ตอนที่ 30 สำเร็จคาถาแสงชำระล้าง
ตอนที่ 30 สำเร็จคาถาแสงชำระล้าง
ทั้งหัวหน้าคอนราดและหัวหน้าไดร่าดูจะเคร่งเครียดกว่าปกติ คงจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในเมืองเรซีแห่งนี้แต่เกิดอะไรขึ้นกันแน่...เรย์ตกอยู่ท่ามกลางกระแสความคิด
เขารีบสะบัดหัว ไล่ความคิดล่องลอยในหัวออกไปและรีบเดินไปยังห้องพักทีมตัวเอง แต่ในระหว่างทางนั้นเองเรย์ก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งผู้มีแผลไฟไหม้อย่างรุนแรงที่ใบหน้าข้างซ้ายเดินสวนมาจากทางเดินเบื้องหน้า
สัญชาตญาณของเรย์ร้องเตือนเพราะมันรับรู้ได้ถึงอาร่าแห่งการฆ่าฟันและกลิ่นคาวเลือดกระจายออกมาจากตัวของชายคนเบื้องหน้าอย่างรุนแรง ออร่าเหล่านั้นถึงกับทำให้ตัวของเขาแข็งทื่อและสั่นกลัวไปทั้งตัว คล้ายกับเจอกับสัตว์ประหลาดจากขุมนรกไม่มีผิด
แม้เรย์จะไม่เคยเจอจริงก็เถอะ แต่ถ้ามีสัตว์ประหลาดจากขุมนรก ชายเบื้องหน้าของเขาคงเป็นหนึ่งในนั้น
“หือ...”
ชายคนนั้นหันมามองเรย์ด้วยสายตาสงบนิ่งมาก เรย์เกร็งไปทั้งตัว ตาสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ชายคนนั้นโดยไม่ละสายตา
“สวัสดีครับ” เรย์พยายามฝืนยิ้มทักทายไปตามมารยาท เพราะใครที่อยู่ในตึกนี้ได้คงไม่ใช่ศัตรูจากหน่วยงานนักล่าความตาย
ชายคนนั้นพยักหน้าให้เรย์ ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่กล่าวอะไร
“ฟู่...แข็งแกร่งมาก อาจจะทรงพลังกว่าหัวหน้าไดร่าและหัวหน้าคอนราดซะอีก” เรย์ถอนหายใจ เขารีบเดินไปที่ห้องพักทีมในทันที
เรย์ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ชายผู้มีแผลไฟไหม้ที่ใบหน้าเดินผ่านมาจะพึมพำออกมาเงียบ ๆ
“ผู้ใช้เวทมนตร์ที่สำนักงานใหญ่ฝากมาตรวจสอบเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงกว่าปกติ แต่น่าเสียดายที่เขามีพรสวรรค์ของผู้ใช้เวทมนตร์ แค่ระดับ 2 เท่านั้น ถ้าเขาเป็นผู้ใช้พลังจิตอาจจะมีคุณค่ามากกว่านี้มากนัก” ชายผู้มีแผลไฟไหม้ที่ใบหน้ากล่าวออกมาอย่างผิดหวัง เมื่อนึกถึงเอกสารข้อมูลของเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่
...
เรย์เดินเข้ามาในห้องพักทีมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของลูกผู้ชาย ตอนนี้ในห้องมีเพียงโบเวนและฟาริสที่กำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่สองคน
“สวัสดีทั้งสองคนครับ” เรย์ทักทายอย่างสุภาพอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็เป็นรุ่นพี่
“เรย์นายมาแล้ว มา...มาลงอีกขา ช่วยกันกินเงินฟาริส วันนี้หมอนี่มันดวงซวย” โบเวนหัวเราะอย่างมีความสุข ด้านหน้ามีเงินหลายร้อยเหรียญวางอยู่
เรย์พยักหน้าลากเก้าอี้เข้ามานั่งในมุมหนึ่งของโต๊ะก่อนจะล้วงหยิบเงินเดิมพันออกมา 350 เหรียญ
ซึ่งประกอบไปด้วยแบงก์100 เหรียญ 2 ใบ แบงก์ 50 เหรียญ 1 ใบ แบงก์ 25 เหรียญ 2 ใบและเหรียญ 10 อีก 4 เหรียญกับเหรียญมูลค่า 1 เหรียญอีก 10 เหรียญ
เรย์วางตรงหน้าของทั้งสอง นี่คือเงินที่เขาพกมาทั้งหมดของวันนี้
“โอ้ดูเหมือนเราจะเจอแกะตัวอ้วนมาแล้ว” ฟาริสกล่าวด้วยความยินดี เพราะเขามีโอกาสเอาเงินที่เสียคืนมา ถ้าเกิดเขาไม่สามารถเอาเงินที่เสียคืนมาได้มีหวังโดนอันนาโกรธจนหูชาอย่างแน่นอน
สายตาของโบเวนก็เป็นประกายเช่นกัน
เรย์หันไปมองหน้าทั้งสองคน ทำเอาทั้งคู่ยิ้มกลบเกลื่อนออกมา
ฟาริสรีบหยิบไพ่ขึ้นมาสับแจกในทันที เกมไพ่ที่ทั้งสองคนเล่นนั้นคือโป๊กเกอร์ มันเป็นเกมไพ่ที่เล่นกันมาหลายร้อยปี ถือว่าเป็นเกมไพ่สากลเลยก็ว่าได้ทำให้แทบทุกคนนั้นเล่นเกือบหมด โดยเฉพาะหมู่คนงานที่ยากจะหาความบันเทิงในชีวิตได้ยากพวกเขาก็นิยมเล่นเช่นกัน
“เริ่มที่ 10 เหรียญ”
เรย์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะลงเงินกองกลางไป
...
ผ่านไปประมาณ 30 นาที ทั้งฟาริสและโบเวนต่างหน้านิ้วคิ้วขมวด เพราะเงินเบื้องหน้าของทั้งสองนั้นแทบจะหมดเกลี้ยงไปแล้ว
“เออ..วันนี้เราพอกันก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวหัวหน้าก็กลับมาแล้ว”
“พวกเราต้องเตรียมอุปกรณ์กัน”
ทั้งโบเวนและฟาริสกล่าวเสริมกัน ที่จริงพวกเขาทั้งสองยังไม่เต็มใจจะหยุดเล่นแค่นี้ แต่ก็ต้องฝืนกล่าวเพราะเงินหมดทั้งตัวไม่มีเหลือสักเหรียญ
เรย์เล่นกินเรียบพวกเขาทุกตาจนเงินเกลี้ยงโต๊ะ
“ด้วยความยินดี” เรย์ยิ้มและเก็บเงินทั้งหมด 350 เหรียญจองตัวเองเข้ากระเป๋า ก่อนที่จะนับเงินอีกส่วนคือกำไร มันเป็นเงินทั้งหมด 890 เหรียญ
“วันนี้ตอนเย็นผมจะเลี้ยงอาหารเอง เราควรไปสนุกกัน” เรย์ยิ้มและกล่าว พอฟาริสและโบเวนได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมา โบเวนตบไหล่ของเรย์ก่อนจะยกนิ้วให้
ฟาริสเองก็พยักหน้าขอบคุณ ถ้าเรย์ไม่พูดว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นวันนี้พวกเขาคงต้องนอนอดอาหารทั้งคืน แม้มันจะเป็นเงินที่พวกเขาเสียไป แต่ก็ไม่ได้มีใครคิดมากอะไร เพราะเล่นไผ่มันก็มีได้มีเสียกันไป
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่นับฟาริส เขากำลังคิดหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้เงินนี้จ่ายออกไปอย่างถูกต้อง
“ถ้าอันนาถามบอกพวกเรารวมเงินเลี้ยงกันได้ไหม” ฟาริสมองไปที่ทั้งสอง
เรย์และโบเวนพยักหน้ากัน ก่อนจะบอกว่า “แน่นอน”
ในตอนั้นเรย์นึกขึ้นได้ จึงสอบถามทั้งสองถึงชายผู้มีแผลไฟไหม้ใบหน้าด้านซ้ายคนนั้น พอเรย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกไป ทั้งสองนึกขึ้นมาได้ในทันที
“นายหมายถึง หัวหน้าเบรนเดอร์ ผู้ใช้พลังจิตระดับ 7 คนนั้นใช่ไหม เขาคือคนที่ทางสำนักงานใหญ่ส่งมาประจำที่สาขาเรซี เพื่อช่วยงานพวกเรา” โบเวนถามกลับ
“ถ้าอย่างนั้นก็คงจะใช่ แต่ทำไมหัวหน้าเบรนเดอร์เขาต้องปล่อยพลังจิตกดดันผมแบบนั้น”
“ฉันว่า...ฉันพอจะรู้” ฟาริสกล่าว เรย์และโบเวนหันไปมองฟาริสด้วยสายตาเดียวกัน
“ลองคิดดูสิว่านายคือผู้ใช้พลังเวทมนตร์ใช่ไหม ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นหายากและมีคุณค่าในหลาย ๆ ด้าน ทางสำนักงานใหญ่คงอยากจะตรวจสอบนายว่าคุ้มค่าในการลงทุนแค่ไหนหรือจะกลายเป็นอันตรายหรือไม่”
เรย์ได้ยินก็ขมวดคิ้ว
“หมายความว่าสำนักงานใหญ่สนใจเรย์อย่างนั้นเหรอ” โบเวนถาม
“คงอย่างนั้น ผู้ใช้เวทมนตร์จะเป็นคนที่อันตรายมาก ถ้าไม่อยู่ข้างสำนักงานใหญ่ และถ้าเรย์เป็นพวกอันตรายอาจจะเกิดปัญหาได้ พวกเขาจึงส่งคนมาตรวจสอบ” ฟาริสอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่เป็นอะไร” เรย์ถอนหายใจ
“หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่เป็นอะไร?” ฟาริสและโบเวนถามออกมาพร้อมกัน
“พวกคุณรู้ใช่ไหมว่า ผู้ใช้พลังมีการแบ่งพรสวรรค์”
“แน่นอน พวกเราสองคนมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้พลังระดับ 3 ช่วงกลาง”
“แต่สำหรับผู้ใช้พลังเวทมนตร์พรสวรรค์ส่งผลกระทบมากกว่านั้น ผมเป็นเพียงผู้ใช้เวทมนตร์ที่มีพรสวรรค์ระดับ 2 ที่ต่ำสุดในระดับนั้นแล้ว ซึ่งมันทำให้การเรียนรู้คาถานั้นยากขึ้นในแต่ละระดับ ดังนั้นถ้าพวกเขารู้ก็คงจะไม่คิดว่าผมเป็นภัยคุกคามหรือจะสนใจอะไรในตัวผมมากนัก หรือก็คือ ผมจะเป็นเพียงผู้มีพลังพิเศษ สายผู้ใช้พลังเวทมนตร์ระดับต่ำคนหนึ่งเท่านั้นในอนาคต” เรย์เผยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา
ทั้งสองพอได้ฟังก็เข้าใจว่าทำไม เรย์ถึงจะพูดแบบนั้น
“แต่ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวเราต้องฝึกฝนมันด้วย ดังนั้นนายอย่าหมดหวัง” โบเวนกล่าวให้กำลังใจ
“คำพูดของหัวหน้า” เรย์หันไปถาม
“แน่นอน ฉันยืมหัวหน้ามาพูด ฮ่า ๆ เอาคำหัวหน้าไปใช้ด้วยล่ะ” โบเวนตบไหล่เรย์ ทำเอาเขาทรุดลงไปเล็กน้อย
“แน่นอน แม้ผมจะมีพรสวรรค์ระดับ 2 เท่านั้น แต่ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งสุด ๆ ในระดับมนุษย์” เรย์ยิ้มออกมา
ฟาริสและโบเวนทั้งสองไม่มีใครคัดค้าน พวกเขารู้ว่าผู้ใช้เวทมนตร์นั้นน่ากลัวมาก โดยเฉพาะถ้าได้มีเวลาเตรียมตัว ผู้ใช้เวทมนตร์คนหนึ่งสามารถรับมือกับสายอื่น ๆ ในระดับเดียวกันได้ 3-4 คนเลยทีเดียว และนี่ก็คือความน่ากลัวของผู้ใช้พลังเวทมนตร์
“แล้วตอนนี้หัวหน้าคอนราดไปไหน”
“หัวหน้านะเหรอ เพราะมีทีมใหม่มาประจำที่สาขาเรา ก็คือหัวหน้าเบรนเดอร์คนนั้น ผู้จัดการซีน่อนจึงเรียกไปประชุม หัวหน้าจึงไปร่วมประชุมเมื่อสักครู่”
...
วันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรย์จึงอาศัยช่วงเวลานั้นไปซ้อมยิงปืน ด้วยกระสุนที่ซื้อมาเพิ่มจากเงินที่แบ่งไว้จากส่วนที่จะไปเลี้ยงทุกคน
พอตกเย็นพอหัวหน้าคอนราดกลับมาพวกเขาก็บอกเรื่องกินเลี้ยงกัน
แน่นอนว่าคอนราดก็ไม่มีอะไรคัดค้าน ดังนั้นทุกคนในทีมจึงพากันไปกินมื้อดึกที่ทางเขตเหนือของเมืองเรซี แต่ก่อนจะไปพวกเขาต้องผ่านไปยังชั้น 1 ของโรงแรมนักล่า
ซึ่งได้มีคนมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฮอลลี่ ดังนั้นสุดท้ายเรย์จึงชวนเธอมาด้วย ซึ่งก็ทำให้ฮอลลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
หลังจากกินดื่มกันอย่างพอใจ จนเรย์แทบจะขาดทุน สุดท้ายพวกเขาทุกคนก็พากันแยกย้ายกันกลับไปทางใครทางมัน
ที่บ้านหลังใหม่ของสองพี่น้องเรนเดล
เรย์นั่งอยู่ในห้องนอนพลางมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย
วันนี้คือวันสงบสุขที่หายาก ปกติแล้วจะมีรอยแยกมิติเกิดขึ้นแทบทุกคืน เรย์คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันไม่ต้องมีซอมบี้ก็ดี
แต่เขาก็ละทิ้งความคิดบ้า ๆ นั้นไป เพราะถ้าไม่มีรอยแยกมิติหลังจากเขาแข็งแกร่งขึ้นเรย์จะเข้าไปถามหาพ่อกับแม่ได้อย่างไร
เรย์เข้าใจว่าการพัฒนาของตัวเขานั้นดูเหมือนจะเร็ว แต่เป็นเพราะมีหัวหน้าไดรึคอยมอบทรัพยากรให้ต่างหาก ถ้าเขาแลกมาด้วยผลงานของตัวเอง เรย์อาจจะต้องใช้เวลาสองสามเดือนในการขึ้นมาระดับ 2
ส่วนระดับ 3 นั้นเรย์ไม่แน่ใจ และในระดับสีนั้นยิ่งยากเข้าไปอีก ขนาดที่ว่าโบเวนและฟาริสยังติดอยู่ในระดับ 3 เกือบปีถึงจะมีเลือดสีขาวที่หามาอย่างยากลำบากมากพอในการเปิดระดับ 4
จำนวนเลือดสีขาวเพื่อใช้ในการเปิดระดับ 4 เรย์ยังไม่แน่ใจ แต่อย่างไร ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังห่างไกลจากระดับ 4 มาก เรย์จึงเก็บมันไปคิดหลังจากเปิดระดับ 3 ได้แล้ว
ส่วนระดับ 3 นั้นตามข้อตกลง หัวหน้าไดร่าจะเป็นผู้มอบให้กับเขา จึงทำให้เรย์ไม่หนักใจมากนัก
“ตอนนี้ที่ต้องทำคือเรียนคาถาแสงชำระล้างเป็นคาถาติดตัวให้ได้ก่อน”
เรย์เริ่มจากการแยกส่วนอักษรเวทมนตร์ รวบรวมพลังงานและปลดปล่อยก่อนจะสลักลงไปที่จุดพลังงานอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป
ค่ำคืนนี้ผ่านไป เรย์สร้างอักษรส่วนศูนย์กลางได้แล้ว...
หลังจากยามเช้ามาถึงเรย์ก็ไปที่โรงแรมนักล่านั่งเหงา ๆ อยู่ในห้องไม่ได้ไปไหน เพราะตอนนี้งานที่เกิดขึ้นถูกโยนไปให้ทีมของหัวหน้าเบรนเดอร์ นั้นทำให้เรย์มีเวลาเรียนคาถาติดตัวมากขึ้น
ในวันที่สองเรย์สร้างในส่วนของช่วงกลางและส่วนของช่วงปลายขอบอักษรเวทมนตร์ได้สำเร็จ ขณะที่อยู่ในห้องพักทีมสร้างความสนใจให้กับทั้งคอนราด ฟาริสและโบเวนพอสมควร
“ในที่สุดก็สำเร็จ” เรย์ยิ้มด้วยความยินดี เพื่อเขามองไปยังจุดพลังงานดวงที่สองของตนเองที่มีอักษรเวทมนตร์สวยงามสลักอยู่โดยรอบ