ตอนที่ 135+136 มีรสนิยมในการเลือกภรรยา
ตอนที่ 135 มีรสนิยมในการเลือกภรรยา
สำหรับเจียงเหยาแล้ว เธอไม่สนใจเรื่องว่าใครจะเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ เธอไม่สนใจที่จะได้รับเลือกอย่างแน่นอน
หากในที่สุดเธอได้รับเป็นตัวแทนนักศึกษาเพราะการช่วยชีวิตผู้อื่นของเธอ เธอก็จะไม่ปฏิเสธตำแหน่งนั้น เพราะมันอาจเพิ่มค่าความชื่นชอบของเธอให้เพิ่มขึ้นได้อีก ยังไงเสีย เธอจะไม่พยายามเพื่อสิ่งนั้นได้อย่างไรกัน
ข่าวดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนภายในมหาวิทยาลัย สำหรับโจวเหวยฉีที่ได้เดินทางกลับไปยังจินโดแล้ว ข่าวเหล่านั้นก็ไม่สามารถเล็ดลอดจากเขาไปได้ แม้เขาจะอยู่ไกลถึงเพียงนั้นก็ตาม
สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากกลับมาที่เมืองจินโด คือการทิ้งงานที่อยู่ตรงหน้า และตรงไปยังกองทัพของลู่ชิงสีที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองจินโด พร้อมกับเฉินซวีเหยา
ทั้งสองคนมาถึงค่ายทหารในเวลาสองทุ่ม ลู่ชิงสีอาศัยบ้านที่มีสองห้องนอน ทั้งสองไม่ได้วางแผนจะออกไปนอกค่ายในเวลากลางคืน
“พี่ ดูสิ! ฉันเอาไวน์ชั้นดีมาให้พี่ด้วยล่ะ” โจวเหวยฉีมอบไวน์แดงหนึ่งขวดให้กับลู่ชิงสี ราวกับว่าเขากำลังนำเสนอสมบัติอย่างไรอย่างนั้น “หรือฉันควรพูดว่า ภรรยาของพี่ ขอให้ฉันเอาเจ้านี้มาส่งให้พี่ดีนะ”
ลู่ชิงสีเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของเขา เขาก้มศีรษะและโยนรองเท้าแตะสองคู่ให้ทั้งสองคน จากนั้นเขาก็หยิบขวดไวน์จากโจวเหวยฉี
โจวเหวยฉีบอกเขาทุกอย่างก่อนที่เขาจะมาถึงเมืองจินโดแล้ว ดังนั้นลู่ชิงสีจึงรู้ว่านี่เป็นไวน์ที่เป็นของขวัญจากร้านอาหารเพื่อขอบคุณเจียงเหยา
เจียงเหยาไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ทางโทรศัพท์เมื่อวันก่อน ลู่ชิงสีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากที่เขาวางสาย เขาไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้ทั้ง ๆ ที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่เขาหวังว่าเจียงเหยาจะแบ่งปันเรื่องราวกับเขาเป็นการส่วนตัวเสียอีก
“พี่ ฉันจะบอกความจริงกับพี่ไปตรง ๆ นะ ฉันเคยคิดว่าพี่น่ะเก่งทุกด้าน ยกเว้นแต่เรื่องรสนิยมในการเลือกภรรยาของพี่ มีสาว ๆ ตั้งมากมาย แต่พี่ยังยืนยันจะเอาองค์หญิงกลับมาสักการะที่บ้าน แต่คราวนี้ หลังจากที่ฉันไปหนานเจียง ฉันเพิ่งรู้ หลังจากที่ได้ดูภรรยาของพี่อย่างใกล้ชิด พี่นี่ ช่างเป็นคนที่โดดเด่นไปเสียทุกด้านจริง ๆ แม้แต่รสนิยมในการเลือกภรรยาของพี่ก็ด้วยเช่นกัน!” โจวเหวยฉี ยกนิ้วให้กับลู่ชิงสี
“ฉันเคยคิดว่าภรรยาของพี่เป็นผู้หญิงขี้อาย หรืออาจเพราะเธอยังเด็ก ไม่กล้าที่จะพูด แต่เมื่อได้พับกับเธอเมื่อวาน ฉันบอกได้เลยว่าภรรยาของพี่น่ะห่วงใยพี่จริง ๆ ก็อย่างเช่น เธอให้ความสนใจอย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่ฉันพูดถึงพี่ และเธอชอบฟังเรื่องของพี่ด้วย”
ลู่ชิงสีไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เขาบอกเกี่ยวกับเจียงเหยา และเรื่องความน่าดึงดูดของเธอ แต่หัวใจของลู่ชิงสีกลับอบอุ่นขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่โจวเหวยฉีพูด ใบหน้าของเจียงเหยาปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันที เธอมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า
แม้ว่าพวกเขาจะห่างกันเพียงสามวัน แต่เขาก็คิดถึงเจียงเหยาอย่างสุดซึ้ง
ความรู้สึกคิดถึงเธอถูกจารึกไว้ในเนื้อหนังและกระดูกของเขา มันถูกซ่อนและกักขังอยู่ภายในร่างกายของเขาเสมอ
มีผู้ชายตัวโตตั้งสามคนอยู่ในบ้าน ทว่าลู่ชิงสีไม่ได้เป็นเจ้าบ้านที่ดีนัก เขาเปิดประตูและกลับไปยังห้องของเขา หลังจากที่โยนรองเท้าแตะให้พวกเขา เขาไม่ได้ตั้งใจแม้แต่จะทักทายสองคนที่รีบมาพบเขาตั้งแต่หัวค่ำ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะและต้องการโทรหาเจียงเหยาโดยไม่รู้ตัว เขาอยากได้ยินเสียงของเธอและถามว่าวันนี้เธอทำอะไรอยู่
“ภรรยาของพี่ ต้องเป็นคนประเภทไม่เคยบอกใคร แม้ว่าเธอจะคิดถึงพี่มากขนาดไหน” โจวเหวยฉีเข้ามาหาลู่ชิงสี และคว้าโทรศัพท์ของเขา
“ถ้าพี่ไม่เชื่อฉัน พนันกันไหมล่ะ ถ้าพี่ทำให้ภรรยาของพี่พูดว่า ‘ฉันคิดถึงคุณ’ ทางโทรศัพท์ได้ พี่เอรถคันใหม่ของฉันไปเลย!”
“ชิงสีเขาไม่ต้องการรถเสีย ๆ ของนายหรอกนะ” เฉินซวีเหยาเยาะเย้ย
โจวเหวยฉีจ้องมองไปที่เฉินซวีเหยา เขาเพิ่งได้รถมาหลังจากที่รบเร้าพ่ออยู่เป็นนานสองนาน ทำไมรถถึงได้กลายเป็นรถพัง ๆ ไปเสียเล่า?
ลู่ชิงสีเหล่มองโจวเหวยฉีและเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของเขาคืน
ลู่ชิงสีเห็นโจวเหวยฉีต้องการคว้ามันและเขาก็ส่งสายตาเย็นชากับอีกฝ่าย จากนั้นโจวเหวยฉีก็ดึงมือของเขาออกอย่างเชื่อฟัง
__
“เห็นเฉินซวีเหยาบอกว่านายจะย้ายออกจากบ้านของตระกูลโจวเหรอ?” แม้แต่ลู่ชิงสียังรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในตระกูลโจว ตัวตนของโจวเหวยฉีนั้นน่าอึดอัดในตระกูลโจว ในบรรดาสมาชิกทุกคนในครอบครัว ไม่มีใครที่รับมือด้วยง่ายเลย อาจเป็นเรื่องดีสำหรับโจวเหวยฉีที่จะได้ย้ายออกมาจากบ้านของตระกูลโจวและอยู่เพียงลำพัง
หลังจากครุ่นคิด ลู่ชิงสีก็พูดว่า “ถ้าฉันล้มเหลวในการทำให้ภรรยาบอกว่า ‘ฉันคิดถึงคุณ’ บ้านของฉันในโกเด้นฮาเบ้อ ในเมืองจินโด จะเป็นของนาย”
เฉินซวีเหยาตกใจและหันไปมองลู่ชิงสี แม้ว่าลู่ชิงสี
เฉินซวีเหยาตกใจและหันไปมองลู่ชิงสี แม้ว่าลู่ชิงสีจะเสนอเรื่องนี้ แต่เฉินซวีเหยาเองก็เดาได้ว่าลู่ชิงสีวางแผนจะยกบ้านหลังนั้นให้อีกฝ่ายอยู่แล้ว
เขาเหลือบมองไปทางโจวเหวยฉี ที่กระตือรือร้นอยากให้เป็นอย่างนั้น เฉินซวีเหยาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดว่าลู่ชิงสีคงกำลังสนับสนุนความคิดของเหวยฉีที่จะย้ายออกมาจากบ้านตระกูลโจว ดังนั้นเขาจึงจะยกบ้านให้อีกฝ่าย เพื่อที่เขาจะได้มีที่อยู่หลังจากแยกตัวออกจากตระกูลโจว
โกเด้นฮาเบ้อตั้งอยู่ในใจกลางเมืองและอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของโจวเหวยฉี ดังนั้นเขาจึงมองออกอย่างชัดเจน
“ชิงสี เร็วเข้าสิ! โทรหาภรรยาของพี่เดี๋ยวนี้เลย!” โจวเหวยฉีรู้สึกอยู่เหนือจินตนาการ เขากำลังจะบอกว่าถ้าเจียงเหยาพูดอย่างนั้น เขาจะมอบรถให้กับลู่ชิงสี แม้ว่าเขาจะทำรถหาย ชายแก่ที่บ้านก็ไม่ทำอะไรเขาหรอก ถ้าเจียงเหยาไม่พูด เขาก็จะได้บ้านจากลู่ชิงสีเป็นที่พักชั่วคราว อีกอย่างเขาเฝ้าหาบ้านที่โกเด้นฮาเบ้ออยู่แล้ว
ในทีแรกโจวเหวยฉีต้องการอยู่ในบ้านของเขาชั่วคราว โดยไม่คาดคิดว่าลู่ชิงสีจะเอื้อเฟื้อถึงขนาดมอบบ้านให้เขาโดยตรง
สำหรับลู่ชิงสี ความจริงก็คือเขาได้วางแผนไว้ตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวจากเฉินซวีเหยาเรื่องการย้ายออกจากบ้านตระกูลโจวของโจวเหวยฉีแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งของเขาก็คือ ข้ออ้างในการโทรหาเจียงเหยา
ก่อนหน้านี้เขาเคยโทรกลับบ้านบ่อย ๆ แต่เจียงเหยาไม่เคยรับสายเขาเลย ลู่ชิงสีรู้ว่าเจียงเหยาคงคิดว่าเขาน่ารำคาญ
เขาโทรหาเจียงเหยาในคืนก่อนหน้าแล้ว แม้ว่าเขาจะอยากได้ยินเสียงของเธออีก เขาก็ต้องอดทนที่จะไม่โทรหาเธอ เพราะเขากลัวว่าเธอจะรำคาญ
อย่างไรเสีย ข้อเสนอของโจวเหวยฉี ถือเป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่เขาจะสามารถใช้เหตุผลนี้ในการโทรหาเธอและได้ยินเสียงของเธอ
ดังเหตุผลนี้ ลู่ชิงสีจึงไม่รีรอที่จะกดหมายเลขของเจียงเหยาทันที
เจียงเหยาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ตอนที่ลู่ชิงสีโทรหา ทุกคนในห้องพักต่างรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานมีสามีแล้ว เจียงเหยาจึงไม่ซ่อนการรับสายจากลู่ชิงสีจากใคร เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเช็ดผมให้แห้งบนเตียง
“ยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำถามของลู่ชิงสี เจียงเหยาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เพิ่งจะเปิดเรียนวันแรก ฉันจะยุ่งได้ยังไง? เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เลยรับสายช้า”
เสียงหัวเราะของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์ เสียงนั้นปลอบโยนลู่ชิงสีที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลได้อย่างดี เมื่อเขาคุยโทรศัพท์กับเธอ เสียงของเธอทำให้เขาเชื่องได้ เงาของยมทูตที่มักจะเยือกเย็นอยู่เสมอก็จางหายไปด้วย
“อยากได้รถไหม” เขาถามอย่างตรงไป ตรงมา โดยไม่ได้รีบอธิบายเหตุผลที่เขาโทรมา
ถ้าเขาบอกเธอไปตรง ๆ ว่าที่โทรมาเพราะคิดถึงเธอ? จะได้ไหมนะ
“ฉันขับไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ” เจียงเหยาตอบเบา ๆ
เธอคิดในใจว่า ‘เขาจะซื้อรถให้เธอ หลังจากที่เพิ่งซื้อโทรศัพท์ให้เธออย่างงั้นเหรอ’
ดังนั้นเธอจึงตอบเขาไปอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่อยากได้ค่ะ!”
“เหวยฉีบอกว่าถ้าคุณบอกว่า คุณคิดถึงผม เขาจะยกรถของเขาให้ผม แล้วผมก็จะยกรถนั่นให้คุณ” ลู่ชิงสีหันไปมองโจวเหวยฉีที่กำลังเกาแก้มเป็นสัญญาณว่าจะไม่ปฏิบัติตามนั้น จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องนอน “หลังจากที่คุณได้รถ คุณก็ไปฝึกขับและทำใบขับขี่ก็ได้นี่ หรือจะขายให้คนอื่น หรือจะทุบทิ้งก็ยังได้ แล้วแต่คุณ”