ตอนที่ 131 โชคดี
ตอนที่ 131 โชคดี
พ่อค้าฟลินต์เดินไปมาอย่างร้อนใจ เพราะหลังจากที่ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว แต่นักล่าค่าหัวเดวินนั้นยังคงไม่กลับมา
“ทำไมเขายังไม่กลับมากัน ถ้าออกไปล่าก็ไม่น่าจะกลับมาดึกขนาดนี้ หรือว่าจะเจอกับเรื่องบางอย่างเขา?”
“ท่านพ่อค้าฟลินต์ ข้าว่าท่านเดวินไม่น่าจะเจออันตรายหรอก เพราะเขาอาจจะเป็นอันตรายกับคนอื่นซะมากกว่า”
หัวเหล็กเดินเข้ามากล่าวกับพ่อค้าฟลินต์
“ถ้าเกิดเรื่องกับเขา ข้าคงต้องหวังพึ่งเจ้าในการเดินทางที่เหลือแล้ว”
แน่นอน ก็ท่านจ้างพวกเรากลุ่มมีดสั้นสีเงินมาคุ้มกันดังนั้นเรายินดีจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่” หัวเหล็กพูดออกมาอย่างเต็มใจ เขารู้สึกยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากพ่อค้าฟลินต์
“โอ้...ดูเหมือนเขาจะกลับมาแล้วท่านสบายใจได้” หัวเหล็กหันไปมองยังทิศทางเข้าหมู่บ้านชนพื้นเมือง ห่างออกไปไม่ไกลมีคนขี่ม้าพร้อมกับคบเพลิงในมือเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
กายเห็นพ่อค้าฟลินต์และหัวเหล็กกำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านก็รีบตรงไปหาพวกเขาในทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ข้าคิดว่าเกิดเรื่องกับท่านแล้ว” พ่อค้าฟลินต์กล่าว
“หืม...นั้นมันอะไรในถุงผ้า คล้ายกับหัวคน” หัวเหล็กในฐานะนักรบเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปที่ถุงใส่หัวของทั้งสามที่ผูกไว้ข้างตัวเจ้าหมอก
“มันคือหัวของกองโจรกะโหลกสีแดง” กายกล่าวออกไป
หัวเหล็กที่ในตอนแรกอยากรู้อยากเห็นก็ถึงกับต้องชะงักมือและสตั้นไปหลายวินาทีก่อนจะถามอย่างกระตุกกระตัก
“ท่าน ๆ ว่าอะไรนะ...มันคือหัวของกิลด์ไม่สิ ของกองโจรกระโหลกแดง” น้ำเสียงของหัวเหล็กยังคงมีแต่ความตกใจ เพราะกิลด์กะโหลกแดงนั้นก็หมายถึงผู้เล่น
หรือว่าเขาตั้งใจล่าพวกผู้เล่น จริงสินครดาราฟ้าประกาศล่าหัวพวกกิลด์กะโหลกแดงหรือไม่ก็ผู้เล่นแล้ว ไม่ได้การข้าต้องระวังตัว เพราะไม่รู้ว่าถ้าเขารู้ว่าข้าคือผู้เล่นจะลงมือตัดหัวพวกเรากลุ่มมีดสั้นสีเงินหรือ
บ้าเอ๊ย...อุตส่าห์หนีมาทำภารกิจแถวทุ่งหญ้ากิราแล้ว ยังมีนักล่าคาหัวที่เล็งล่าผู้เล่นอีก
เขามองไปที่นักล่าค่าหัวเบื้องหน้าคิดจะอ้าปากกล่าวบางอย่าง แต่ก่อนจะได้พูดอะไร กายก็ชิงตัดหน้าพูดก่อนแล้ว
“พ่อค้าฟลินต์ พวกเราต้องรีบออกเดินทางในทันที”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“สถานการณ์โดยรอบไม่ปลอดภัยอีกแล้ว มันกำลังจะเกิดสงคราม”
ทั้งพ่อค้าฟลินต์และหัวเหล็กต่างก็อึ้งไปกันหลายวินาทีเมื่อได้ยินคำว่าสงคราม
“ท่านพูด...จริงใช่ไหม”
กายไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้ายืนยันอย่างหนักแน่น ทำเอาพ่อค้าฟลินต์ร้อนใจขึ้นมาหนักกว่าเก่า
“เราจะเดินทางไปที่ไหน ถ้ากลับไปที่เลมิสถ้าจะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน ด้วยของทั้งหมดมันคงเสียหายนับหมื่น ๆ เหรียญทอง อย่างไรข้าต้องไปที่จุดหมายให้ได้ก่อนเพื่อขายสินค้าที่ขนมาด้วย”
พ่อค้าฟลินต์พูดออกอย่างเด็ดขาด เขาเต็มใจจะเสี่ยงดู เพราะคิดว่าก่อนสงครามจะมาถึงตนคงออกจากพื้นที่นั้นได้ทันการอยู่แล้ว
“ข้าเข้าใจท่าน เพราะข้าเองก็ต้องรีบตามหากลุ่มหรือสถานที่มีคนเพื่อสืบข่าวบางสิ่งอย่างเร่งด่วนเช่นกัน จริงสิ! พวกเราอยู่ห่างจากจุดหมายไม่ไกลแล้วใช่หรือไม่”
“ก็ใช่...ถ้าเดินทางตรงไปที่นั่นอย่างไม่หยุดพักจนถึงจุดหมายก็คงไม่เกินหนึ่งวัน ไม่สิแค่ครึ่งวัน ท่านคงคิดจะไปหาข้อมูลที่นั่นใช่หรือไม่ ถ้าใช่ข้าก็พอรู้จักคนช่วยท่านหาข้อมูลได้อยู่บ้าง”
“อืม ถ้าอย่างนั้นเราออกเดินทางกันเลยเถอะ”
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทั้งกายและพ่อค้าฟลินต์ก็ไม่รีรอต่างสั่งการทุกคนในคาราวานให้เก็บของและเตรียมเดินทางในทันที หัวเหล็กเองหลังจากได้รับข่าวสำคัญก็ทั้งตื่นเต้นและหวั่นเกรงในเวลาเดียวกัน สำหรับทหารรับจ้างสงครามคือสิ่งที่ทำเงิน
แต่พอหลายอย่างที่รู้ในฐานะผู้เล่น อย่างเช่นว่า มีข่าวลือว่ากิลด์กะโหลกเข้าร่วมกับนครแสงเทวาและยังถอยกลับมาที่ชายแดนหนีตายจากการล่าของทหารอีก
ทำให้หัวเหล็กและพรรคพวกในทีมคนอื่น ๆ รู้ว่ามันจะไม่ใช่สงครามแค่กับนครดาราฟ้าและนครแสงเทวา แต่จะรวมดึงเขาผู้เล่นไปด้วย
“พวกเราจะเอาอย่างไรต่อไป” เคลเอ่ยปากถามทุกคน
“เอายังไงที่ว่าคืออย่างไร” ดาบสายฟ้าถามกลับ
“เจ้าอย่าแกล้งโง่น่า ตอนนี้พวกผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงเลือกเข้าร่วมกับนครแสงเทวาแล้ว ยังไงทางนั้นก็ต้องใช้ผู้เล่นพวกนั้นเข้าร่วมสงคราม โดยอาจจะเสนอเป็นของรางวัล เงินและยศทางทหารให้อย่างแน่นอน ทางนครดาราฟ้าต่อให้เกลียดผู้เล่นมากแค่ไหนก็คงจะต้องกลับมาคิดและจ้างผู้เล่นเข้าร่วมสงครามเพื่อสู้กับพวกนั้นอย่างแน่นอน” เคลอธิบายการคาดเดาของตนให้ทุกคนฟัง
“นั้นก็จริง” ดาบสายฟ้าพึมพำออกมาเบา ๆ
“ข้าจะเลือกนครดาราฟ้า” ดวงจันทร์พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ทำเอาที่เหลือสามคนมองหน้ากัน
“ข้าก็ขอเลือกนครดาราฟ้าด้วย” หัวเหล็กเอ่ยปากออกมาอีกคน
ทั้งเคลและดาบสายฟ้ายิ้มออกมามุมปาก ก่อนจะกล่าวออกมาตามลำดับว่า
“เจ้าสองคนเลือกแบบนี้แล้ว อย่างนั้นข้าก็จะตามไปด้วยก็แล้วกัน”
“พวกเราเป็นทีมเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นข้าก็ลุยด้วย อย่างน้อยก็จะได้ฆ่ากิลด์กะโหลกแดงล่ะนะ”
กายที่ตอนนี้ขี่เจ้าหมอกอยู่แม้จะได้ยินการเลือกฝ่ายของผู้เล่นกลุ่มมีดสั้นสีเงิน แต่เขาก็ไม่ได้คิดสนใจมากในตอนนี้ เพราะกายกำลังคิดหาทางออกอื่น ๆ ในการหาที่อยู่ของมีอาและลิลี่อยู่
ถ้าเราไม่ได้เบาะแสที่นั่นก็คงต้องลองสุ่มออกไปตามทุ่งหญ้าดู หรือไม่ก็ย้อนกลับไปที่เลมิสเป็นตัวเลือกสุดท้ายเลยเพราะมันอาจจะมีสายของโจรอยู่และสมาคมนักล่าค่าหัวอาจจะพอมีข่าวของมีอาและลิลี่ก็ได้
แต่ตอนนี้หลังจากออกจากเกมไปคืนนี้เราคงต้องไปโพสต์ถามในอินเทอร์เน็ตดูก่อน อาจจะมีผู้เล่นมีข้อมูลเหล่านั้นก็ได้
กายมองไปยังนาฬิกาของผู้เล่นที่นับถอยหลังจะถึงเที่ยงคืนแล้ว
เราควรจะห้ามไม่ให้พวกผู้เล่นกลุ่มมีดสั้นสีเงินกระจายข้อมูลสงครามดีหรือไม่?
ไม่ดีกว่า...
กายกลับมาขบคิดถึงปัญหาตรงนี้ต่อ แต่พอมาคิดไปคิดมาแล้ว กายเลือกจะไม่ห้าม เพราะต่อไม่ให้คนเหล่านี้บอกก็คงมีผู้เล่นไม่น้อยที่ได้เบาะแสสงครามไปแล้ว และก็คงจะเตรียมป่าวประกาศออกมาอยู่ดี
“สงครามจะทำให้โลกราชันวุ่นวายมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันมูลค่าของมันก็สูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน เราคงทำเงินได้อีกมาก แต่ก่อนอื่นต้องไปช่วยมีอากับลิลี่ก่อน”
กายพึมพำกับตัวเอง
คาราวานที่เดินทางไปยามค่ำคืนไม่มีหยุดพัก ภายใต้แสงของคบเพลิงที่จุดติดไว้รอบรถม้าลาก แม้จะดูอันตราย แต่รอบ ๆ พื้นที่แถบนี้อยู่ภายใต้การดูแลของพวกชนพื้นเมืองดังนั้นจึงมีน้อยที่จะเห็นกองโจรหรือฝูงสัตว์นักล่า เพราะส่วนใหญ่นักรบชนพื้นเมืองจะออกล่าพวกมันหมด เพื่อไม่ให้สัตว์นักล่ามาทำอันตรายหมู่บ้านของตน
ดังนั้นทุกคนจึงพอจะวางใจถึงความปลอดภัยได้ส่วนหนึ่ง
“ล็อกเอ้า”
...
กายที่นอนอยู่บนแคปซูลเกมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่เขาล็อกเอาออกจากเกม เมื่อมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ในห้องเกมมีกายเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาจึงลุกขึ้นและเตรียมตัวจะออกจากร้านไป แต่แล้วก็พึ่งจะสังเกตว่าในร้านนั้นดูเงียบผิดปกติ
เมื่อเปิดประตูออกมา ในร้านมีแค่ซาเรียคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์
“เจ้ซาเรีย คนอื่น ๆ ไปไหนหมดครับ” กายเอ่ยปากถามซาเรียที่ตอนนี้นั่งเช็คข้อมูลอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าจอแทปเล็ต
ซาเรียเงยหน้ามองกายอย่างนิ่งเงียบอยู่สักพัก ทำเอากายทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเขา
“เจ้มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“มี...แต่นายช่วยไม่ได้หรอก”
คำตอบของซาเรียทำเอากายไม่รู้จะพูดกลับไปอย่างไร เขาได้แต่อั้มอึ้งอยู่อย่างนั้นจนซาเรียพูดต่อ “ฉันให้คนในร้านออกไปตั้งแต่ตีสองแล้ว พอดีวันนี้จะปิดร้านเร็วหน่อย นายเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว”
“เออ..ได้ครับ แต่ว่าก่อนอื่นผมว่าจะให้เจ้ช่วยรวบรวมข้อมูลตอนนี้ผมคิดว่าอีกไม่นานนรดาราฟ้าน่าจะเกิดพวกอีเว้นสงครามกับนครแสงเทวา...แล้วก็พวกข้อมูลโจรในทุ่งหญ้ากิรา มันน่าจะเกี่ยวกับสงครามที่นั่นเช่นกัน”
“เรื่องนั้นไว้พรุ่งนี้ก็ได้” ซาเรียตอบกลับ ขณะที่ยังคงก้มหน้าทำบางสิ่งในแทปเล็ตต่อไป
“เออ...ได้ครับ” กายตอบรับหันหลังและเดินออกมาจนถึงประตู เขากำลังจะเปิดประตูออกไปจากร้านในตอนนั้นเองเสียงเรียกของซาเรียก็ดังขึ้น
“กาย!”
กายหันหลังกลับมามองตมเสียงที่ซาเรียเรียกเขา ซาเรียมองมาที่กายก่อนจะกล่าวเสียงกับชายหนุ่ม “โชคดีนะ”
“ครับ...เจ้ซาเรียก็เช่นกัน”
กายเดินออกจากร้านมาแบบงง ๆ ก่อนที่เขาก็เริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมท่าทางของซาเรียถึงผิดแปลกไปจากปกติ
“เจ้ซาเรียแปลกไปจริง ๆ ปกติเธอไม่เคยกล่าวแบบนั้นตอนที่เรากับออกมาจากร้านนี่” กายหันกลับไปมองร้านอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างก็ยังปกติดีอยู่ สุดท้ายเขาก็สลัดความคิดไร้สาระในหัวออกไปและโบกรถแท็กซี่กลับบ้านเช่าไป
หลังจากกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาตีสามครึ่งแล้ว กายอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ทิ้งตัวลงที่นอนพยายามข่มตานอนหลับ แต่สุดท้ายด้วยเพราะเรื่องหลาย ๆ อย่างมันวนเวียนเข้ามาในหัวราวกับว่าสมองก่อนนอนของเขานั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มถึงหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์ ทำให้สุดท้ายกายต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟห้องและจัดการประกอบคอมเครื่องเก่าเก็บที่อันยาเอามาจากบ้านหลังเก่ามาให้เขา
กายเริ่มลงมือสืบค้นเกี่ยวกับข่าวของเกมราชันสงครามออนไลน์ในทันที
หลังจากผ่านมาไม่นานเมื่อผู้เล่นออกมาจากโลกราชัน ข่าวทุกอย่างที่กายคาดการไว้ก็ปรากฏขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นแค่ข่าวลือถึงความตึงเครียดแนวชายแดนระหว่างสองนคร อย่างนครดาราฟ้าและนครแสงเทวาเท่านั้น
ซึ่งยังไม่มีใครกล้าฟันธงอะไรมากไปกว่านี้ แต่ก็มีผู้เล่นที่อยู่ในนครดาราฟ้าชักชวนกันเดินทางไปยังตะวันออกมากขึ้นส่วนผู้เล่นที่อยู่ในนครแสงเทวาก็เริ่มเดินทางไปยังตะวันตกเช่นกัน
มันเป็นการบ่งบอกถึงสัญญาณบางอย่าง
ส่วนพวกกิลด์ใหญ่ ๆ นั้นพวกเขาต่างก็นิ่งเงียบไม่มีการพุดถึงอะไรมากมาย แต่ที่ฮือฮากันพอสมควรนั้นก็คือค่าเหรียญทองในโลกราชันกำลังดีดตัวขึ้นถึง 50 % ทำให้ผู้เล่นอาชีพที่หาเงินจากในเกมต่างก็เริ่มบ้าคลั่งแล้ว
พวกนี้ส่วนใหญ่ต่างก็บ่นว่าทำไมเกมถึงไม่ยอมเปิดให้เล่น 24 ชั่วโมง
แต่ต่อให้พวกผู้เล่นพวกนี้โวยวาสักเท่าไหร่ ทางฝ่ายพัฒนาเกมก็ไม่ตอบอะไรพวกเขาแม้แต่ประโยคเดียว สุดท้ายโพสต์ของคนพวกนี้ก็โดนโพสต์ที่น่าสนใจอื่น ๆ กดลงหายไปจากหน้าหลักอย่างรวดเร็ว
กายเลิกดูโพสต์ที่ไม่เกี่ยวข้องและหันมาสนใจโพสต์เกี่ยวกับผู้เล่นที่ทำอาชีพนักล่าค่าหัว
“ห้องแชทนี้สินะที่พวกนักล่าค่าหัวเขาไปรวมกัน”
“อะไรกันต้องเสียค่าเข้าถึงหนึ่งหมื่นบิทเลย”
“เอาก็เอาวะ หวังว่าจะมีข้อมูลดี ๆ นะ”
กายไม่รอช้ากดเชื่อมต่อธนาคารของรัฐบาลโลกเข้ากับเว็บไซต์ ก่อนจะจ่ายเงินถึงหนึ่งหมื่นบิท หลังจากรอการยืนยันอยู่ราว ๆ 10 วินาที กายก็สามารถเจ้าสู้ห้องแชทได้
“คนเยอะขนาดนี้เลย”
กายถึงกับอ้าปากค้าง เพราะในห้องแชทมีคนมากกว่า 10000 คนและตอนนี้ในห้องกำลังเหมือนมีระเบิดลง เพราะทุกคนต่างพุดคุยกันไม่หยุด ซึ่งมีหลายข้อมูลที่แม้แต่ก็ยังไม่เคยเห็น