“กัดข้า กัดข้า”

กลุ่มคนเร่ร่อนพวกนี้ราวกับเสียสติไปแล้วพวกเขาพากันถกแขนเสื้อให้กับซอมบี้กัดพวกเขา

“พวกนี้เสียสติไปแล้ว” โบเวนพึมพำออกมาด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่โบเวนเห็นว่ามีคนอยากโดนซอมบี้กัด

“ทุกคนระวังด้วยพวกนั้นยกถังไม้ออกมาด้วย ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร อาจจะเป็นอาวุธก็ได้”

“หัวหน้าเอายังไงกับคนพวกนั้นดี”

ฟาริสที่วันนี้เปลี่ยนมาใช้ปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ M1 GARAND ซึ่งเป็นอาวุธที่ถูกส่งมาเติมเต็มคลังยุทโธปกรณ์ของหน่วยงานนักล่าความตาย สาขาเมืองเรซีที่เดินทางมาพร้อมกับทีมของหัวหน้าเบรนเดอร์ ฟาริสได้เขามาใช้แทนปืนเอ็ม1903 สปริงฟิลด์ที่ใช้อยู่ประจำ

ปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ M1 GARAND จัดเป็นอาวุธปืนที่มีความแม่นยำสูง ตลับกระสุนฝั่งละ 4 นัดบรรจุได้ 8 นัด ซึ่งสามารถติดกล้องเล็ง ดาบปลายปืนหรือแม้แต่ลูกระเบิดและยิงออกไปได้

ฟาริสเล็งไปที่ซอมบี้และคนพวกนั้นอย่างใจเย็น ซอมบี้และคนพวกนั้นอยู่ในระยะไม่เกิน 402 เมตร ซึ่งเป็นระยะยิงหวังผลของปืน ถ้าได้รับคำสั่งเขาก็ไม่ลังเลจะสังหารคนพวกนั้นเช่นกัน

เพราะถ้าปล่อยไว้พวกเขาอาจจะกลายเป็นซอมบี้และเกิดการแพร่เชื้อในวงกว้างได้

“หัวหน้าเอายังไงดี”

“อนุญาตให้เก็บคนที่โดนกัดได้เลย พวกนี้จัดเป็นตัวอันตราย” คอนราดติดต่อไปหาฟาริสด้วยวิทยุในมือ

“ได้หัวหน้า”

หลังจากสั่งการฟาริสคอนราดก็เดินเข้าไปหาเหล่านั้นอย่างระวัง ที่จริงแล้วกลุ่มคนเร่รอนดูเหมือนจะสังเกตเห็นเรย์และทีมมาสักพักแล้ว แต่พวกเขาไม่สนใจ แต่พอคอนราด เรย์ และโบเวนเข้าใกล้ก็ทำให้คนพวกนั้นต่างมีท่าทีดุดันในทันที

“ออกไปซะ พวกแกถอยไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า” หนึ่งในนั้นตะโกนใส่คอนราดและคนอื่น ๆ

คนอื่น ๆ ในกลุ่มก็หยิบยกอาวุธ ซึ่งเป็นมีดและหอกที่ทำมาจากเศษเหล็ก

“ผมคือเจ้าหน้าที่ของทางอาณาจักรลัวอา ตอนนี้ขอสั่งให้ทุกคนถอยออกไปจากจุดนี้ไม่อย่างนั้นจะลงมือโดยเด็ดขาด” คอนราดกล่าวเตือนไปตามระเบียบ ขณะที่มือหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเตรียมลงมือแล้ว

เรย์เองก็เตรียมพร้อมมือเลื่อนไปจับที่ปืนพก M1911A1 ข้างเอวแล้วเช่นกัน ไม่กี่นาทีก่อนที่จะมาเผชิญหน้า เรย์เปลี่ยนไปใส่แม็กกาซีนสำรอง ซึ่งเป็นกระสุนธรรมดาเท่านั้น

ส่วนที่ชายหนุ่มไม่คิดจะใช้คาถาเวทมนตร์นั้น ก็เพราะว่านอกจากคาถาบอลเพลิงก็ไม่มีคาถาไหนสร้างความเสียหายกับมนุษย์ และคนที่นี่ก็เยอะเกินไปกว่าจะจัดการหมดด้วยคาถาบอลเพลิงที่สลักไว้ ดังนั้นปืนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด มันง่าย รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก

อีกอย่างการจะใช้คาถาบอลเพลิงก็จะสิ้นเปลือกเกินไปเช่นเดียวกับการใช้กระสุนชำระล้าง นี่คือสิ่งที่เรย์คำนึงถึงแท้จริง

“ถอยไปซะ พวกแกไม่มีทางหยุดเราได้” กลุ่มคนเร่ร่อนไม่ได้เข้าจู่โจมพวกเขา แต่คนเหล่านั้นกับวิ่งเข้าใส่ซอมบี้ในทันที

“พลัง ฉันจะได้พลัง ฮ่า ๆ แด่เจ้านาย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด