WS บทที่ 324 ผู้มาเยือนจากเมืองอิมพิเรียล
นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินปรุงน้ำยาโมครา มันต้องใช้วัสดุปรุงยามากมายและขั้นตอนก็ซับซ้อนมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือของเดอะเมทริกซ์ อัตราส่วนต่าง ๆ สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นประสิทธิภาพของเขาในการปรุงยาไม่ด้อยไปกว่าพ่อมดฮาวล์เลย
“ถ้ารักษาอัตราความสำเร็จไว้ได้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์แล้วล่ะก็ ฉันจะสามารถปรุงน้ำยาโมคราได้อย่างน้อย 30 ขวด!”
เมอร์ลินคิดขณะมองดูน้ำยาโมคราตรงหน้าเขา เขาไม่ได้กังวลว่าจะไม่สามารถปรุงน้ำยาโมคราได้ เนื่องจากเขามีเดอะเมทริกซ์ เมอร์ลินสามารถบรรลุอัตราความสำเร็จมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ในการปรุงยาต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการปรุงยาโมคราครั้งแรกของเขา ดังนั้นเขาต้องรอจนกว่าเขาจะทำจริง ๆ ซะก่อนถึงจะทราบอัตราความสำเร็จแบบคร่าว ๆ
“เดอะเมทริกซ์วิเคราะห์กระบวนการปรุงยาโมครา!”
“บี๊บ ตรวจวัตถุดิบปรุงยา…”
เมอร์ลินคุ้นเคยกับการปรุงยาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว เขาควบคุมแต่ละขั้นตอนของกระบวนการได้อย่างแม่นยำตามคำแนะนำจากเดอะเมทริกซ์
เนื่องจากวัตถุดิบมีมากเกินไปและขั้นตอนก็ซับซ้อนเกินไป แม้แต่การปรุงยาชุดเดียวก็ยังไม่เสร็จในเวลาอันสั้น
ผ่านหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง… ในที่สุด หลังจากแปดชั่วโมงเมื่อท้องฟ้ามืดสนิท เมอร์ลินก็เสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงยา
*ฉ่า…*
ทันใดนั้น ควันดำเริ่มโผล่ออกมาจากเครื่องแก้วใสซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากเมอร์ลินเติมสารปรุงยาขั้นสุดท้ายที่เรียกว่า ‘หินดำ’ ลงไป
เมื่อควันดำเริ่มหนาขึ้น เมอร์ลินก็เห็นว่ามีเพียงเศษยาสีดำที่หลงเหลืออยู่ในเครื่องแก้วใส
เมอร์ลินล้มเหลวในการปรุงยาโมคราในการลองครั้งแรกของเขา!
เมื่อมองไปที่น้ำยาโมคราที่ล้มเหลว เมอร์ลินก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพึมพำว่า “ช่างมันเถอะ ฉันจะกลับไปพักผ่อนก่อน มิฉะนั้น เชอรีสจะมาที่นี่เพื่อตามฉันไปนอน”
หากนี่เป็นเมื่อก่อน เมอร์ลินก็จะอยู่ในห้องจนกว่าเขาจะปรุงน้ำยาจนส่วนผสมหมด ก่อนจะออกจากห้อง แต่ในตอนนี้เขาคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เนื่องจากเมอร์ลินต้องดูแลกิจการของตระกูลด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการ ‘ทำลูก’ กับเชอรีส เมอร์ลินรู้สึกหมดหนทางอย่างมากเมื่อเขานึกถึงการ ‘ทำลูก’ ทุกคืน เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากที่กลายเป็นนักเวทย์อันทรงเกียรติและเป็นอัจฉริยะของดินแดนมนต์ดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในหมู่พ่อมดพเนจรในปัจจุบัน เขายังต้องถูกลากกลับมาในห้องทุกวันเพื่อ ‘ทำลูก’
นี่คือชีวิตของคนธรรมดา บางครั้ง เมอร์ลินก็สงสัยเช่นกันว่าหากเขาไม่ได้เป็นนักเวทย์ เขานึกไม่ออกว่าตอนนี้เขาจะมีลูกกี่คน
ชีวิตของคนธรรมดาทั้งไร้พลังและสงบสุข อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดว่าเวลาของเขาจะกลับมาที่ปราสาทวิลสันในอนาคตจะสั้นเพียงใด เมอร์ลินก็ยอม ‘ทรมาน’ เชอรีส ไม่ว่าตระกูลของเขาต้องการอะไร เขาก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อสนองพวกเขา
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในปราสาทวิลสัน เมอร์ลินใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ในระหว่างวัน เขาจะปรุงน้ำยาโมครา ส่วนเวลากลางคืน เขาจะพยายามใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของเขา
ในบางครั้งเขาก็ไปดูแบมมูสอนเฟลินดาด้วย เมื่อเร็ว ๆ นี้มีงานมากมายสำหรับแบมมู เนื่องจากเขาต้องสอนโคลตัวน้อยที่มีคุณสมบัตินักเวทย์ตามที่เมอร์ลินสั่ง
เรื่องนี้ทำให้ พ่อมดบัมมูแสดงสีหน้าขมขื่นทุกวัน เขาไม่พอใจกับคำสั่งของเมอร์ลินอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม ในฐานะทาสของเมอร์ลิน เขาไม่กล้าที่จะบ่นใด ๆ
…
*ฉ่า…*
ในห้องที่ตกแต่งด้วยการตกแต่งแบบเรียบง่าย ควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากเครื่องแก้วใสอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ควันดำยังคงอยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ จากนั้นมันก็ค่อยๆ หายไปและถูกแทนที่ด้วยหมอกสีขาวโปร่งแสง
"สำเร็จ!"
เมอร์ลินมองดูหมอกสีขาวที่ลอยออกมาจากเครื่องแก้วและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในที่สุด มันเป็นเวลาห้าวันติดต่อกันที่เขาปรุงยาโมคราโดยในแต่ละวัน เขาสามารถปรุงได้หนึ่งครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสี่วันที่ผ่านมา น้ำยาโมคราที่เขาทำนั้นล้มเหลว พอมาถึงครั้งที่ห้า เขาควบคุมความร้อนในขั้นตอนต่าง ๆ ในที่สุดเขาก็ปรุงยาสำเร็จ
เมอร์ลินหยิบเครื่องแก้วขึ้นมาอย่างเบามือและมองไปที่น้ำยาโมคราด้วยสายตาอันเงียบสงบ มีเพียงยาจำนวนเล็กน้อยในขวดแก้ว ใครจะรู้ว่ามันมีผลอย่างมากในการเสริมสร้างพลังจิต
แม้ว่าการปรุงยาจะประสบความสำเร็จ แต่เมอร์ลินก็ยังค่อนข้างไม่พอใจเนื่องจากอัตราความสำเร็จนั้นต่ำกว่าที่เขาคาดไว้มาก เมอร์ลินได้คาดการณ์ไว้ว่าอัตราความสำเร็จอยู่ที่สามสิบเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อย ๆ เขาจะได้น้ำยาโมครามาสามสิบขวดจากส่วนผสมร้อยชุด
ตอนนี้ วัสดุปรุงยาห้าชุดสามารถผลิตได้เพียงหนึ่งขวดเท่านั้น คิดเป็นอัตราความสำเร็จราว ๆ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ด้วยอัตราความสำเร็จเท่านี้ เขาจะได้น้ำยาโมคราเพียงยี่สิบกว่าขวดเท่านั้น ซึ่งมันน้อยกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องควบคุมความร้อนอย่างระมัดระวัง หวังว่ามันจะเพิ่มอัตราความสำเร็จของฉันได้”
เมอร์ลินไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาได้ดำเนินการขั้นตอนการปรุงยาอย่างแม่นยำโดยอาศัยเดอะเมทริกซ์แต่อัตราความสำเร็จเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อาจเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจการควบคุมไฟ ดังนั้นอัตราความสำเร็จของเขาจึงต่ำเกินไป
หลังจากได้รับน้ำยาโมคราขวดแรกแล้ว เมอร์ลินก็ไม่ได้ดื่มมันในทันที หากเขาดื่มมันเข้าไป เขาจะตกอยู่ในห้วงนิทรา ดังนั้น เมอร์ลินจึงต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่เขาจะสามารถดื่มน้ำยาได้
เวลาได้ผ่านพ้นไป เมอร์ลินได้รวบรวมพลังงานของเขาในการปรุงยาและพยายามควบคุมความร้อนให้แม่นยำและปรับปรุงอัตราความสำเร็จของน้ำยาโมครา
ในช่วงเวลานี้ พ่อมดแบมมูนำข่าวดีมาบอกเขา แม้ว่าคุณสมบัตินักเวทย์ของเฟลินดาและโคลจะค่อนข้างเรื่องธรรมดาแต่เฟลินดาสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องศาสตร์อักษรรูนและมีพรสวรรค์ในด้านนี้ด้วย
ดังนั้น พ่อมดแบมมูจึงมุ่งที่จะส่งต่อความรู้ด้านอักษรรูนบางส่วนของเขาให้เฟลินดา
นี่เป็นข่าวดีจริง ๆ แม้ว่าเฟลินดาจะเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้น แต่เธอสนใจเรื่องอักษรรูน เมอร์ลินอาจให้เธอใช้แผ่นวงเวทย์รูนที่เขาได้รับมา เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลวิลสันจะได้รับการปกป้องจากมันและอยู่อย่างปลอดภัยได้
เมอร์ลินยังได้ดึงหนังสือเกี่ยวกับอักษรรูนที่เขาค้นพบโดยบังเอิญออกมา เขานำมันไปให้เฟลินดาเพื่อให้เธอสามารถทุ่มเทพลังงานในการศึกษาของเธอ
นอกจากเรื่องของเฟลินดาแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เมอร์ลินต้องพิจารณา เพื่อให้ตระกูลวิลสันกลายเป็นตระกูลนักเวทย์ ดังนั้นเขาจึงไปหาพ่อมดฮิลล์และขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัตินักเวทย์ในเมืองปรากาซและรับสมัครพวกเขาเข้าสู่ตระกูล
พ่อมดฮิลล์ตอบรับด้วยอย่างกระตือรือร้น แถมเขายังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน เขาได้พบเด็กมากกว่าหนึ่งโหลที่มีคุณสมบัตินักเวทย์
เด็กเหล่านี้ทั้งหมดอายุไม่เกินสิบปีซึ่งเป็นอายุเหมาะจะได้รับการฝึกฝนอย่างมาก เมอร์ลินคัดเลือกเด็กเหล่านี้เข้าตระกูลวิลสันและให้นามสกุลวิลสันแก่พวกเขาเพื่อตัดความสัมพันธ์ใด ๆ กับอดีตครอบครัวและญาติของพวกเขา
เมอร์ลินได้สั่งให้พ่อมดแบมมูดูแลเด็กกลุ่มนี้ซึ่งทำให้พ่อมดแบมมูรู้สึกอนาจใจอย่างยิ่ง ในตอนแรก เขาคิดว่าจะมีเวลาเติมพลังเวทย์ในจิตใต้สำนึกของเขาหลังจากมาถึงปราสาทวิลสัน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาถูกเมอร์ลินใช้งานสารพัดไม่ต่างจาก ‘แรงงาน’ เลย
…
“นี่เป็นส่วนสุดท้ายของส่วนผสมในการปรุงน้ำยาโมคราแล้ว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันทำสำเร็จ!”
เมอร์ลินถือน้ำยาโมคราที่ทำขึ้นใหม่ในมือของเขา นี่เป็นส่วนสุดท้ายของวัสดุปรุงยาแล้ว หลังจากสามเดือนผ่านไป เขาได้ปรุงยาทุกวันและในที่สุดก็ใช้วัตถุดิบนับร้อยชุดที่เขาแลกเปลี่ยนจากหอสมุดก็หมดเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญในการควบคุมความร้อนของเขาก็เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราความสำเร็จของการปรุงยาโมคราดีขึ้นเช่นกัน ในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถบรรลุอัตราความสำเร็จได้ถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์
หลังจากใช้วัตถุดิบปรุงยาหมดแล้ว เมอร์ลินก็เริ่มนับจำนวนน้ำยาโมคราที่เขาเตรียมสำเร็จ
“28 ขวด ก็ไม่เลว อัตราความสำเร็จมากกว่าร้อยละยี่สิบและเกือบถึงร้อยละสามสิบ”
เมอร์ลินได้นับขวดน้ำยาโมคราทั้ง 28 ขวด ซึ่งมันใกล้เคียงกับอัตราความสำเร็จเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่เพราะการสูญเสียส่วนผสมในช่วงเริ่มต้นของการปรุงยา เมอร์ลินอาจบรรลุอัตราความสำเร็จมากกว่าร้อยละสามสิบ
เช่นเดียวกับการปรุงยาส่วนสุดท้าย อัตราความสำเร็จของเมอร์ลินถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์!
"เฮ้อ…"
เมอร์ลินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็เสร็จสิ้นการปรุงยาทั้งหมดซะที ขั้นตอนต่อไป เขาจะเริ่มดื่มยาเหล่านี้แต่การดื่มพวกน้ำยาโมคราจะทำให้เขาหลับสนิท ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เมอร์ลินจะต้องอยู่ในอันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วน
นอกจากเรื่องปรุงยาแล้ว ภรรยาทั้งสองของเขา เชอรีสและแอวริลก็มีข่าวดี เมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาประกาศการตั้งครรภ์ ดังนั้นเมอร์ลินจึงสามารถดื่มน้ำยาโมคราได้อย่างปลอดภัย
“แบมมู!”
เมอร์ลินติดต่อพ่อมดแบมมูในทันทีผ่านสัญญาทาส ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างของพ่อมดแบมมูก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเมอร์ลิน เมื่อแบมมูถูกใช้เป็น ‘แรงงาน’ โดยเมอร์ลิน เขาจึงมีสีหน้าขมขื่นอยู่เสมอ
“นายท่าน มีคำสั่งใดข้ารับใช้ขอรับ?”
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะแสดงความขมขื่น แบมมูก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่นเมอร์ลิน
เมอร์ลินเหลือบมองแบมมูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “คราวนี้ คุณสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้อีกนาน ฉันต้องกินยาเพิ่มพลังจิตและฉันจะต้องหลับเป็นเวลานาน ดังนั้นคุณจะต้องอยู่ใกล้ ๆ และรับผิดชอบความปลอดภัยของฉันด้วย! จำไว้ว่าไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ห้องนี้ได้”
เมื่อเขาได้ยินว่าเมอร์ลินต้องการการปกป้องและห้ามให้ใครเข้ามา ทำให้พ่อมดแบมมูรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงเวลานี้ เขาก็สามารถกู้คืนพลังเวทย์บางอย่างได้อย่างเงียบ ๆ
“นายท่าน โปรดวางใจ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาใกล้ห้องนี้เพื่อรบกวนท่านเด็กขาด”
เมอร์ลินพยักหน้า แบมมูเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดและเขาไม่ใช่นักเวทย์ระดับเจ็ดธรรมดา ๆ เขามีพลังจิตเทียบเท่ากับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ และเขายังได้สร้างคาถาธาตุไฟระดับแปดอีกด้วย คาถาระดับแปดนี้สามารถทนต่อเปลวไฟที่แผดเผาของกรงเพลิงซึ่งถูกฝังด้วยพลังเล็กน้อยของแม็กซิมแห่งไฟ
แม้เมอร์ลินไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของพ่อมดแบมมูแต่เขาน่าจะเอาชนะนักเวทย์ระดับเจ็ดทั่วไปได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถหลับได้สบายใจด้วยการปกป้องจากแบมมู
หลังจากที่เขาพูดจบ เมอร์ลินก็ปิดประตูด้วยความสบายใจ เหลือเพียงพ่อมดแบมมูที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณโดยรอบเพื่อปกป้องเขา
...
*ครีก…*
ในปราสาทวิลสัน ประตูไม้เรียบ ๆ ของกระท่อมของผู้เฒ่างูถูกผลักเข้าไป ร่างที่ไม่คุ้นเคยสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นในกระท่อม
"หื้ม?"
ผู้เฒ่างูเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาของเขาคมขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด น่าแปลกที่เขาไม่รู้ว่าผู้มาเยือนสองคนนี้มาที่กระท่อมของเขาก่อนหน้านี้แล้ว
“ผู้เฒ่างู พวกเราถูกส่งมาโดยองค์ชายแปด!”
ร่างทั้งสองนี้มีร่างกายทั้งหมดปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมพ่อมดกว้าง รูปลักษณ์ของพวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ใบหน้าของผู้เฒ่างูเผยความประหลาดออกมา ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาเป็นคู่หูนักเวทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับองค์ชายแปด พวกเขาเป็นนักเวทย์ระดับห้าที่แข็งแกร่ง
“พ่อมดฮาสโบร พ่อมดซาครา องค์ชายแปดมีรับสั่งอย่างไรบ้าง?”
ผู้เฒ่างูค่อนข้างอิจฉานักเวทย์สองคนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักเวทย์ที่ทำงานรับใช้ภายใต้องค์ชายแปดแต่พวกเขาแยกเป็นกลุ่ม ๆ และบางครั้งก็แข่งขันกันเองเพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากองค์ชายแปด
“นี่เป็นคำสั่งของพระองค์ คุณสามารถดูได้ด้วยตัวคุณเอง”
พ่อมดฮาสโบรตัวที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย เขาดึงจดหมายสีขาวออกมาแล้วยื่นให้ผู้เฒ่างู ผู้เฒ่างูมองดูจดหมายขององค์ชายแปดอย่างระมัดระวังและสีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม จากนั้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำว่า “กำหนดการขององค์ชายแปดต้องถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นพระองค์จึงไม่สามารถมาที่ปราสาทวิลสันเป็นการส่วนตัวได้ ฉันเกรงว่าสถานการณ์ที่นั่นไม่ค่อยจะสู้ดีจริง ๆ”
“ถูกต้อง เนื่องจากสถานการณ์ไม่เป็นที่พอใจ พระองค์ทรงรอไม่ไหวที่จะขอเมอร์ลินไปที่เมืองอิมพีเรียล เมื่อถึงเวลานั้น พระองค์ทรงหาวิธีเชิญพ่อมดลีโอแห่งดินแดนมนต์ดำมา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราควรกังวล ภารกิจของเราคือพาเมอร์ลินไปยังเมืองอิมพีเรียลอย่างปลอดภัย”
“คุ้มกันเมอร์ลิน?”
ผู้เฒ่างูส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เนื่องจากเมืองอิมพีเรียลอยู่ห่างจากปราสาทวิลสันมากเกินไปจึงไม่สามารถส่งข้อความได้สะดวก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รายงานเหตุการณ์ในเมืองทารัน ควินโนมิและฟรานย่า เขาวางแผนที่จะแจ้งองค์ชายแปดด้วยตนเองเมื่อเขากลับไปยังเมืองอิมพีเรียลด้วยตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตาม องค์ชายแปดได้ส่งพ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซาคราเพื่อคุ้มกันเมอร์ลินซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญที่องค์ชายแปดได้มอบให้แก่เมอร์ลิน
“ทำไม มีปัญหาอะไร?” พ่อมดฮาสโบรสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของผู้เฒ่างูดังนั้นเขาจึงถามเบา ๆ
ผู้เฒ่างูส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากสถานการณ์ขององค์ชายแปดในเมืองอิมพีเรียลไม่สู้ดี เราไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป ฉันจะพาพวกคุณสองคนไปหาเมอร์ลินทันที!”
หลังจากนั้น ผู้เฒ่างูได้นำนักเวทย์สองคนและมุ่งหน้าไปยังที่ที่เมอร์ลินอยู่