WS บทที่ 326 สู่แดนไกล PART 2
ว่ากันว่าหากตกอยู่ใน คาถาวังวนแห่งความมืด พลังจิตจะถูกดูดกลืนไปจนหมด ไม่เว้นแม้แต่พลังจิตของนักเวทย์ที่มีพลังจิตที่ทรงพลัง หลังจากถูกดูดกลืนพลังจิตแล้ว พวกเขาจะตกเข้าสู่ภาพลวงตา
นี่เป็นเพียงคาถาธาตุมืดระดับสาม พลังของมันคือการกระตุ้นให้เกิดภาพหลอน นอกจากนี้ยังมีคาถาธาตุมืดระดับสี่ ฝันร้ายแห่งรัตติกาล คาถานี้เป็นที่รู้จักกันในนามคาถาลวงตาขั้นสุดยอดซึ่งสามารถสะกดผู้คนให้เพ้อฝัน ตกอยู่ในดินแดนมายาที่เสมือนจริงจนแยกไม่ออก นอกจากนี้ ภาพลวงตาหลายชั้นจะทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความเป็นจริงและภาพลวงได้ มันไม่ต่างจากฝันร้ายซึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนถึงขีดสุด
ไม่ว่าจะเป็นคาถาธาตุมืดระดับสามหรือระดับสี่ ทั้งคู่ต่างก็ทำกระตุ้นให้เกิดภาพหลอน อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินรู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะสร้างคาถาระดับสาม วังวนแห่งความมืดสำเร็จและด้วยการเสริมพลังจากดวงใจแห่งความมืด มันอาจจะลากนักเวทย์ระดับหกธรรมดา ๆ ไปสู่ภาพลวงตาได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเวทย์ระดับเจ็ด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในภาพลวงตา พลังจิตของนักเวทย์ระดับเจ็ดนั้นอยู่สูงกว่านักเวทย์ระดับหกแบบก้าวกระโดด ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาส่วนใหญ่จะสามารถต้านทานพลังลวงตาได้
ดังนั้น ทั้งสองคาถาเป็นขีดจำกัดของภาพลวงตา ต่อให้เสริมพลังคาถาฝันร้ายแห่งรัตติกาลผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
นี่คือสิ่งที่เมอร์ลินกังวล หากเดอะเมทริกซ์ไม่สามารถประมวลคาถาใหม่ได้ทันเวลา เขาจะถูกบังคับให้เลือกคาถาฝันร้ายแห่งรัตติกาล แม้ว่า มันจะได้รับการเสริมพลังจากดวงใจแห่งความมืดแต่ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อนักเวทย์ระดับเจ็ดได้เนื่องจากขีดจำกัดของภาพลวงตา เมื่อถึงตอนนั้น การสร้างคาถาธาตุมืดระดับสี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเมอร์ลินมากนัก
“บี๊บ มีการวิเคราะห์เสร็จสิ้น ได้รูปแบบทั้งหมด 128,645 รูปแบบ!”
ผ่านไปสักพัก เดอะเมทริกซ์ได้สร้างโครงสร้างคาถาวังวนแห่งความมืดขึ้นมาใหม่มากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นรูปแบบ
เมอร์ลินคัดเลือกจากความเสถียร ความเข้ากันได้และพลัง เขาได้รวมข้อมูลทั้งสามด้านเข้าด้วยกันและสุดท้ายก็เลือกโครงสร้างคาถาที่เหมาะสมที่สุด โครงสร้างคาถานี้ซับซ้อนแต่ด้วยพลังจิตของเมอร์ลินนั้นเกินมาตรฐานสำหรับการสร้างวังวนแห่งความมืดไปแล้วดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างมันได้เลยทันที
พลังจิตอันยิ่งใหญ่ถูกระดมโดยเมอร์ลินและเขาเริ่มจำลองโครงสร้างคาถาวังวนแห่งความมืดอย่างช้า ๆ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง…
เป็นเวลากว่าหกชั่วโมงที่เมอร์ลินได้จดจ่ออยู่กับการจำลองโครงสร้างคาถาวังวนแห่งความมืดด้วยพลังจิตของเขาอย่างเต็มที่ เมื่อพลังธาตุมืดเริ่มเกือบปกคลุมร่างกายของเมอร์ลินก็สั่นสะท้าน และร่องรอยของพลังธาตุมืดที่เหมือนลางร้ายก็เข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุ
“ในที่สุด ฉันก็ทำสำเร็จ!”
เมอร์ลินลืมตาและถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในจิตใต้สำนึกของเขา โครงสร้างคาถาวังวนแห่งความมืดกำลังดูดซับพลังงานธาตุมืดของโลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง
แต่กระบวนการเป็นไปอย่างล่าช้า เขาจึงหยิบหินธาตุมืดเพื่อพลังเวทย์ลงโครงสร้างคาถาอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่วังวนแห่งความมืดถูกสร้างขึ้นมา เมอร์ลินรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในดวงใจแห่งความมืด อย่างไรก็ตาม ภายใต้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ดวงใจแห่งความมืดจะต้องถูกรวมเข้ากับคาถาระดับสี่เพื่อที่จะปลดปล่อยศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่
ดวงใจแห่งความมืดของเมอร์ลินเป็นรูปแบบที่สาม ถ้ามันถูกรวมเข้ากับคาถาระดับสี่ มันสามารถเพิ่มพลังของคาถาได้ห้าถึงสิบเท่าซึ่งมันมากกว่าการเสริมพลังของพลังปีศาจแพนโดร่าผสานผืนพิภพ
อย่างไรก็ตาม มันน่าเสียดายที่คาถาระดับสี่ฝันร้ายแห่งรัตติกาลเป็นคาถาลวงตา แม้ว่ามันจะทรงพลังพอที่จะทำให้นักเวทย์ระดับหกคนใดก็ตามตกไปอยู่ในภาพลวงตาได้แต่มันไม่ได้ผลกับนักเวทย์ระดับเจ็ด
ภาพลวงตานั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักเวทย์ระดับเจ็ดอีกต่อไป เพราะแม้แต่คาถาลวงตาที่แข็งแกร่งกว่านี้ มันก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาตกอยู่ในภาพลวงตาได้
หลังจากที่เมอร์ลินสร้างวังวนแห่งความมืดได้สำเร็จ เขายังคงคิดถึงปัญหาของคาถาธาตุมืดระดับสี่ แต่เขาไม่สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้
บางทีอาจมีวิธีที่จะเพิ่มฐานข้อมูลของเดอะเมทริกซ์อย่างรวดเร็ว ไม่แน่ว่าตอนนั้นเขาอาจจะได้รับคาถาบทใหม่
…
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อแสงตะวันส่องผ่านก้อนเมฆ เมอร์ลินก็ตื่นแล้ว หลังจากยามค่ำคืนแห่งการเพิ่มพลังเวทย์ด้วยหินธาตุ ตอนนี้วังวนแห่งความมืดพร้อมใช้งานแล้ว
“ได้เวลาไปพบผู้เฒ่างูแล้ว”
เมอร์ลินยืนขึ้นและคิดว่าผู้เฒ่างูอดทนรอคอยมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนได้อย่างไร ถ้าไม่มีพ่อมดแบมมู พวกเขาไม่อดทนได้ถึงขนาดนี้
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะรู้ว่าองค์ชายแปดส่งข้อความอะไรมา
“แบมมู”
“นายท่าน มีอะไรให้ข้าช่วยขอรับ”
“ไปบอกผู้เฒ่างูว่าตอนนี้ฉันพร้อมที่จะพบพวกเขาแล้ว”
พ่อมดแบมมูพยักหน้าแต่จ้องมองเมอร์ลินอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาเหลือบมอง ด้วยพลังจิตของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่นอกเหนือไปจากวิสัยทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เขาจะไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเมอร์ลินได้อย่างไร
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เมอร์ลินได้สร้างคาถาธาตุมืดระดับสามขึ้นใหม่ พ่อมดแบมมู ผู้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเมอร์ลินก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
ไม่ว่าพ่อมดแบมมูจะตกใจขนาดไหน เขาก็จะไม่ถามอะไรเพิ่มเติมอีก ไม่นานเขาก็ทำตามคำสั่งของเมอร์ลินและไปแจ้งให้ผู้เฒ่างูทราบ
…
“ผู้เฒ่างู นี่ก็เดือนกว่าแล้ว เมอร์ลินก็ยังไม่มาเลย เราไม่สามารถกลับไปพบองค์ชายแปกทั้งอย่างนี้ได้นะ”
ความโกรธอยู่ในน้ำเสียงของพ่อมดฮาสโบร พวกเขาได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพตลอดเวลาที่พวกเขาติดตามองค์ชายแปด นักเวทย์คนใดก็ตามจะแสดงความเคารพเมื่อพวกเขาเห็นพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดจะถูกเพิกเฉยจากเมอร์ลินตลอดทั้งเดือนในปราสาทวิลสัน
นอกจากนี้ยังมีพ่อมดแบมมู ตัวน่ารำคาญที่ชอบปรากฏตัวและหายตัวไปจากที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ต้องพูดถึงพลังที่หยั่งรู้ของเขา แม้ว่าพวกเขาต้องการบุกเข้าไปในห้อง พวกเขาก็ต้องพิจารณาผลที่ตามมาอย่างรอบคอบด้วยเช่นกัน
สีหน้าของผู้เฒ่างูก็มืดมนมากเช่นกัน แต่เมื่อเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็มีเสียงแผ่วเบามาจากนอกประตู
“ผู้เฒ่างู พ่อมดเมอร์ลินต้องการพบกับเจ้า”
*พรึ่บ!*
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ลุกขึ้นทันทีและผลักประตูให้เปิดออก ปรากฏว่าเป็นพ่อมดแบมมูที่ยืนอยู่นอกประตู
“พ่อมดเมอร์ลินต้องการพบเราแล้วใช่ไหม?”
แบมมูพยักหน้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์และตอบว่า “ใช่ มากับข้า”
เมื่อสิ้นเสียง พ่อมดแบมมูก็หันหลังกลับและจากไปในทันที
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ มองหน้ากันและพยักหน้า จากนั้นจึงเดินตามพ่อมดแบมมูไปอย่างรวดเร็ว
…
ในห้อง สายตาของเมอร์ลินคอยตรวจสอบผู้เฒ่างู, พ่อมดฮาวโบรและพ่อมดซาคราอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองฝ่ายไม่พูดอะไร และบรรยากาศดูตึงเครียด
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้เฒ่างูอดไม่ได้ที่จะพูด “พ่อมดเมอร์ลิน คุณปล่อยให้พวกเรารอมาตลอดทั้งเดือนที่ดีเลย”
“ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ฉันกำลังปรุงยาอยู่ มันสำคัญกับฉันมาก ฉันเลยไม่สะดวกพบกับคุณในตอนนั้น ยังไงก็ตาม พ่อมดสองคนนี้ต้องถูกส่งมาจากองค์ชายแปดสินะ พวกเขามีข่าวอะไรจากพระองค์รึเปล่า?”
เมอร์ลินข้ามเรื่องที่เขาปล่อยให้ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ เฝ้ารอมาทั้งเดือน แม้ว่าผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ จะรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่ภารกิจที่องค์ชายแปดขอให้พวกเขาทำให้สำเร็จยังคงต้องการความร่วมมือจากเมอร์ลิน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงอดทนโดยไม่มีการบ่นเพิ่มเติม
ผู้เฒ่างูสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพึมพำ “พ่อมดเมอร์ลิน องค์ชายแปดเดิมทีตั้งใจจะมาที่ปราสาทวิลสันเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม มีอย่างบางเกิดขึ้นที่เมืองอิมพีเรียล ดังนั้นพระองค์จึงไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ ดังนั้น เราจึงอยากจะขอให้พ่อมดเมอร์ลินไปเยือนองค์ชายแปดที่เมืองอิมพีเรียล เนื่องจากพระองค์มีเรื่องด่วนที่จะหารือกับพ่อมดเมอร์ลิน”
“ไปที่เมืองอิมพีเรียล? คุณรู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์ชายแปดทรงรับสั่งเรื่องนี้มา ผู้เฒ่างู?”
สีหน้าของเมอร์ลินไม่เปลี่ยนแปลงเลยในขณะที่เขาถามต่อไปอย่างสงบ
ผู้เฒ่างูส่ายหัวและตอบว่า “องค์ชายแปดได้เชิญพ่อมดเมอร์ลินไปที่เมืองอิมพีเรียลเท่านั้น ทางเราไม่ทราบเหตุผลเฉพาะว่าทำไม”
แม้ว่าผู้เฒ่างูปฏิเสธที่จะเปิดเผยเหตุผลแต่เมอร์ลินก็เดาได้ว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อมดลีโอ
เมอร์ลินเริ่มครุ่นคิดในขณะที่ผู้เฒ่างูและคนอื่นๆ จ้องมาที่เขาอย่างกังวลใจ
พ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซาคราต่างก็เป็นนักเวทย์ที่หยิ่งผยอง ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกเขาจึงไม่คิดว่าพวกเขาจะเผชิญกับความยากลำบากในการ ‘โน้มน้าวใจ’ เมอร์ลิน ด้วยบารมีขององค์ชายแปดและด้วยผู้ช่วยส่วนตัวที่เป็นนักเวทย์ระดับห้าเช่นพวกเขา พวกเขาไม่คิดว่าจะไม่มีใครปฏิเสธคำเชิญเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเตือนครั้งก่อนจากพ่อมดแบมมู และความจริงที่ผู้เฒ่างูได้บอกพวกเขาว่าเมอร์ลินไม่ใช่นักเวทย์ธรรมดา ๆ มันทำให้พ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซาครากังวลขึ้นมาทันที
ถ้าเมอร์ลินปฏิเสธที่จะไปเมืองอิมพีเรียลจริง ๆ พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำไม่ได้แน่นอนคือกลับไปหาองค์ชายแปดแบบมือเปล่า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พ่อมดฮาสโบรจึงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวอย่างจริงใจว่า “พ่อมดเมอร์ลิน องค์ชายแปดทรงเห็นคุณค่าของคุณอย่างมาก ก่อนหน้านี้พระองค์ได้ส่งผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ มาที่นี่โดยเฉพาะเพื่อปกป้องความปลอดภัยของตระกูลวิลสัน ตอนนี้พระองค์ได้ส่งเราไปรับคุณด้วยตัวเอง พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าคุณไปถึงเมืองอิมพีเรียล องค์ชายแปดจะต้อนรับพ่อมดเมอร์ลินเป็นการส่วนตัว…”
ทันใดนั้น เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นและถามพ่อมดฮาสโบรว่า “ฉันได้ยินมาว่าราชวงศ์แห่งอาณาจักรแบล็คมูนเป็นเจ้าของห้องสมุดเวทมนตร์ที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุด ฉันสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมเมอร์ลินถึงถามคำถามนี้
อย่างไรก็ตาม พ่อมดฮาสโบรยังคงพยักหน้าและตอบว่า “ถูกต้อง ราชวงศ์มีคลังคาถาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง คาถาประเภทต่าง ๆ ถูกรวบรวมอย่างสมบูรณ์ที่สุดซึ่งองค์กรนักเวทย์อื่น ๆ ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้”
เมอร์ลินยังคงถามต่อไปว่า “แล้วองค์ชายแปดมีสิทธิ์เข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์หรือไม่?”
“องค์ชายแปดมีสิทธิ์เข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์อย่างแน่นอน พ่อมดเมอร์ลินอาจไม่รู้ แต่องค์ชายแปดได้รับความไว้วางใจอย่างสูงสุดจากราชาแห่งอาณาจักรแบล็กมูน องค์ชายแปดดูแลราชองครักษ์ของราชวงศ์อิมพีเรียลครึ่งหนึ่งและพระองค์เต็มไปด้วยอำนาจและพลัง พระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะขึ้นครองราชย์ในลำดับถัดไป…”
เมอร์ลินไม่สนใจที่จะฟังสิ่งที่พ่อมดฮาสโบรพูด สิ่งที่เขาสนใจจริง ๆ ก็ห้องสมุดเวทมนต์ซึ่งมีคาถาที่หลากหลายและสมบูรณ์กว่าของดินแดนมนต์ดำ
ท้ายที่สุด ราชวงศ์ของอาณาจักรแบล็คมูนนั้นแตกต่างจากอาณาจักรแห่งแสงอย่างมาก ราชวงศ์แห่งอาณาจักรแบล็คมูนนั้นเทียบเท่ากับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่และอาจเป็นองค์กรนักเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรเลยก็ว่าได้
ด้วยเหตุนี้เองที่อาณาจักรแห่งแบล็คมูนจะประกอบด้วยเมืองแต่ละเมืองกระจายกันเป็นเอกเทศ แม้ดูจากภายนอกอาจดูไม่เป็นเอกภาพพร้อมที่จะแตกแยกได้ทุกเมื่อแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเมืองไหนกล้าขัดต่อคำสั่งของราชวงศ์
นอกจากนี้ ราชวงศ์ยังเชื่อมโยงกับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่อย่างแยกไม่ออก ดังนั้นจึงไม่มีองค์กรใดที่กล้ายั่วยุราชวงศ์
ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมราชวงศ์ของอาณาจักรแบล็คมูนจึงดูค่อนข้างน่าเกรงขามจึงสามารถควบคุมภาพรวมในอาณาจักรและรักษาเสถียรภาพพื้นฐานได้
“ตกลง ฉันตกลงจะไปเมืองอิมพีเรียล”
เมอร์ลินตอบรับอย่างตรงไปตรงมา สาเหตุส่วนใหญ่มาจากหัวข้อที่เขากล่าวถึงก่อนหน้านี้
นอกจากการพบปะกับองค์ชายแปดแล้ว เหตุผลที่เมอร์ลินสัญญาว่าจะไปที่เมืองอิมพีเรียลก็เพื่อขอบคุณองค์ชายแปดที่ปกป้องตระกูลวิลสันเป็นการส่วนตัว เหตุผลที่สำคัญกว่าคือต้องพึ่งพาองค์ชายแปดเพื่อเข้าสู่ห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์เพื่อเสริมสร้างฐานข้อมูลของเดอะเมทริกซ์
เมอร์ลินไม่ได้กังวลเกี่ยวกับฐานข้อมูลของเดอะเมทริกซ์ แต่เมื่อความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งขึ้น ในไม่ช้าเขาก็จะพิจารณาสร้างคาถาระดับสี่ เมื่อถึงเวลานั้น ถ้าเขายังคงสร้างคาถาทั่วไปต่อไปทีละขั้น ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ดีขึ้นมาก
ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเพิ่มฐานข้อมูลของเมทริกซ์โดยเร็วที่สุด แล้วรวมข้อมูลเพื่อสร้างคาถาใหม่ ยิ่งเร็วยิ่งดี
นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของเมอร์ลิน!
เมื่อผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ เห็นว่าเมอร์ลินตกลงที่จะไป พวกเขาก็เผยความยินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นพวกเขาจึงรีบถามว่า “พ่อมดเมอร์ลิน คุณพร้อมออกเดินทางเมื่อไร?”
“เนื่องจากฉันทำให้พวกคุณล่าช้ามามากแล้ว ฉันว่ายิ่งเร็วยิ่งดี หลังจากที่ฉันบอกกับคนในตระกูลเสร็จแล้ว ฉันจะออกเดินทางทันที!”
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเช่นกัน พวกเขาเริ่มเตรียมตัวในขณะที่รออย่างเงียบๆ ให้เมอร์ลินบอกลาคนในตระกูลของเขาให้เสร็จ