WS บทที่ 323 กระบวนการบูรณาการข้อมูล PART 2
กระบวนการรวมข้อมูลเป็นการดำเนินการที่ซับซ้อนอย่างยิ่งแต่ด้วยพลังการคำนวณของเดอะเมทริกซ์ แม้มันจะซับซ้อนเพียงใดเดอะเมทริกซ์ก็สามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมากศาลได้
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการคำนวณแล้ว การประมวลผลข้อมูลยังรวมถึงการสร้างคาถาใหม่ด้วย แม้จะมีรากฐานของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ก็ยังต้องใช้เวลานานในการดำเนินการให้เสร็จสิ้น
ผ่านไหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง…
เมอร์ลินมองหาการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเดอะเมทริกซ์ อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เดอะเมทริกซ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหมายความว่ากระบวนการรวมข้อมูลยังคงดำเนินต่อไป
“บี๊บ กระบวนการล้มเหลว ข้อมูลในฐานข้อมูลไม่เพียงพอ โปรดดำเนินการอีกครั้ง หลังจากเพิ่มเติมฐานข้อมูลแล้ว!”
หลังจากผ่านไปห้าชั่วโมง ในที่สุดเดอะเมทริกซ์ก็สร้างผลลัพธ์สำเร็จ อย่างไรก็ตาม มันเป็นความล้มเหลว เขามีเพียงสองร้อยคาถานั้นซึ่งน้อยเกินไปที่จะทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูล
“ล้มเหลวอีกแล้ว…”
เมอร์ลินส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง แม้ว่าเขาจะคาดไว้แล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกเศร้าใจที่มันล้มเหลว เดอะเมทริกซ์ต้องการให้ฐานข้อมูลมีคาถาอย่างน้อยมากกว่าหนึ่งพันคาถาเพื่อให้ได้คาถาใหม่
นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงความเป็นไปได้เท่านั้น เมื่อถึงจุดนั้น ผลลัพธ์จะแตกต่างกันอย่างมากตามระดับ ประเภท และอื่น ๆ ของคาถาที่ได้รับมาใหม่ ยิ่งคาถามีพลังมากเท่าไร ฐานข้อมูลก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเท่านั้น
เมอร์ลินเข้ามาในโลกนี้มานานแล้วและใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคาถาของพ่อมดพเนจรและบางส่วนจากดินแดนมนต์ดำ นอกเหนือจากคาถาจากหนังสือแห่งนิรันดร์แล้ว ตอนนี้เขามีคาถารรวมกันทั้งหมดเพียงสองร้อยคาถาเท่านั้น
มันยากมากที่จะได้รับคาถามากกว่าหนึ่งพันคถาซึ่งหอสมุดอาจจะมีคาถานับไม่ถ้วน แต่ต้องแลกกับแต้มสนับสนุนจำนวนมหาศาล แม้ว่าเมอร์ลินจะมีแต้มสนับสนุนมากกว่าหมื่นแต้มในแต่ละปี แต่การแต้มเหล่านี้เพื่อแลกกับคาถาเพียงอย่างเดียว มันออกจาะฟุ่มเฟือยเกินไป เขาจะต้องใช้แต้มเพื่อแลกอย่างอื่นด้วย
นอกจากนี้ ความสามารถของเดอะเมทริกซ์ในการได้มาซึ่งคาถาใหม่ผ่านกระบวนการรวมข้อมูลเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเมอร์ลิน ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือได้รับคาถาใหม่หรือไม่และคาถาเหล่านั้นจะออกมาในรูปแบบอะไร คำถามเช่นนี้และคำถามอื่น ๆ ยังไม่ได้รับคำตอบ ตราบใดที่ไม่มีฐานข้อมูล แม้แต่เมอร์ลินก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร
เมอร์ลินไม่ต้องการคิดถึงปัญหาในการเพิ่มฐานข้อมูลของเดอะเมทริกซ์ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เสร็จในเวลาอันสั้น เขาจะค่อย ๆ สะสมเวทมนตร์และหากไม่มีวิธีอื่น เมอร์ลินสามารถใช้แต้มสนับสนุนของเขาเพื่อแลกกับเวทมนตร์ในหอสมุด นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น เมอร์ลินไม่ต้องการใช้แต้มอันมีค่าของเขาเพื่อแลกกับคาถาเพียงเพื่อเพิ่มฐานข้อมูลของเดอะเมทริกซ์
หลังจากที่เขาปิดเมทริกซ์ เมอร์ลินก็เริ่มตรวจสอบสภาพร่างกายของเขา
แม็กซิมแห่งไฟในจติใต้สำนึกของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงในขณะที่มันยังคงปราบปรามเพลิงวินาศ
สำหรับเพลิงวินาศ แม้ว่ามันจะถูกรวมเข้ากับเวทย์มนตร์แต่ตอนนี้ยังไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้น ในทางกลับกัน เมอร์ลินพอใจกับความแข็งแกร่งของมันมาก
ขณะที่เขาสังหารพวกนักเวทย์จากเมืองทารันไปยังเมืองฟรานย่า เขาเกือบจะไร้เทียมทาน พ่อมดฟิเนลโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถเทียบได้กับเมอร์ลิน
คาถาที่แข็งแกร่งที่สุดของเมอร์ลินคือดวงใจแห่งความมืดที่ผสานเข้ากับคาถาธาตุมืด อย่างไรก็ตาม หากคู่ต่อสู้ของเขามีพลังจิตที่ทรงพลังและสามารถหลีกเลี่ยงการถูกจับในภาพลวงตาของคาถาธาตุมืดได้ เขาคงต้องโจมตีด้วยเพลิงวินาศแทน
เพลิงวินาศที่ใช้ร่วมกับคาถา พลังจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและมันเทียบได้กับคาถาระดับห้าอันทรงพลัง
ในตอนนี้ จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมอร์ลินคือคาถาที่ผสานเข้ากับเพลิงวินาศกับดวงใจแห่งความมืด พลังของพวกมันเกือบจะเทียบได้กับนักเวทย์ระดับห้า หากคู่ต่อสู้ของเขาไม่มีพลังจิตที่ทรงพลัง เมอร์ลินก็จะสามารถฆ่านักเวทย์ระดับห้าได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นข้อได้เปรียบเฉพาะของคาถาธาตุมืด ตราบใดที่มีพลังจิตไม่เพียงพอ ก็ไม่ควรต่อสู้กับนักเวทย์ธาตุมืด มิฉะนั้น นักเวทย์ที่เผชิญน้ากับคาถาธาตุก็จะแพ้ไปโดยปริยาย
แน่นอนว่าคาถาแต่ละธาตุมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น คาถาที่เสริมด้วยพลังปีศาจพนโดร่าอันทรงพลังที่มีความสัมพันธ์กับธาตุดิน แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีระดับเหนือกว่าหนึ่งหรือสองระดับก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เมอร์ลินซึ่งครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่า ผสานผืนพิภพซึ่งรวมเข้ากับเวทย์มนตร์ธาตุดินของเขา มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักเวทย์ระดับห้าที่จะทำอันตรายต่อเมอร์ลิน
นี่คือภาพรวมของความสามารถของเมอร์ลินซึ่งเทียบได้กับนักเวทย์ระดับห้า สำหรับตอนนี้ นี่คือขีดจำกัดของเมอร์ลิน เมื่อเร็ว ๆ นี้เขารู้สึกว่าพลังของเขามาถึงจุดคอขวด หากปราศจากความก้าวหน้าครั้งสำคัญคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ไม่ว่ามันจะเป็นเพลิงวินาศหรือพลังปีศาจแพนโดร่าอื่น ๆ เมอร์ลินจะต้องกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่เพื่อฝึกฝนพวกมันเพิ่มเติม ถ้าเมอร์ลินกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสองในตอนนี้ เขาไม่ใช่แม้แต่นักเวทย์ระดับสามและไม่ได้สร้างคาถาระดับสามใด ๆ เลย
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักเวทย์ระดับสามและรวมคาถาระดับสามเข้ากับดวงใจแห่งความมืด พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเพียงปานกลางเท่านั้น บางทีคาถาอื่น ๆ ที่สามารถรวมกับพลังปีศาจแพนโดร่า ก็อาจได้รับการปรับปรุงพลังเพียงเล็กน้อยเช่นกัน
ถึงกระนั้น เมอร์ลินก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว ณ ตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาทำได้คือปรับปรุงพลังจิตและกลายเป็นนักเวทย์ระดับสาม เตรียมพร้อมสำหรับวันที่ในที่สุดเขาจะกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่
ในดินแดนมนต์ดำ มีเพียงนักเวทย์ระดับสี่เท่านั้นที่สามารถสร้างหอคอยของตนเองได้ จึงจะถือว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ มีเพียงนักเวทย์สี่เท่านั้นที่อนุญาตให้ฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าต่าง ๆ ในรูปแบบที่สอง เมื่อถึงจุดนั้น ความสามารถของนักเวทย์จะได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน
เมอร์ลินตั้งหน้าตั้งตารอตอนที่เขากลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่และพลังปีศาจแพนดอร่ามากมายของเขาสามารถฝึกฝนได้ถึงรูปแบบที่สอง พลังของเขาจะน่ากลัวมากแค่ไหนกัน?
“น่าเสียดายที่ดัชนีเยือกแข็งไม่สามารถรวมกับเวทมนตร์ใด ๆ ได้ แม้ว่าจะได้รับการฝึกฝนถึงรูปแบบที่สอง มันก็จะด้อยกว่าพลังปีศาจแพนโดร่าที่เหลือของฉัน!”
ปัจจุบัน เมอร์ลินไม่ค่อยใช้ดัชนีเยือกแข็งบ่อยนัก เนื่องจากมันไม่สามารถรวมกับเวทมนตร์ได้และพลังของมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น มันสามารถเปรียบเทียบกับคาถาระดับสี่ซึ่งไม่ค่อยมีประโยชน์กับเมอร์ลินในขณะนี้
ในตอนแรก ดัชนีเยือกแข็งเป็นพลังปีศาจแพนโดร่าอันแรกของเมอร์ลินและช่วยเขาได้มาก ถึงกระนั้น พลังของก็ลดลงไปตามกาลเวลาเพราะมันไม่สามารถรวมเข้ากับคาถาได้ ถึงจะมีมันก็เหมือนไม่มี
น่าเสียดายที่เมอร์ลินไม่รู้วิธีกำจัดดัชนีเยือกแข็งยิ่งกว่านั้น เขาไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่าที่ดีกว่ามาแทนที่มันได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงลบมันไปนานแล้ว
ในปัจจุบัน เมอร์ลินมีพลังปีศาจแพนโดร่าเพลิงวินาศ, ดวงใจแห่งความมืด, สายลมแสงวาบ, ผสานผืนพิภพและดัชนีเยือกแข็งซึ่งพลังปีศาจแพนโดร่าทั้งห้าธาตุ เขาขาดพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุสายฟ้าเพียงธาตุเดียว ถึงกระนั้น เมอร์ลินก็จะไม่รีบร้อนที่จะหามัน แค่ความแข็งแกร่งของเพลิงวินาศนั้นก็ยอดเยี่ยมเพียงพอและมันมีสามรูปแบบ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
ในบรรดาพลังปีศาจแพนโดร่าทั้งห้านั้น ทั้งหมดนั้น นอกจาก ดัชนีเยือกแข็ง ที่เหลือสามารถผสานเข้ากับเวทมนตร์ได้ มันค่อนข้างน่ากลัว ในอดีต ในบรรดานักเวทย์ที่ถูกลากไปท้าทายด่านทดสอบทั้งสามบนเรือของนิโคล่า มีนักเวทย์ผู้มีพลังปีศาจแพนโดร่าห้าธาตุซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้ร่วมกับคาถาได้
นักเวทย์คนนั้นทรงพลังมาก แม้แต่จิตวิญญาณของแม็กซิมแห่งไฟก็ยังสรรเสริญเขา
ตอนนี้ เมอร์ลินมีพลังปีศาจแพนโดร่าห้าอย่างซึ่งสี่ในห้าสามารถใช้ร่วมกับคาถาได้ เขาจะค่อนข้างทรงพลังแม้ว่าเขาจะอยู่ในยุครุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ก็ตาม
พลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถผสานเข้ากับคาถานั้นหาไม่ได้ง่าย เพื่อให้ได้พลังปีศาจแพนโดร่าทั้งสี่มา เมอร์ลินต้องผ่านการเผชิญหน้าโดยบังเอิญนับไม่ถ้วนและเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อให้ได้มา
“ดัชนีเยือกแข็ง…ถ้าฉันกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ ฉันคงต้องหยุดการฝึกฝนขั้นที่สองของมัน”
ความคิดนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในหัวของเมอร์ลิน พลังของดัชนีไม่สามารถติดตามความแข็งแกร่งของเมอร์ลินได้อีกต่อไป เขาไม่สามารถถอดดัชนีเยือกแข็งออกได้ แต่ถ้าเขาสามารถค้นหาพลังปีศาจแพนโดร่าซึ่งต้องการเพียงคาถาระดับสี่สำหรับการฝึกฝนมัน เมอร์ลินอาจพิจารณาฝึกฝนมันทันที ณ จุดนั้น
สำหรับดันชีเยือกแข็ง เขาจะไม่ฝึกฝนมันในรูปแบบที่สอง มิฉะนั้น มันจะกินพื้นที่ของคาถาธาตุน้ำแข็งระดับสี่อันล้ำค่าไปและส่งผลให้เขาไม่สามารถฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าได้อีก
อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของอนาคต อย่างแรกเลย มันยากพอที่จะหาพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุน้ำแข็งซึ่งต้องการแค่คาถาระดับสี่เท่านั้นในการฝึกฝนและยิ่งสามารถผสานกับคาถาก็จะยิ่งหาได้ยากยิ่งขึ้น
ณ ตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดของเมอร์ลิน
เมอร์ลินจำเป็นต้องจำแนกแยกคาถาและพลังปีศาจแพนโดร่าที่เขามี เนื่องจากเขามีคาถามากมายเพราะเขาเป็นนักเวทย์หกธาตุ เมื่อทั้งหมดนี้ถูกเพิ่มเข้าไปในพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุต่าง ๆ ของเขา เมอร์ลินค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับความสามารถของเขาเอง
เมื่อวิเคราะห์และจัดระเบียบพลังของเขาอย่างรอบคอบแล้ว เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่ชัดเพื่อปรับปรุงความสามารถของเขา ความตั้งใจในปัจจุบันของเขาคือการเพิ่มพลังจิตและสร้างคาถาระดับสามโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่เขาจะกลายเป็นนักเวทย์คาถาระดับสาม
หลังจากที่กลายเป็นนักเวทย์ระดับสามแล้ว เขาจะต้องเตรียมพร้อมที่จะเป็นระดับระดับสี่ ตัวอย่างเช่น ความสามารถบางอย่างของพลังปีศาจแพนโดร่าจำเป็นต้องมีสมบัติลึกลับบางอย่างสำหรับการฝึกฝนรูปแบบที่สอง เขาจะต้องตามหาสมบัติเหล่านี้ไว้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีดวงตาแห่งความมืดที่พ่อมดลีโอสัญญาไว้ หลังจากที่เมอร์ลินกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ พ่อมดลีโอจะพิจารณาส่งต่อวิธีฝึกฝนให้กับเมอร์ลิน
แม้ว่าเมอร์ลินจะได้รู้ถึงลักษณะพิเศษต่างๆ ของดวงตาแห่งความมืดจากพ่อมดแบมมู แต่เขาก็ยังต้องไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังก่อนที่จะตัดสินใจจะฝึกฝนมัน
หลังจากการพิจารณาสิ่งต่างเรียบร้อยแล้ว เมอร์ลินก็ถอนหายใจยาว เมื่อจัดการระเบียบสิ่งต่าง ๆ ในใจได้แล้ว ทำให้เขามีเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ จะสามารถจัดการได้ดีมากขึ้น
การปรับปรุงพลังความคิดของเขาคือสิ่งสำคัญสูงสุดของเมอร์ลิน พลังจิตที่ทำซ้ำภายในพื้นที่มิติของเบลล์กำลังนั่งสมาธิโดยอัตโนมัติ ดังนั้นพลังจิตของเขาจึงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น
สิ่งที่เมอร์ลินต้องทำตอนนี้คือเริ่มปรุงน้ำยาโมคราที่พ่อมดฮาวล์มอบให้เขา เขาได้รับวัสดุเพียงพอสำหรัปรุงน้ำยาโมคราหนึ่งร้อยชุดจากหอสมุด แต่เขามีเรื่องให้ต้องไปจัดการและเพิ่งมีเวลาว่างตอนนี้
ตอนนี้เขากลับมาที่ปราสาทวิลสันแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องปรุงยาโมคราแล้ว!