WS บทที่ 327 สู่แดนไกล PART 3
เมอร์ลินได้อธิบายสั้น ๆ แก่เลห์แมนก่อนไป เมื่อได้ยินว่าเมอร์ลินกำลังจะไปที่เมืองอิมพีเรียล เลห์แมนไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่แนะนำให้เขาเดินทางไปยังเมืองอิมพีเรียลอย่างปลอดภัย
หลังจากนั้น เมอร์ลินก็ไปหาเชอรีสและแอวริล ทั้งสองเพิ่งตั้งท้องได้เดือนกว่า แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษแล้วเนื่องจากทั้งคู่สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ แล้ว
ทั้งสองต่างจากเลห์แมน โดยเฉพาะแอวริล เมื่อรู้ว่าเมอร์ลินต้องออกจากปราสาทวิลสัน แอวริลอารมณ์เสียอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงบึ้งปากและเบือนหน้าหนี ในขณะที่เชอรีสนิ่งเงียบ บางที การจากไปของเมอร์ลินในครั้งนี้ เขาอาจจะไม่ทันมาเห็นการกำเนิดของลูกในครรภ์
ในเรื่องนี้ เมอร์ลินก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน เขาทำได้เพียงให้ความมั่นใจกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขาจะพยายามกลับไปที่ปราสาทวิลสันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
หลังจากปลอบแอวริลกับเชอรีสแล้ว เมอร์ลินก็เรียกพ่อมดแบมมูไปที่ห้องและอธิบายบางสิ่งให้เขาฟังอย่างระมัดระวัง
“แบมมู คราวนี้คุณไม่จำเป็นต้องตามฉันไปที่เมืองอิมพีเรียล คุณจะตั้งหลักแหล่งในปราสาทวิลสันแทน แล้วก็อย่าเมตตาใครก็ตามที่กล้าคุกคามตระกูลวิลสันให้ฆ่าพวกเขาทันที!”
แววตาเย็นชาฉายแววของเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูรู้สึกยินดีแต่ในขณะเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเทาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตระกูลวิลสันมีความสำคัญต่อเมอร์ลินมากที่สุด เขาต้องแน่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลวิลสัน
“นายท่าน โปรดวางใจ ตระกูลวิลสันจะปลอดภัย ภายใต้การคุ้มครองของข้า”
พ่อมดแบมมูมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขา
“นายท่าน สำหรับเรื่องของเฟลินดา ความเข้าใจเรื่องอักษรรูนของเธอดีขึ้นมาก ข้าเกรงว่าอีกไม่นาน ฉันจะไม่สามารถสอนความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอักษรรูนให้เธอได้”
พ่อมดแบมมูดูเหมือนจะบูดบึ้งเล็กน้อย ที่เป็นนี้แบบนี้เพราะตัวเขาเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดแต่ไม่สามารถสอนเฟลินดาที่เป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องอักษรรูน, การปรุงยาและการเล่นแร่แปรธาตุล้วนเทียบได้กับการสร้างคาถา หากไม่มีการศึกษาอย่างเพียงพอ นักเวทย์ทั่วไปจะไม่สามารถเข้าใจได้
เมอร์ลินเข้าใจในเรื่องนั้นดี ท้ายที่สุด อักษรรูนเป็นสาขาวิชาที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอนเฟลินดาโดยอาศัยพ่อมดแบมมูเพียงคนเดียว
ดูเหมือนว่าเขาจะแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับอักษรรูนจากดินแดนมนต์ดำได้เท่านั้น แล้วส่งต่อให้เฟลินดาเพื่อศึกษาต่อ
เมื่อคิดถึงการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับอักษรรูน เมอร์ลินก็นึกถึงเด็กที่มีคุณสมบัตินักเวทย์ซึ่งพ่อมดฮิลล์ได้คัดเลือกมา เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทรยศต่อกลุ่มวิลสัน พวกเขาต้องถูกบังคับลงนามเอกสารสัญญา เขาต้องการแลกเอกสารสัญญาบางส่วนจากดินแดนมนต์ดำด้วย
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน หลังจากที่ฉันกลับมาจากเมืองอิมพีเรียล ฉันจะกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับอักษรรูนมา”
พ่อมดแบมมูพยักหน้ารับ
เมอร์ลินคิดอย่างรอบคอบและไม่มีอะไรจะพูดอีก จากนั้นเขาก็แยกตัวจากพ่อมดแบมมูและตรงไปยังกระท่อมของผู้เฒ่างู
“พ่อมดเมอร์ลิน คุณจัดการทุกอย่างแล้วหรือ?”
ผู้เฒ่างูเตรียมตัวพร้อมแล้ว ข้างหลังเขามีนักเวทย์ชราน่าเกลียดสองคนและยังมีพ่อมดฮาสโบร พ่อมดซาคราซึ่งถูกส่งมาจากองค์ชายแปด ทั้งห้าคนกำลังรอเมอร์ลิน
เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่างูพร้อมแล้ว เมอร์ลินก็พยักหน้า “ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ”
จากนั้น กลุ่มหกคนจึงเข้าไปในรถม้าสามตู้และค่อย ๆ ออกเดินทางจากเมืองปรากาช
…
มันเป็นคืนที่เงียบสงบ สามารถได้ยินแม้แต่เสียงแตกของฟืนในกองไฟ
คืนฤดูร้อนกำลังค่อย ๆ เย็นลง บนสนามที่กว้างขวางมีนักเวทย์หลายคนกำลังนอนอยู่บนพื้นดินโดยไม่ตั้งใจเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันเงียบสงบที่หาได้ยากยิ่งนี้
"ผู้เฒ่างู เราอยู่ไกลจากเมืองอิมพีเรียลมากแค่ไหน?"
เมอร์ลินที่เอนตัวไปบนก้อนหินและถามผู้เฒ่างู พวกเขาเดินทางกันสิบวันติดต่อกันแต่ก็ยังดูเหมือนไกลจากเมืองอิมพีเรียล
ผู้เฒ่างูค่อย ๆ ขยับฟืนในกองไฟและตอบอย่างนุ่มนวล "ถึงแม้ว่าเราจะเดินทางกันทั้งวันทั้งคืนแต่เมืองอิมพีเรียลอยู่ห่างไกลจากเมืองปรากาซมากเกินไป แม้จะเร่งรีบเพียงใดก็ต้องใช้เวลานาน"
เมอร์ลิน ผู้อาวุโสงูและคนอื่น ๆ ได้รีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนในช่วงสิบวันที่ผ่านมา มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่พวกเขาพักผ่อนตลอดทั้งคืนและจะกลับมาเดินทางในวันพรุ่งนี้
เมอร์ลินมองที่พ่อมดมดฮาสโบรและพ่อมดซาครา ทั้งคู่ต่างเงียบและไม่อะไรเลยสักคำเดียว มีเพียงผู้เฒ่างูตอบคำถามของเขาเป็นครั้งคราว ไม่อย่างนั้น เขาเองก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมอร์ลินต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันขององค์ชายแปดดังนั้นเขาจึงถามผู้เฒ่างูโดยตรง
"ผู้เฒ่างู ในราชวงศ์มีองค์ชายกี่พระองค์?"
ผู้เฒ่างูจ้องที่เมอร์ลิน แสงไฟของกองไฟเปล่งประกายบนใบหน้าของผู้เฒ่างูโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างหูสีเขียวที่ส่องประกายของเขาซึ่งทำให้การรูปลักษณ์ของชายชราดูน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย
ผู้เฒ่างูตอบว่า "มีองค์ชายหลายพะองค์ในราชวงศ์ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถแข่งขันแย่งชิงบัลลังก์ได้และองค์ชายแปดเป็นหนึ่งในเจ้าชายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด!"
ไม่กี่วันมานี้เมอร์ลินได้รู้ว่าในราชวงศ์ของอาณาจักรแบล็กมูนมีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติของนักเวทย์เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติสามารถสืบทอดบัลลังก์ได้
หลังจากราชาสวมมงกุฎกษัตริย์ พระองค์สามารถครองราชย์ได้เพียงสามสิบปีก่อนที่จะต้องสละราชบัลลังก์ แล้วผู้อาวุโสในราชวงศ์จะเลือกเจ้าชายที่ทรงอำนาจมากที่สุดและได้รับคัดเลือกเป็นราชาองค์ใหม่
จุดประสงค์ที่ต้องผลัดเปลี่ยนราชาตามวาระเพื่อป้องกันการสะสมขุมพลังมากเกินไป ด้วนสถานะของราชา พระองค์สามารถเข้าถึงทรัพยากรมากมายไม่มีที่สิ้นสุดและพลังอำนาจของพระองค์จะแข็งแกร่งขึ้น หากไม่มีการควบคุม อาจทำให้ตัวราชาสูญเสียตัวเองและดื่มด่ำกับพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งจะนำไปสู่การล่มสลายทั้งอาณาจักร
ดังนั้นกฎสำหรับการเปลี่ยนบัลลังก์ทุกสามสิบปีจึงถูกสร้างขึ้น
สำหรับการเลือกเจ้าชายที่ดีที่สุดในหมู่เจ้าชายหลายคนไม่มีมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม เจ้าชายส่วนใหญ่ต่างมีจุดแข็งเป็นของตัวเองและมีกองกำลังที่ดีในที่สุดเพื่อต้องการรับเลือกสืบทอดบัลลังก์และขึ้นครองราชย์
สำหรับองค์ชายแปดเห็นได้ชัดว่าต้องการขึ้นครองบัลลังก์มากเพราะอีกตั้งห้าปีก่อนการสละราชสมบัติของราชาองค์ปัจจุบัน มันไม่น่าแปลกใจที่เจ้าชายทุกคนกำลังขยายกองกำลังของพวกเขาอย่างดุเดือด
"ดังนั้นเจ้าชายองค์ไหนที่เป็นคู่แข่งที่คุกคามมากที่สุดให้กับองค์ชายแปดในตอนนี้?"
เมอร์ลินถามโดยตรง เขารู้ว่าองค์ชายแปดจะต้องมีภัยคุกคามอื่น ๆ มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับพ่อมดลีโอและพยายามผูกมิตรกับเขามากขนาดนี้
เมอร์ลินเดาได้ว่าสถานการณ์ขององค์แปดไม่ดีมาก แน่นอนจะต้องไม่มีลูกน้องที่สามารถช่วยในการปราบปรามความกังวลของพระองค์ ดังนั้นองค์ชายแปดจึงหวังว่าพ่อมดลีโออาจกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังที่อยู่ข้างเขาและช่วยขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ได้!
ผู้เฒ่างูครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ "เมื่อถึงเวลาที่เราไปถึงเมืองอิมพีเรียลคำถามของเมอร์ลินจะได้รับนั้นเอง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบัง ในปัจจุบันมีเพียงสามเจ้าชายที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อองค์ชายแปด มีองค์ชายสี่ องค์ชายห้าและองค์ชายสิบสาม "
เมอร์ลินเก็บข้อมูลไว้ในใจของเขา เมื่อเขาไปถึงเมืองอิมพีเรียล เขาจะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันจริงหรือไม่
*หวู่ม…*
สายลมที่ผ่านมาที่ผ่านมากระจายกองไฟ หญ้าพื้นดินที่แห้งกรังทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ
"นั่นใคร!?"
ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังดัง มันเป็นเสียงของนักเวทย์ชรา ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้เฒ่างู ตลอดทั้งคืนพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบ ทำหน้าที่จับตามองไปที่ส่วนที่เหลือของค่าย
เมื่อได้ยินเสียงของสองนักเวทย์ชรา ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ก็ตื่นตัวทันที เมอร์ลินยังหรี่ตาของเขาและปล่อยพลังจิตของเขาอย่างเงียบ ๆ
*ซวบ ซวบ!*
เสียงอู้อี้สองเสียง ตามด้วยร่างสองร่างที่พุ่งมาทางเมอร์ลินและคนอื่น ๆ พวกเขาเป็นร่างของลูกน้องของผู้เฒ่างูที่นอนกองอยู่บนพื้น
สีหน้าของนักเวทย์ชราสองคนนั้นดูบิดเบี้ยวอย่างมาก แม้แต่สาเหตุของการเสียชีวิตก็ชัดเจน พวกเขาถูกฆ่าโดยพลังรุนแรง ร่างของพวกเขาบิดรูปแทบจะแหลกสลาย
เมอร์ลินและคนอื่น ๆ ตื่นตัวในทันที แม้ทั้งสองไม่ใช่นักเวทย์ที่ทรงพลัง อย่างดีที่สุด พวกเขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสาม แต่พวกเขาถูกฆ่าโดยการลอบสังหารโดยพลังอันรุนแรง มันเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
“ระวังตัวด้วย เราไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร”
ผู้เฒ่างูตะโกนเสียงดังทันที เขาเตือนเมอร์ลินและคนอื่น ๆ ดังนั้น ทั้งสี่คนจึงรวมตัวกันเป็นวงกลมทันที มองดูบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง พลังจิตกำลังออกตรวจสอบพื้นที่โดยรอบตลอดเวลา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่จะหนีจากความรู้สึกของพวกเขาได้
*พรึ่บ…*
สายลมพัดขึ้นอีกครั้ง กิ่งและใบไม้บนต้นไม้ก็เล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเสียงแผ่วเบา
ในขณะนั้น ดวงตาของเมอร์ลินก็เบิกกว้างขึ้นทันทีขณะที่เขาพูดพึมพำ “มีคนมาที่นี่!”
*หวู่ม! หวู่ม! หวู่ม!*
เมื่อเสียงของเมอร์ลินลดลง ร่างสี่ร่างก็โผล่ออกมาจากความมืดของราตรีอย่างดุเดือด สี่ร่างเป็นชายสามคนและหญิงหนึ่งคน ชายทั้งสามตัวสูงและมีสีหน้าเคร่งขรึมและสวมชุดคลุมพ่อมดสีเทา
ผู้หญิงคนนั้นดูค่อนข้างแปลก รูปร่างหน้าตาของเธอดูไม่บรรลุนิติภาวะ เหมือนกับเด็กสาวอายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปี ร่างกายของเธอก็เล็กด้วยและเธอสวมชุดหนังรัดรูปสีแดง ดูน่ารักและน่าเอ็นดูมาก
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ดุร้ายและอันตรายจากสาวน้อยน่ารักคนนี้ที่ยิ้มตลอดเวลา โดยเฉพาะดวงตาของเธอที่ฉายแววเย็นชาเป็นครั้งคราวซึ่งทำให้เมอร์ลินตื่นตัวมากขึ้น
“ฮิฮิ มันไม่ง่ายที่จะหาพวกแกเจอ แต่ในที่สุดฉันก็พบพวกแกแล้ว!”
ในมือของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารัก มีค้อนขนาดใหญ่ที่ไม่เข้ากับร่างของเธอและดูแปลกมาก เมื่อมองไปที่ค้อน เมอร์ลินก็เหลือบไปเห็นนักเวทย์ชราสองคนที่อยู่บนพื้นโดยหน้าอกของพวกเขายุบลงไป ทันใดนั้น เขาก็รู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณฆ่าพวกเขาสินะ?” เมอร์ลินหรี่ตาและถามอย่างใจเย็น
*ชิ้ง!*
สายตาของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หันไปหาเมอร์ลินทันที
“ฮิฮิ จริง ๆ แล้วฉันเองที่ฆ่าพวกเขา ทั้งสองคนนั้นอ่อนแอเกินไป ฉันเลยสัมผัสถึงพวกมันเพียงเล็กน้อยแต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้พวกมันก็ตายแล้ว ช่างอ่อนแอเหลือเกิน!”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มองที่เมอร์ลินอย่างไร้เดียงสา เธอเม้มริมฝีปากและเงยศีรษะเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะศพทั้งสองที่อยู่บนพื้น คงไม่มีใครเชื่อว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารักคนนี้จะโหดร้ายและอันตรายถึงเพียงนี้