ตอนที่แล้วตอนที่ 26 อุบัติเหตุกลางหมู่บ้าน 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 ต่อสู้อย่างสุนัข

ตอนที่ 27 อุบัติเหตุกลางหมู่บ้าน 4


“บัดซบเจ้าขยะ เจ้าบังอาจกล้าที่จะใส่ร้าย ข้ากับนายน้อย” ซิตู่ระเบิดโทสะของมันออกมา มือของมันหมายที่จะคว้าเอาลำคอของหนิงเทียน ในขณะเดียวกันหนิงเทียนถอยหลังหลบเพียงแค่สองก้าวเท่านั้น

‘มันหลบการโจมตีของซิตู่ได้’ ดวงตาของซิเฟยหดแคบลงในทันใด

“อย่าพึ่งมีโทสะ ผู้อาวุโสซิตู่ตัวข้าไม่ได้ใส่ร้ายท่านแต่อย่างใด ขอให้ท่านฟังให้จบเสียก่อน”

ซิตู่ที่เวลานี้เต็มไปด้วยโทสะ มันลอบโจมตีอย่างไร้เกียรติแต่ไม่สามารถจับกุมเด็กหนุ่มตรงหน้าของมันได้ มันเร่งพลังลมปราณคราวนี้หมายจะจู่โจมเอาชีวิตให้ตกตายในทันที

“ซิตู่ อย่าได้ใจร้อน ....ข้านั้นอยากรู้ว่าเจ้าเด็กนี้จะกล่าววาจาผายลมอันใดออกมาอีก?” ซิเฟย กล่าวห้ามซิตู่พร้อมกับกล่าวถาม หนิงเทียนอย่างเย้ยหยัน

‘จิ้งจอกหนุ่มตัวนี้ระวังตัวเสียจริง’สายตาของหนิงเทียนที่มองไปยังซิเฟยนั้นแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนมันจะกล่าวต่อ

“ข้าอยากทราบว่า การที่ผู้นำฟางบอกว่าซ่อนมันไว้อย่างมิดชิดแล้วเหตุใดสตรีตัวเล็กๆนางหนึ่ง ที่ไม่รุ้วิชาแม้กระทั้งผู้ฝึกตน จะสามารถขโมยของวิเศษทั้งสองสิ่งไปจากบ้านของท่านของหัวหน้าชีได้

เว้นเสียว่า คำว่าซ่อนของพวกท่านสองคนพ่อลูกนั้นจะเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง แท้จริงแล้วคงเป็นพวกมันที่ประมาทและไร้ซึ่งความระมัดระวังจึงเป็นเหตุให้ของสำคัญหายไป

แต่ถ้าท่านฟางจะบอกแก่ข้าว่า ท่านวางของสำคัญทั้งสองไว้ที่กลางบ้าน แม่นางปี้เหยาจึงสามารถเข้าไปขโมยมันออกมาได้ ข้านั้นอาจจะเชื่อในความโง่ของท่านอยู่บ้าง

คงมีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นที่นำสมบัติออกมาวางไว้กลางบ้านเพื่อล่อขโมยเช่นนี้?”

หนิงเทียนหันไปกล่าวกับฝูงชนด้วยเสียงหนักแน่น “ถ้าพวกเจ้าทุกคนให้ตัวโง่งมเช่นนี้มาเป็นผู้นำ หมู่บ้านแห่งนี้คงถึงคราววิบัติแล้ว”

“เจ้า...เจ้า ตัวข้านั้นอยู่ในหมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด บรรพบุรุษของข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาทุกรุ่น ทุกคนในหมู่บ้านล้วนเคร่งครัดในกฎระเบียบ

ตั้งแต่ข้าจำความได้ ไม่เคยปรากฎขโมยในหมู่บ้านของเรามาก่อนเป็นเหตุให้ข้านั้นเกิดความประมาทเล็กน้อย”

แปะ แปะ หนิงเทียนปรบมือดัง “ท่านฟาง ถ้าข้าได้ยินไม่ผิด ท่านกำลังบอกข้าว่าตั้งแต่ท่านเกิดมาหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีขโมยมาก่อนใช่หรือไม่”

“ถูกต้องหมู่บ้านของข้าไม่มีคนจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น” ปี้ฟานเอ่ยออกอย่างมั่นคง

“ถ้าเป็นดั่งเช่นคำที่ท่านผู้นำฟางกล่าวออกมาว่าในหมู่บ้านปี้จุ่ยแห่งนี้ไม่เคยมีขโมยมาก่อน เช่นนั้นขโมยในครั้งนี้ก็ต้องเป็นคนนอกหมู่บ้านใช่หรือไม่” หนิงเทียนแย้มยิ้มมองไปยังซิตู่อย่างไม่กระพริบตา

“เจ้าสารเลวเจ้ากำลังกล่าวหาว่าเผ่าซิขโมยสมบัติของตนเองอย่างนั้นรึ” ซิตู่คำรามด้วยความโกรธ

“อย่าพึ่งมีโทสะ ผู้อาวุโสซิตู่ ข้ายังมีคำถามอยากจะถามไถ่นายน้อยเฟยอยู่”

หนิงเทียนหรี่ตาเล็กลงกล่าวต่อว่า “นายน้อยเฟยและท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าทักษะที่ท่านพบในบ้านของแม่นางปี้ยี่เป็นทักษะกระดูกราชห์สี”

“บัดซบ เจ้าจะมาเข้าใจในความวิเศษของทักษะบ่มเพาะเราได้อย่างไร” ซิตู่ที่ได้ยินเช่นนั้นคำรามด้วยความโทสะอย่างมากล้น

ถ้าไม่ติดว่านายน้อยของมันกล่าวห้ามไว้ละก็มันจะต้องเข้าไปฉีกกระชากร่างของหนิงเทียนออกเป็นส่วนๆอย่างแน่นอน

หนิงเทียนหาได้สนใจอาการใดๆของซิตู่ไม่ มันกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงดูถูก "ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์นั้นเป็นความลับที่ไม่สามารถแพร่งพรายได้ถูกต้องหรือไม่นายน้อยเฟย"

"ทักษะบ่มเพราะกระดูกราชสีห์ของเผ่าเรานั้นไม่สามารถแพร่งพรายออกไปได้ ทหารเผ่าซิที่ได้รับมันล้วนต้องทำสัญญาจิตวิญญาณรับกระบี่แห่งสัจจะทุกคน"ซิเฟยกล่าวอย่างภาคภูมิในความยิ่งใหญ่ของเผ่ามัน

ขณะเดียวกันมันเกิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งกล่าวต่อว่า "พวกโง่ที่ต้องการขโมยไปนั้นหารู้ไม่ว่า ตราบใดที่มันไม่ได้รับกระบวนการบางอย่างของเผ่าเรา มันก็ไม่มีวันอ่านตัวอักษรภายในได้"

หนิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยกย่อง“วิเศษเผ่าซิของท่านช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ฮาฮา” เมื่อกล่าวจบประโยคมุมปากของมันแย้มยิ้มขึ้นมา

"แต่ว่านายน้อยเฟย ที่บ้านข้ามีทักษะต่อสู้หนึ่งแขนงหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ทักษะกระดูกลูกสุนัข’

วิธีฝึกฝนนั้นก็ไม่ได้ยากนักเพียงแค่ดื่มเลือดของสัตว์เดรัจฉานสี่ขาและโคจรลมปราณ

กำหนดศูนย์รวมที่ก้นกบไปยังจุดกลางหน้าผาก และเคลื่อนลมปราณจากตา กระเดือก หัวใจ ลิ้นปี่ไปทั่วร่างกายเท่านั้น

ถ้าทักษะที่อยู่ในมือของท่านนั้นเขียนไว้เช่นที่ข้าได้กล่าวไปแล้วละก็ ข้าคิดว่า ท่านนั้นกำลังเข้าใจผิดแล้ว

นั้นเป็นเพียงทักษะบ่มเพาะกระดูกลูกสุนัข ของข้าที่ได้ให้มอบให้แก่แม่นางปี้เหยาเพื่อแทนคุณ

มันคงจะไม่ใช่ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์ที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าซิเป็นแน่”

เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเทียน ซิเฟยและซิตู่หรือแม้กระทั่งนักรบของเผ่าซิพวกมันทั้งหมดได้แต่อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่พวกมันได้ยิน

ทักษะบ่มเพาะที่พวกมันล้วนบูชา เหตุใดถึงกลายเป็นทักษะกระดูกลูกสุนัขไปได้พวกมันใช่เวลาอยู่ชัวครู่ในการดึงสติของพวกมันกลับมา

เวลานี้ภาพลักษณ์อันสง่างามของซิเฟยแปรเปลี่ยนไป มันตะโกนออกด้วยโทสะเหนือคณานับ “บัดซบ เจ้ากล้าดูหมิ่นทักษะบ่มเพาะของเผ่าซิเรา”

“เอ๋...แต่ว่าเคล็ดวิชาที่ข้าท่องไปเมื่อครู่นั้น เป็นทักษะบ่มเพาะกระดูกลูกสุนัขของบ้านข้าจริงๆนี่นา”ใบหน้าที่ใสซือบริสุทธิ์ของมันขัดแย้งกับน้ำเสียงที่กล่าวออกด้วยความเย้ยหยัน

มันยังกล่าวต่ออีกว่า "เอาเช่นนี้เป็นไรนายน้อยเฟย ถ้าสิ่งที่ข้ากล่าวออกไปนั้นตรงกับสิ่งที่อยู่ในมือท่าน ก็แสดงว่ามันไม่ใช่ทักษะบ่มเพาะของเผ่าท่านมันเป็นเพียงทักษะกระดูกลูกสุนัขของบ้านข้า

เช่นนั้นแล้วข้าขอรบกวนให้ท่านอ่านมันให้ทุกคนฟังได้หรือไม่?"

เวลานี้ใบหน้าของซิเฟยเขียวคล้ำขึ้นมาทันที มันจะกล้ายอมรับได้อย่างไรว่านั้นเป็นเคล็ดเดินลมปราณของทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์

อีกทั้งมันไม่ต้องการให้ความลับของทักษะบ่มเพาะเผ่ามันรั่วไหลออกไปได้

เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของหนิงเทียน สีหน้าของฝูงชนที่ได้ฟังล้วนแปรเปลี่ยนไปพวกมันทั้งหลายล้วนสับสนว่าแท้จริงแล้วทักษะบ่มเพาะที่อยู่ในมือของนายน้อยเฟยเป็นทักษะใดกันแน่..

ภายในความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าของฝูงชนต่อซิเฟย บัดนี้หนิงเทียนได้ยัดเหยียดความสงสัยให้แก่พวกมันเรียบร้อย

“เจ้าคนนอก เจ้ายังไม่หุบปากอีกรึนี้เป็นเรื่องในหมู่บ้านข้า เจ้าไม่เพียงแต่ทำให้เรื่องแย่ลงอีกทั้งยังกล้าตั้งข้อสงสัยต่อเผ่าซิ เจ้าต้องการให้พวกเราตกตายทั้งหมู่บ้านหรือไง”

ปี้ชีตวาดลั่นมันเน้นย้ำคำว่าเผ่าซิออกมา เพื่อที่จะดึงสติของฝูงชนให้กลับคืนสู่ความหวาดกลัว

‘หางจิ้งจอกโผล่ออกมาอีกตัวแล้วสินะ’ มุมปากของหนิงเทียนยกยิ้มขึ้น

ปี้ชียังกล่าวต่อ “นายน้อยเฟย อย่าได้ฟังเรื่องไร้สาระที่คนนอกกล่าวออกมามันเพียงโอ้อวดความรู้ของมัน ข้าสามารถบอกได้เลยว่าทักษะบ่มเพาะกระดูกสุนัขของมันเป็นเพียงคำโกหกมดเท็จ”

“ถูกของท่านพ่อและนี้เป็นเรื่องภายในหมู่บ้านของพวกเรา นายน้อยเฟยท่านโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเรา เรากำลังถูกคนนอกรุกรานความสงบ” ปี้ฟางชี้ไปที่หนิงเทียนมันกำลังใช้โทสะเขากลบเกลื่อนความจริง

เมื่อได้ยินคำพูดของปี้ชีและปี้ฟาง ฝูงชนจำนวนมากที่อยู่รอบๆรีบเปลี่ยนแปลงสีหน้า

แม้พวกมันจะสงสัยในคำพูดของซิเฟยและผู้นำหมู่บ้านของมัน แต่ก็ไม่มีแม้คนเดียวที่กล้าจะเข้าข้างคำพูดของหนิงเทียน

เพียงเพราะบุคคลตรงข้ามนั้นคือบุตรชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่าซิและในอนาคตมันจะเป็นหัวหน้าเผ่าซิคนต่อไป

มันมีความสามารถจะถล่มหมู่บ้านปี้จุ่ยได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม

ถึงคำพูดจะสามารถกระชากหน้ากากอันใสสื่อของผู้มีอำนาจได้แต่ใครละจะกล้าต่อว่าใบหน้าอันแท้จริงภายใต้หน้ากากอันใสสื่อนั้น

ปราศจากพลัง ความจริงนั้นเป็นเพียงเรื่องรองลงไปเท่านั้น คนที่มีพลังชี้นกบอกว่าเป็นปลา คนธรรมดายังไม่กล้าบอกว่ามันคือนก

“หนิงเทียน” ปี้เหยาพึมพำอย่างแผ่วเบานี้เป็นครั้งแรกที่มันเรียกว่าหนิงเทียนไม่ใช่คุณชายหนิงอย่างทุกครั้ง ปี้เหยาก้มหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง สองตานางเอ่อล้นด้วยประกายน้ำตา

ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุด ทุกคนล้วนตราหน้าด่าทอนาง มีเพียงเขาที่ก้าวออกมาช่วยเหลือนาง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของนางโดยปราศจากความเกรงกลัวใดๆ ต่อชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ อย่างเผ่าซิ

ความประทับใจนี้ถูกตราตึงอยู่ภายในหัวใจของปี้เหยาอย่างที่สุด

ปี้ชีชี้นิ้วไปยังใบหน้าของหนิงเทียน “เจ้าคนนอกเจ้ามีเจตนาเช่นไรกับหมู่บ้านเรากันแน่”

“ท่านพ่อมันต้องเป็นสายลับจากหมู่บ้านอื่นแน่ๆ มันมีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกแก่หมู่บ้านปี้จุ่ยของเรากับเผ่าซิ” ปี้ฟางกล่าวพลางหันไปหาซิเฟย

“นายน้อยเฟย ท่านโปรดช่วยหมู่บ้านของพวกเราให้พ้นจากเภทภัยครั้งนี้ด้วยเถอะ”

ซิเฟย ผงกหัวรับ “นายน้อยผู้นี้จะช่วยกำจัดภาระของหมู่บ้านเจ้าสักครั้งหนึ่ง เจ้าคนนอกเจ้าเป็นสายลับจากหมู่บ้านใด?จงรีบบอกมา ข้าจะเว้นโทษตายให้แก่เจ้า”

“….” คำตอบของหนิงเทียนมีเพียงรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้า

“สารเลว!!!ในเมื่อเจ้ามีเจตนาที่จะทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างเผ่าซิของข้ากับหมู่บ้านปี้จุ่ยแห่งนี้ ตัวข้าจะขอกำจัดมารร้ายผู้นี้เพื่อความสงบสุขของคนในหมู่บ้านสักครั้ง”

ภายในใจของซิเฟยนั้นดำมืด มันไม่คาดเลยว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบนี้จะถูกชนชั้นต่ำมองออก ถ้าตัวมันไม่มีความแข็งแกร่งนั้น มันกล้าบอกได้เลยว่าจะเป็นตัวมันเองที่ถูกก่นด่าจากคนในหมู่บ้าน

ปี้ยี่ได้ยินเช่นนั้น มันวิ่งตรงเข้ามาอย่างเร่งรีบ พลางคุกสองเข่าของมันลงกับพื้น หัวของมันหมอบกราบแทบเท้าของซิเฟย

“นายน้อยซิ ท่านโปรดปล่อยแม่ของข้าและพี่ชายหนิงไปด้วย ตัวข้านั้นจะยินยอมเป็นวัวเป็นควาย ให้ท่านใช้งาน

ท่านเห็นว่าข้ามีพรสวรรค์เช่นนั้นข้าจะใช้พรสวรรค์ของข้า เป็นมือเป็นเท้าให้แก่ท่าน” ปี้ยี่ร้องขออย่างเวทนา

“บัดซบเจ้าเด็กนี้ กล้าเข้ามาสอดเรื่องของข้า!” ขณะเดียวกันซิเฟยพลันก้มตัวลงกระซิบเข้าที่ข้างหูของปี้ยี่

“เจ้าขยะเป็นเพียงเด็กกำพร้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคิดจะเป็นวัวเป็นควายให้ข้าไม่หวังสูงเกินไปหรือ.....

พรสวรรค์หรอ? ข้าก็พูดไปเช่นนั้น ตัวเจ้าไม่สามารถเทียบได้กับปี้ฟานแม้แต่น้อย

ข้าจะนำเจ้าไปเลี้ยงให้เปลืองข้าวสุกทำไม ข้านั้นต้องการเพียงร่างกายแม่ของเจ้าเท่านั้น ฮ่าๆฮ่าๆ”

ไม่มีใครรู้ว่าซิเฟยพูดอะไรกับปี้ยี่ ทุกคนนั้นเห็นเพียงแค่ ซิเฟยหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแววตาของมันเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย

จากนั้นมันส่งเท้าเข้าไปที่ลำตัวของปี้ยี่ แม้จะไม่ได้ใช้ลมปราณในการเตะครั้งนี้ แต่แค่เพียงร่างกายของนักรบขั้นที่2 ก็ทำให้มนุษย์ธรรมดาบาดเจ็บจนไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกเป็นอาทิตย์

สติของปี้ยี่เลือนหายไปในทันที

“ปี้ยี่” เสียงตะโกนของปี้เหยาดังขึ้นราวกับมันจะขาดใจตาย มันวิ่งไปหาปี้ยี่อย่างรวดเร็ว ถ้าลูกของมันเป็นอะไรไป มันพร้อมจะแลกชีวิตกับซิเฟย

หนิงเทียนมองไปยังร่างของปี้ยี่ที่กระเด็นออกไปด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสาร

ซิเฟยกล่าวด้วยเสียงเย็น “ซิตู่ ฆ่ามัน”

“ขอรับนายน้อย” เสียงซิตู่คำรามออกมา มันหันศีรษะไปทางหนิงเทียนและปี้เหยา พร้อมตะโกนด้วยเสียงอันดัง

“หญิงชั่ว ชายเลวพวกเจ้าทั้งสองทำความผิดร้ายแรง หญิงชั่วต้องถูกจับตัวไปลงโทษ ส่วนชายเลวนั้นตายสถานเดียว”

สถานการณ์เลวร้ายลงทันที พวกมันไม่สนใจคำกล่าวใดๆทั้งสิ้น มันเพียงจะใช้กำลังตัดสินอย่างป่าเถื่อน

หนิงเทียมแย้มยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย มันกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาโดยไม่มีใครรู้ว่าคำพูดนั้นมันพูดกับใคร “เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าไม่ต้องยุ่ง”

เห๊อะ เสียงแผ่วเบาของราชาภูตตัวน้อยดังขึ้น มันหายตัวกลับเข้ามาอยู่ในแขนเสื้อของหนิงเทียนทันที มันเพียงแต่มองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้า คล้ายกำลังรอดูว่า นายคนใหม่ของมันจะทำเช่นไรกับสถานการณ์นี้

“เจ้าหนุ่มข้าจะปราณีแก่เจ้าบ้างละกันโดยที่จะฆ่าเจ้าภายในหนึ่งหมัด” ซิตู่กระโดดเข้าหาหนิงเทียนอย่างเกียจคร้าน ตัวมันเป็นนักรบขั้นที่5 ไม่มีเหตุใดที่ต้องใช้พลังเต็มที่จัดการกับเด็กหนุ่มอายุ15-16ปี

ซิตู่ชกใส่หนิงเทียนอย่างรุนแรง หนิงเทียนแย้มยิ้มออกมาพลันส่งหมัดออกไปปะทะหมัดของซิตู่

ปัง!! ซิตู่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากพลังหมัดของหนิงเทียน มันเพียงยืนอยู่กับที่อย่างนิ่งสงบ ใบหน้าของมันแสดงความประหลาดใจ “แดนมนุษย์ขั้นที่9” มันคำรามต่ำออกมาอย่างแผ่วเบา

ในขณะเดียวกัน จากการปะทะกันเมื่อครู่หนิงเทียนแสร้งทำเป็นกระเด็นถอยหลังออกไปไกลถึงห้าก้าว

“ถุย!! หนิงเทียนถ่มน้ำลายของมันออกจากปาก พร้อมกล่าว”หนึ่งหมัด ฮ่าฮ่าๆคนเผ่าซินี้ช่างคุยโวยิ่งนัก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด