บทที่ 15 ขวดน้ำมันน้อย 1
ซูจิ่วตัดสินใจที่จะกอดต้นขานี้ ดังนั้นเธอจึงวิ่งออกไปด้วยขาสั้นๆของเธอ จากนั้น เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า “ลุงเป็นใครเหรอ? ลุงหล่อมากเลย!”
“.....! !” เชิ่งเทียนสื่อตกตะลึงทันที เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นมา
เขาเบิกตากว้างและพูดกับซูเชิ่งจิ่งว่า “เชี่ย! เล่าซาน เด็กน้อยคนนี้เป็นใคร? นายอย่าบอกฉันนะว่านี่คือลูกสาวแท้ๆ ที่พลัดพรากจากกันไปหลายปี!”
## ติดตามเรื่องราวของเด็กหญิงตัวเล็กได้ที่ thai-novel.com หรือ mynovel.co ได้เลยนะคะ
ซูเชิ่งจิ่งเป็นลูกคนที่สามในตระกูลซู และเชิ่งเทียนสื่อมักเรียกเขาว่าเล่าซาน ซึ่งมันติดเป็นนิสัยมาหลายปีแล้ว
ซูเชิ่งจิ่งได้ยินลูกสาวตัวเองชมเชิ่งเทียนสื่อว่าหล่อ ในใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง จากนั้น เขาก็เอื้อมมือออกไปและดึงซูจิ่วไว้ข้างกาย แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “นายพูดถูก เธอเป็นลูกสาวของฉัน”
เชิ่งเทียนสื่อตกใจจนกรามของเขาเกือบจะหลุด “ไม่ เล่าซาน นายได้ลูกสาวคนนี้มาได้ยังไง? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่านายไปทำเรื่องน่าละอายแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไร แล้วใครเป็นแม่ของเด็ก?”
“ฉันก็ไม่รู้ เธอมาหาฉันด้วยตัวเอง” ในขณะที่ซูเชิ่งจิ่งพูดเขาก็อุ้มซูจิ่วกลับไปที่โต๊ะอาหารแล้วยื่นชามซุปให้เธอ และเมื่อเห็นสีหน้าของเธอเป็นปกติ อีกทั้งไม่กลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
ซูจิ่วมองไปที่เชิ่งเทียนสื่อที่ตกตะลึงอยู่ด้านข้าง เธอจึงส่งรอยยิ้มน่ารักให้เขาและพูดอย่างอ่อนหวานว่า “สวัสดีค่ะลุง ชื่อของหนูคือซูจิ่ว อายุเกือบจะสี่ขวบแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก และได้โปรดดูแลหนูด้วยนะคะ!”
น้ำเสียงที่ยังไม่หย่านมนั้นน่ารักมาก และไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานความน่ารักนั้นได้ ซึ่งเชิ่งเทียนสื่อก็ได้ถูกความน่ารักของเด็กน้อยตกเข้าใส่เต็มเปา จนเขารู้สึกอิจฉาซูเชิ่งจิ่งขึ้นมา “เล่าซาน นายทำได้! ถึงแม้ว่านายจะไม่รู้อะไรเลย แต่ลูกสาวที่เกิดมาน่ารักมากจริงๆ?”
ซูจิ่วกระพริบตาปริบๆ เธอพูดคำหวานและยังทําตัวน่ารักต่อไป “ลุงหล่อมาก ลุงเป็นคนที่หล่อที่สุดที่เสี่ยวจิ่วเคยเห็นมาเลย”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น เชิ่งเทียนสื่อก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขาเผลอลูบผมของเด็กหญิงตัวน้อยโดยไม่รู้ตัว
เด็กมักจะไม่โกหก? ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขาต้องหล่อมากจริงๆ
ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างที่ลูกสาวชมเชยผู้ชายคนอื่น เขาจึงแค่นเสียงเยาะเย้ยอย่างดูถูก “นี่เรียกว่าหล่อแล้วเหรอ? เป็นเด็กที่ยังไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนจริงๆสินะ”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้ฉันก็หล่อกว่านายก็แล้วกัน” เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกภูมิใจ “ได้โปรดส่องกระจกแล้วมองดูตัวเองด้วย นายจะพบว่าลูกสาวของนายมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่านายมาก”
ซูจิ่วกระโดดลงจากเก้าอี้ เธอเดินไปหยิบชามและตะเกียบออกมาจากห้องครัว และวางมันลงบนโต๊ะ แล้วพูดกับเชิ่งเทียนสื่ออย่างตั้งใจว่า “ลุง เรามากินข้าวเย็นกันเถอะ!”
หัวใจของพ่อผู้เป็นที่รักของเชิ่งเทียนสื่อได้ถูกกระตุ้นในพริบตา เขารู้สึกว่าทําไมเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ถึงได้น่ารักขนาดนี้ โดยเฉพาะตอนที่เธอมองมาที่เขา ซึ่งมันทำให้หัวใจของเขาแทบจะละลาย
“ตกลง” เขาตอบและนั่งลงทันที โดยจงใจหยอกล้อซูจิ่วและพูดว่า “เสี่ยวจิ่วใช่ไหม? ครอบครัวของลุงรวยมากนะ และก็ชอบสาวน้อยน่ารักแบบเธอเป็นพิเศษ แล้วทำไมหนูไม่กลับบ้านกับลุงล่ะ ต่อไปลุงจะเลี้ยงดูหนูเอง รับรองว่าหนูจะได้กินแต่ของอร่อยๆ จะได้ไม่ต้องมาทนลำบากกับป๊ะป๋าที่ไร้ค่าแบบนี้”
“ไสหัวไป!” ซูเชิ่งจิ่งเตะเขาอย่างแรง จากนั้นก็มองไปที่ซูจิ่ว และอยากรู้ว่าเธอจะตอบยังไง
และซูจิ่วก็ไม่ทําให้เขาผิดหวัง เธอส่ายหน้าปฏิเสธเชิ่งเทียนสื่ออย่างหนักแน่น “ไม่ ป๊ะป๋าคือป๊ะป๋าของหนู ถึงป๊ะป๋าจะไม่มีเงิน แต่หนูก็อยากอยู่กับป๊ะป๋า”
ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกปลื้มใจ โชคดีที่ลูกสาวของเขาไม่ถูกล่อลวง!
เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกปวดใจ ถึงแม้ว่าซูเชิ่งจิ่งจะยากจนและไร้ความสามารถ แต่การมีลูกสาวที่เชื่อฟังและรู้ความแบบนี้ ก็นับว่าประสบความสําเร็จอย่างหนึ่งแล้ว!