ตอนที่ 133+134 บทสัมภาษณ์
พูดถึงปีศาจ ปีศาจก็มา
ผู้จัดการซุนเคาะประตู แล้วเข้ามาข้างในทันทีที่เหอเหมาหมิงพูดจบ เขายังถือของขวัญที่ห่อมาอย่างประณีตในมือ
“คุณเจียง ดีใจมากที่ได้พบคุณที่นี่!” เมื่อวานผู้จัดการซุนอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดช่วงบ่าย เขาอยู่ที่นั่นจนกว่าทางโรงพยาบาลจะสามารถติดต่อครอบครัวของผู้ป่วยและพวกเขามาถึงโรงพยาบาลแล้ว เขายังรอให้ผู้ป่วยออกมาจากห้องผ่าตัดและพบกับครอบครัวของผู้ป่วยก่อนออกจากโรงพยาบาล
หลังจากที่เขารู้ตัวตนของผู้ป่วยแล้ว ปฏิกิริยาแรกข
องผู้จัดการซุนคือการมองหาเหอเหมาหมิง เขาได้รับการบอกเล่าจากเหอเหมาหมิงว่าเขาตั้งใจที่จะตีพิมพ์รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ร้านอาหารดังกล่าว และเขาก็ตกลงในทันที เขายังเสนอให้หาตัวหญิงสาวที่ช่วยเหลือลูกค้ารายนั้นด้วย
เหอเหมาหมองแจ้งเขาทันทีเมื่อเขาพบเธอแล้ว แม้จะมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องกังวล ผู้จัดการซุนก็เก็บทุกอย่างไว้และรีบไปที่ห้องทำงานของอธิการบดี มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียงทันที ผู้จัดการซุนเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาอย่างตั้งใจ เพื่อให้เขาถ่ายรูปออกมาดูดี เมื่อต้องถ่ายรูปกับเจียงเหยาในภายหลัง
ผู้จัดการซุนทักทายท่านอธิการบดีเวิน เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องทำงาน จากนั้นหัวข้อสนทนาของพวกเขาก็หมุนมาที่เจียงเหยา และเขาก็เริ่มแสดงความขอบคุณต่อเธออยู่เป็นนานสองนาน
ข้อความหลักที่เขาต้องการสื่อในบทสนทนาก็ไม่พบการชื่นชมเจียงเหยาที่ได้ช่วยเหลือจากจริงใจ เธอไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตผู้ป่วย แต่เธอยังช่วยร้านอาหารไว้ด้วย
ผู้จัดการซุนไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายที่หมดสติในร้านอาหารเมื่อวานคือประธานของไห่หรุน กรุ๊ป แม้ว่าชายผู้นั้นจะแต่งตัวดี แต่ในตอนนั้นไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงไห่หรุนกรุ๊ปเลย
ประธานของไห่หรุนกรุ๊ปมีอิทธิพลแค่ไหน? เขาเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมธุรกิจทั้งหมดของเมืองหนานเจียง หากประธานของไห่หรุ่นกรุ๊ปเสียชีวิตในร้านอาหาร เพราะได้รับการปฐมพยาบาลที่ล่าช้า จะเป็นความโชคร้ายครั้งใหญ่สำหรับร้านอาหาร ลูกชายคนโตของไห่หรุนกรุ๊ปจะยกโทษให้เขา ในฐานะผู้จัดการร้านอาหารได้อย่างไร?
นอกจากนี้ หากมีคนเสียชีวิตในร้านอาหารที่ดำเนินกิจการมาอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นร้านที่ประธานของไห่หรุนกรุ๊ปชื่นชอบ ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่ร้านอาหารจะสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
ดังนั้น ความซาบซึ้งใจของผู้จัดการซุนที่มีต่อเจียงเหยานั้นเป็นความจริงใจอย่างแท้จริง
เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับจุดยืนของทางไห่หรุนกรุ๊ป ดังนั้นเมื่อผู้จัดการซุนแสดงความขอบคุณ เขาไม่ได้พูดถึงไห่หรุนกรุ๊ปเลย แม้แต่ตอนที่พูดถึงประธานของไห่หรุนกรุ๊ป เขาแค่เรียกว่าลูกค้าที่ป่วยเพียงเท่านั้น
เมื่อผู้จัดการซุนแสดงความขอบคุณแล้ว เหอเหมาหมิงก็บันทึกทุกอย่างที่เขาพูดลงในบันทึกของเขาอย่างตั้งใจ ขณะที่สังเกตการเปลี่ยนแปลงทุกอารมณ์บนใบหน้าของเจียงเหยาไปด้วย
“คุณเจียง นี่ของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณครับ” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ส่งของที่อยู่ในมือไปให้เจียงเหยา
เจียงเหยาเอื้อมมือออกไป แต่เธอไม่ได้รับของขวัญ เธอค่อย ๆ ผลักมือของผู้จัดการซุนออกไป “คุณใจดีเกินไปแล้วค่ะ ผู้จัดการซุน ฉันไปแล้วนี่ค่ะ ว่าฉันเพียงแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้เท่านั้น ฉันเชื่อว่าทุกคนที่รู้วิธีปฐมพยาบาลจะต้องให้ความช่วยเหลือ หากพวกเขาพบกับเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวาน คุณก็ได้ขอบคุณฉันไปแล้วนี่ค่ะ ผู้จัดการซุน แล้วฉันเองก็รับของขวัญจากคุณไปแล้วด้วย เพราะอย่างงั้นวันนี้ฉันจะยังมีสิทธิ์รับของขวัญนี้ได้อีกได้อย่างไรคะ”
ค่าอาหารของเธอได้รับการยกเว้นและเธอเองก็หยิบไวน์ขวดนั้นกลับไปด้วย เธอคงจะโลภเกินไป ถ้าเธอยังคงยอมรับของขวัญนี้ต่อหน้าทุกคน
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่เธอก็บอกได้ว่ามันไม่ใช่ของขวัญธรรมดา เมื่อวานเขาใจกว้างพอที่จะให้ไวน์แดงหนึ่งขวดแก่เธอซึ่งราคาเกินห้าหลัก สำหรับวันนี้ ผู้จัดการซุนใช้เวลามากพอที่จะเตรียมของขวัญ และเจียงเหยามั่นใจว่ามันคงจะมีมูลค่ามากกว่าไวน์แดงที่เธอได้รับเมื่อวานนี้มาก
__
รอยยิ้มบนใบหน้าของอธิการบดีเวินไม่เคยจางหายไปเลย ยิ่งเขามองไปที่เจียงเหยามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเท่านั้น
“เจียงเหยาพูดถูกแล้ว เธอทำในสิ่งที่เธอทำได้เท่านั้น ผู้จัดการซุนไม่จำเป็นต้องมอบของขวัญล้ำค่าให้แก่เธอหรอกครับ” เขาได้เปล่งเสียงออกมาเพื่อช่วยเจียงเหยาปฏิเสธของขวัญอย่างสุภาพ จากนั้นเขาก็หันกลับมามองไปที่เหอเหมาหมิงที่กำลังถ่ายรูปอยู่ เขาถามว่า “คุณจะไม่สัมภาษณ์เจียงเหยาหน่อยเหรอ คุณเหอ?”
เหอเหมาหมิงเก็บกล้องไว้และพยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบปากกา พร้อมจดบันทึกอีกครั้ง อันดับแรก เขาถามคำถามธรรมดากับเจียงเหยา เช่นคำถามเกี่ยวกับการศึกษา บ้านเกิด และคุณสมบัติในการเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง ในท้ายที่สุดตามที่เจียงเหยาคาดไว้ เขาถามคำถามที่เธอเป็นกังวลที่สุดออกมา
“แม้ว่าตอนนี้คุณจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง แต่เพิ่งจะเรียนปีแรก คุณยังไม่เคยสัมผัสกับความรู้ทางวิชาแพทย์ใด ๆ จากที่ผมบอกไป คุณหมอยกย่องคุณเกี่ยวกับทักษะการปฐมพยาบาลอย่างมืออาชีพของคุณ คุณเจียง ไม่ทราบว่าคุณไปเรียนรู้ทักษะการปฐมพยาบาลเหล่านี้จากที่ไหน”
“ในระหว่างที่เรียนมัธยมปลาย โรงเรียนของฉันอยากจะช่วยให้นักเรียนผ่อนคลายและกระตุ้นให้นักเรียนมุ่งมั่นในอนาคตค่ะ ดังนั้นโรงเรียนของฉันได้จัดทัศนศึกษาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ และสถานีดับเพลิง สำหรับนักเรียนปีสุดท้าย ฉันได้เรียนรู้ทักษะการปฐมพยาบาลมาในตอนนั้นค่ะ และนั่นกระตุ้นความสนใจให้ฉันอยากจะเป็นหมอตั้งแต่นั้นมา เป้าหมายของฉันก็ชัดเจน ฉันรู้ว่าฉันอยากจะเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์ หลังจากสอบจบการศึกษา จึงจดจำทักษะการปฐมพยาบาลทั้งหมดที่ได้เรียนรู้ไว้ตลอดเวลาค่ะ” เจียงเหยายิ้ม เมื่อเธอกล่าว
“อันที่จริง ฉันรู้สึกประหม่ามากในวันนั้น ฉันเหงื่อออกเยอะมาก ไม่เพียงเพราะความเหน็ดเหนื่อย แต่ส่วนใหญ่มาจากความกังวล แม้ว่าฉันจะได้เรียนรู้ทักษะการปฐมพยาบาลจากหมดแต่ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และไม่เคยฝึกทักษะเหล่านี้กับคนจริง ๆ โชคดีที่ชายผู้นั้นปลอดภัยค่ะ”
เจียงเหยามีรอยยิ้มปลอบโยนบนใบหน้าของเธอ เธอทำตัวเหมือนนักศึกษาธรรมดาที่รักการเรียนรู้ เธอรู้สึกอึดอัดและเขินอายเมื่อได้รับคำชม นอกจากนี้เธอยังซื่อสัตย์และบอกพวกเขาไปตามตรงเกี่ยวกับความวิตกกังวลของเธอในขณะนั้น และจบที่การยิ้มด้วยความโล่งใจหลังจากที่รู้ข่าวว่าชายผู้นั้นปลอดภัย
เหอเหมาหมิงจดบันทึกอย่างรวดเร็ว เขาสามารถบันทึกแม้กระทั่งอารมณ์ของเจียงเหยาขณะที่เธอพูดได้
นั่นเป็นคำถามสุดท้ายสำหรับการสัมภาษณ์ หลังจากสิ้นสุดการสัมภาษณ์ เหอเหมาหมิงขอถ่ายรูปคู่กับเจียงเหยา อธิการบดีเวินและผู้จัดการซุน หลังจากที่อธิการบดีเวินยินยอม เขาก็ส่งกล้องให้กับเวินเสวี่ยฮุ่ยเพื่อขอให้เธอช่วยถ่ายภาพให้
เพราะเจียงเหยาไม่ยอมรับของขวัญจากผู้จัดการซุน ก่อนจากไปผู้จัดการซุนจึงมอบบัตรวีไอพีของร้านอาหารให้แก่เจียงเหยาและสัญญากับเจียงเหยาว่าจะจัดพื้นที่พิเศษไว้สำหรับเธอ พร้อมทั้งให้ส่วนลดแก่เธอทุกครั้งที่เธอมารับประทานอาหารที่ร้าน
อธิการบดีเวินตามตามมาส่งผู้จัดการซุนและเหอเหมาหมิงที่หน้าประตูห้องทำงาน อธิการบดีเวินหันกลับมาและแตะที่ไหล่ของเจียงเหยาหลังจากที่ทั้งสองคนเดินลงบันไดไปแล้ว “เธอคือความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยของเรา!”
“พ่อคะ! เจียงเหยาโดดเด่นใช่ไหมล่ะ? เธอสมควรเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ของเราไม่ใช่เหรอคะ?” เวินเสวี่ยฮุ่ยให้ความสนใจกับหัวข้อนี้ “ตอนที่อยู่ข้างนอกเมื่อเช้านะ หลายคนก็บอกว่าเจียงเหยาเหมาะสมที่เป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่ที่สุด!”
อธิการบดีเวินหรี่ตาข้างมอบเวินเสวี่ยฮุ่ยตัวยุยง และวางมือข้างหนึ่งบนหน้าผากของเขาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “พ่อจะหารือกับคนอื่น เพื่อตัดสินใจเรื่องนี้อีกที สองคนกลับไปได้แล้ว”
เจียงเหยาตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้ยินในสิ่งที่ท่านอธิการบดีเวินพูด เธอไม่ได้อยากจะเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ แต่ดูจากน้ำเสียงของอธิการบดีเวิน ดูเหมือนจะมีข้อมูลเชิงลึกสำหรับการคัดเลือกตัวแทนนักศึกษาใหม่อยู่