1139-1140
5/10
Ep.1139
“นี่ซูเฉินยังเหลือไพ่ตายอีกงั้นหรือ?” จางเฉินคุนยืดหลังตรง ตั้งตารอรับชม
ชาวเผ่าชิงเหอคนอื่นๆก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ทุกสายตาจับจ้องไปยังซูเฉิน หากมองลึกเข้าไปจะเป็นถึงประกายแห่งความหวัง
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น แล้วเอ่ยปากว่ายังเหลือไพ่ตายอยู่ เกรงว่าพวกกเขาคงหัวเราะเยาะออกมาทันที
แต่ซูเฉินน่ะต่างออกไป กำลังรบของเขาทรงพลังมาก นับแต่ต้นจนถึงบัดนี้ สร้างความตกใจชนิดไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนแก่พวกเขาหลายต่อหลายครั้ง
หากซูเฉินยังเหลือไพ่ตายอีกจริงๆ บางทีมันอาจพลิกสถานการณ์ได้ในคราเดียว
ภายใต้การจับจ้องของผู้คนนับหมื่น ซูเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆง้างแขนและซัดกำปั้นออกไป
หมัดนี้คือ [พายุกาแลคซี]
นับแต่เริ่มฝึกตน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานในระหว่างการต่อสู้จริง
เมื่อหมัดนี้ถูกปล่อยออกมา อวกาศที่ว่างเปล่าเกิดการสั่นสะเทือน พื้นดินและฟ้าเบื้องบนเริ่มเปลี่ยนสี
เห็นแค่เพียงดวงดารานับไม่ถ้วนผุดขึ้นกลางอวกาศ มองไปราวกับทางช้างเผือกที่เชื่อมต่อสวรรค์และปฐพีเข้าด้วยกัน
วินาทีถัดมา หมู่ดาวนับร้อยดวงบรรจบกัน ก่อตัวเป็นพายุธารดารากินรัศมี 100 จั้ง กลบกลืนฟ้าบดบังแสงอาทิตย์
พลังอำนาจที่แผ่ออกมา สามารถทำลายได้ทั้งสรวงสวรรค์และนรกภูมิ! ชวนให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่า วันโลกาวินาศกำลังมาเยือน
เมื่อ [พายุกาแลคซี] ก่อตัวขึ้น บริเวณรอบด้านตกอยู่ในความเงียบสงัดยากจะหายใจ
ทุกคนตกอยู่ในอาการเหม่อลอยอื้ออึง ในสายตาเต็มไปด้วยความตกใจและสยองขวัญอย่างลึกล้ำ
กระบวนท่าสังหารอันน่าหวาดกลัวอย่างสุดโต่งนี้ อย่าว่าแต่ได้เห็น กระทั่งได้ยินยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
นี่มันวิชาเทพเซียนอันใดกัน!?
ถึงตอนนี้ ลมหายใจของทุกคนหยุดนิ่ง
“ซูเฉินแข็งแกร่งจริงๆ” ฟันของจางเฉินคุนกระทบกันดังกึกๆ
ขนาดผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าสามดาราเช่นเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าวิชาเทพเซียนเช่น [พายุกาแลคซี] ก็ยังถูกกดดันอย่างหนักหน่วง
ถึงขั้นลองจินตนาการดู ว่าถ้าเป้าหมายของ [พายุกาแลคซี] คือเขา เกรงว่าเพียงแรกสัมผัสคงถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เขามีกระบวนท่าสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?” หัวใจของผางฮุ่ยหวาดกลัวถึงขีดสุด ความรู้สึกว่ากำลังจะถูกทำลายเกิดขึ้นในใจเขา
เขารู้ดี เผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารเช่นนี้ ต่อให้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งทนทานเพียงใด มันก็ไม่สามารถต้านทานได้
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เขาไม่พูดพล่ามทำเพลง หันหลังและเลือกวิ่งหนีทันที
การหนีโดยไม่คิดต่อสู้ สำหรับผู้แข็งแกร่งขอบเขตเทพเจ้าสามดาราแล้ว นับเป็นความอัปยศอดสู แต่เพื่อเอาชีวิตรอด เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
หน้าตาอันใด?
ศักดิ์ศรีบ้าบออะไร?
เมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆของเขา พวกมันนับเป็นสิ่งใด?
“คิดหรอว่าจะหนีรอดไปได้!”
ซูเฉินยิ้มดูแคลน ชกหนึ่งหมัดออกไป
เห็นแค่เพียง [พายุกาแลคซี] ที่บดบังแผ่นฟ้าหายไปจากที่เดิมพร้อมเสียงหวีดหวิว เมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็ห่อหุ้มร่างของผางฮุ่ยได้อย่างสิ้นเชิง
ครืนนนน ครืนนนนน
ในพริบตา เสียงระเบิดดังกระหน่ำกึกก้อง สั่นสะเทือนอวกาศ
หลายอึดใจต่อมา [พายุกาแลคซี] โหมกระน่ำอยู่พักหนึ่ง ก่อนค่อยๆสลายไป
เห็นแค่เพียงรอยแยกมิติที่ที่ปกคลุมหนาแน่น สุดท้ายก่อตัวเป็นจุดมิติโกลาหล และใจกลางของ [พายุกาแลคซี] ที่เริ่มสลายตัว มีร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่
เป็นผางฮุ่ย
เวลานี้ทั้งตัวเขาปคลุมไปด้วยเลือด บางจุดสามารถมองเห็นกระดูกขาวได้อย่างชัดเจน กลิ่นอายอ่อนแอถึงขีดสุด
แม้ยังไม่ตาย แต่ลมหวยใจรวยริน ทำได้มากสุดตอนนี้แค่ฝืนยืนนิ่งเท่านั้น
“ขอบเขตเทพเจ้าสามดารามีดีแค่นี้เองหรอ?” ซูเฉินหรี่ตาลง เอ่ยปากเหยียดหยาม
“เจ้า ..!”
ผางฮุ่ย เพียงอ้าปากก็กระอักเลือดออกมา ร่างเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง กลิ่นอายเหือดหายลงอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะส่งแกไปสบายเอง”
เห็นภาพนี้ ซูเฉินง้างแขนและชก [หมัดดาวตก] ออกไป
100 เงาหมัดทองคำพรั่งพราว วิ่งเป็นเส้นแสงราวฝนอุกกาบาตพุ่งใส่ร่างผางฮุ่ย ทุบตีเขา ระเบิดร่างจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
เมื่อผางฮุ่ยจบชีวิตลง ชิ้นส่วนนับแสนปรากฏขึ้น ทอประกายวาววับท่ามกลางอวกาศ
6/10
Ep.1140
“ผางฮุ่ยตายแล้ว?”
ใบหน้าของจางเฉินคุนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ เขาไม่เคยนึกฝันเลย ว่าผางฮุ่ยผู้สามารถท่องไปได้ทั่วเขตแดนมู่กวง วันนี้จะถูกกุดหัวโดยซูเฉิน
ขนาดเขายังตกอยู่ในห้วงภวังค์ ชาวเผ่าชิงเหอคนอื่นๆยิ่งแล้วใหญ่ แต่เมื่อได้สติต่างก็พากันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
เมื่อผางฮุ่ยตาย เผ่าหงโม่ก็เปรียบดั่งมังกรไร้หัว แม้จะมีคนเยอะกว่า แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่อย่างถูกทิศทางได้
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า ฝ่ายศัตรูยังมียอดฝีมืออย่างซูเฉิน ชาวเผ่าหงโม่ยิ่งไม่รับมือไหว
“ท่านหัวหน้าเผ่าตายได้อย่างไร?” ชาวเผ่าหงโม่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจทำใจเชื่อว่าผางฮุ่ยตายแล้ว แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า แม้ในใจไม่อยากเชื่อ ก็ได้แต่ต้องยอมรับ
เมื่อพวกเขาตระหนักว่าผางฮุ่ยตายแล้วจริงๆ ความตื่นตระหนกก็ได้แพร่กระจายไปในห้องหัวใจของพวกเขา
ก็ขนาดผางฮุ่ยในขอบเขตเทพเจ้าสามดารายังถูกซูเฉินฆ่าได้ แล้วพวกเขาจะเหลือหรือ
คำตอบมันชัดเจน
ซูเฉินขู่ว่าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดตั้งแต่ตอนมาถึง เวลานี้เมื่อปราศจากที่พึ่งพิงอย่างผางฮุ่ย ซูเฉินย่อมไม่พลาดโอกาสโจมตีพวกเขา
เมื่อฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ชาวเผ่าหงโม่ในระดับขอบเขตเทพเจ้าเหลียวมองหน้ากัน หมุนตัวหันหลังโดยไม่ต้องนัดแนะใดๆ ตัดสินใจหนีโดยละทิ้งนักรบระดับเทวะของเผ่าอย่างไม่ใยดี
ระดับเทวะเผ่าหงโม่ที่เหลือตะลึงงัน แต่ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตเทพเจ้าหนีไปกันหมดแล้ว จะให้พวกเขานั่งรอความตายอยู่เฉยๆหรือ?
ในคราเดียว ชาวเผ่าหงโม่แตกฮือ กระจัดกระจายหนีไปทุกทิศทาง
แน่นอนว่าซูเฉินจะไม่ยอมปล่อยให้พวกมันหนีไป ชาวเผ่าหงโม่ทุกคนล้วนเป็นระดับเทวะขั้นสูง ทุกชีวิตที่ฆ่าดรอปชิ้นส่วนได้เป็นจำนวนมาก หากสามารถฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็น่าจะดรอปชิ้นส่วนได้เป็นล้านชิ้น
“ผู้อาวุโส ผมฝากจัดการพวกระดับเทวะเผ่าหงโม่ด้วย ฆ่ามันอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว” ซูเฉินตะโกนไปทางภูเขาห้าสี จากนั้นบินไล่ตามขอบเขตเทพเจ้าเผ่าหงโม่ไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีปัญหา!” ภูเขาห้าสีตอบกลับ พร้อมกลายร่างเป็นลิงยักษ์ห้าสี ไล่ตามระดับเทวะเผ่าหงโม่ไปติดๆ
ตัวมันเดิมมีฐานฝึกตนในขอบเขตเทพเจ้าหนึ่งดารา แต่หลังจากผสานรวมเข้ากับ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] กำลังรบเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก ความสามารถในการต่อสู้จริงๆเทียบเท่าได้กับขอบเขตเทพเจ้าสองดารา
หากคิดจัดการกับกลุ่มระดับเทวะ นั่นไม่ต่างจากการไล่สังหารฝ่ายเดียว
ต่อมา เสียงกรีดร้องน่าสังเวชสะท้อนไปทั่วสนามรบ
อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินใช้ [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ระเบิดว่องไวจนถึงขีดสุด หลังจากไล่ตามเหล่าขอบเขตเทพเจ้าเผ่าหงโม่ทัน ก็จัดการเชือดพวกมันทีละคน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเฉินบินกลับมาจากระยะไกล
จางเฉินคุนกับชาวเผ่าชิงเหอยืนเรียงกันด้วยความเคารพนอบน้อม รอต้อนรับการกลับมาของซูเฉิน
แม้ว่าฐานฝึกตนของซูเฉินจะน้อยกว่าเขา แต่ความสามารถในการต่อสู้เหนือล้ำกว่ามาก จางเฉินคุนจึงปฏิบัติต่อซูเฉินในฐานะผู้แข็งแกร่ง วางตัวเป็นผู้น้อย
หลังจากซูเฉินกลับมา เขานับจำนวนชิ้นส่วนทั้งหมด ปริมาณสุทธิที่ได้ คือ 1.2 ล้านชิ้น ถือเป็นผลกอบโกยที่สมบูรณ์แบบ
จากนั้น เขาเดินเข้ามาหาจางเฉินคุนและคนอื่นๆ
“สหายเผ่ามนุษย์ ข้าในนามของเผ่าชิงเหอ ขอขอบคุณสำหรับพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้”
จางเฉินคุน กล่าวอย่างซาบซึ้งจริงใจ
วันนี้ หากซูเฉินไม่ปรากฏตัวขึ้น เผ่าชิงเหอของพวกเขาคงถูกกำจัดอย่างหมดสิ้น
ดังนั้น ความสำนึกในบุญคุณที่มีต่อซูเฉินจึงมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ผมชื่อซูเฉิน ก็แค่ยื่นมือเข้าช่วยเล็กๆน้อยๆ ไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจกันไป” ซูเฉินหัวเราะเบาๆ หันไปพูด “หัวหน้าเผ่าจาง ผมมีเรื่องอยากรบกวนคุณสักเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรหรือ? เจ้าว่ามาเถอะ” จางเฉินคุนตอบกลับทันที
บุญคุณที่ซูเฉินมีต่อเผ่าชิงเหอ ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากเย็นเพียงใด เขาจะหาวิธีทำให้มันสำเร็จให้จงได้