ตอนที่ 25 อุบัติเหตุกลางหมู่บ้าน 2
ปี้ชีเดิมทีคุกเข่าอยู่กับพื้น พลันกล่าวอย่างเสียงดัง “ผู้ที่ขโมยไป โปรดนำมันกลับมาคืนโดยเร็ว จงกลับตัวกลับใจเสีย ถ้าเจ้ายังดื้อดึงต่อไป เจ้าจะนำหายนะมาสู่หมู่บ้านปี้จุ่ยของเราทั้งหมด
และถ้าเจ้ายังไร้ยางอายทนมองหมู่บ้านของเราเผชิญกับหายนะ ตัวข้านั้นจะเป็นคนแรกที่สังหารเจ้า”
ปี้ฟางกล่าวเสริมคำพูดของบิดามัน “พวกเจ้าทุกคนได้ยินแล้วหรือไม่ ถ้าพวกเราไม่สามารถส่งคืนทักษะบ่มเพาะของเผ่าซิได้
พวกเราจะถูกสังหารทั้งหมู่บ้านเช่นนั้นแล้วต่อให้เจ้าจะขโมยมันไปก็ไม่มีโอกาสได้ฝึกมัน เจ้าจะอำมหิตทนมองดูพี่น้องร่วมหมู่บ้านตายได้อย่างนั้นหรือ"
ทุกคนในลานประลองนั้นมองหน้ากันไปมา ราวกับถ้าพวกมันไม่สามารถหาตัวขโมยได้ ความตายจะมาเยือนพวกมันทั้งหมด
แม้นายน้อยเฟย บอกว่าจะมอบโอกาสรอดให้ แต่พวกมันทั้งหมดที่ได้สัมผัสจิตสังหารนั้น กลับไม่มีใครเชื่อเลยว่าพวกมันจะได้รับความเมตตา
เวลาผ่านไปชั่วกาน้ำเดือด สายตาโอนอ่อนของซิเฟยแปรเปลี่ยนเป็นมืดดำดุร้ายอีกครั้ง “ในเมื่อข้าให้ทางรอดแก่เจ้า ‘ทางเป็นไม่เดินเลือกที่จะเดินทางตาย’ จงอย่าได้โทษข้าที่ไร้เมตตา ซิตู่!!!!” มันคำรามเรียกซิตู่เสียงดัง
“ขอรับนายน้อย” ซิตู่ที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างปี้ยี่และปี้ฟาน หมุนตัวทะยานไปเบื้องหน้าของซิเฟยทันที
“ซิตู่เจ้าจงนำพาคนไปค้นให้ทั่วทุกแห่งในหมู่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่บ้านหัวหน้าชี ถ้าเจอทักษะบ่มเพาะของเผ่าซิเราในบ้านใดให้จับผู้เป็นเจ้าของมาให้ข้า
แต่ถ้าค้นจนทั่วก็ยังไร้วี่แววละก็ให้เริ่มสังหารฆ่าพวกมันจากผู้เยาว์ไปยังคนชรา ข้าไม่เชื่อว่าหัวขโมยจะทนเห็นลูกหลานของพวกมันตกตายทีละคนได้”
สิ้นเสียงคำสั่งของซิเฟย ซิตู่นำทหารในชุดเกราะนับสิบคนออกจากลานประลองไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ซิเฟยตะโกนออกมาเสียงดังกึกก้อง คราวนี้คำพูดของมันแฝงไปด้วยลมปราณของผู้ฝึกตนแดนนักรบขั้นที่2 “จนกว่าซิตู่จะกลับมา ผู้ใดออกจากลานแห่งนี้ ข้าจะสังหารมันทันที”
…
ทุกคนในลานประลองไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา พวกมันได้แต่ยืนนิ่งและภาวนาให้ซิตู่หาทักษะบ่มเพาะและโสมอายุวัฒนะเจอมิเช่นนั้นหายนะได้บังเกิดแก่หมู่บ้านมันอย่างแน่นอน
“คุณชาย นี้เป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปีที่ราชาผู้นี้ได้พบเจอเผ่าพันธุ์มนุษย์มากมายเช่นนี้”ราชาภูตมองไปยังลานประลองที่มีผู้คนมากมายด้วยสายตาเหยียดหยาม
“เจ้าอย่ากระดุกระดิกได้หรือไม่”
“คุณชาย ท่านให้ราชาผู้นี้ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อที่น่าอึดอึดเช่นนี้นับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง”
“เมื่อข้า เข้าไปในเมืองข้าจะหาแหวนอัญเชิญอสูรให้เจ้าอยู่” หนิงเทียนรีบตัดบท มันก็รู้สึกรำคาญอยู่ไม่น้อยที่มีภูตมาอาศัยอยู่ในแขนเสื้อของมัน
“คุณชายมนุษย์ตัวเหม็นที่ยืนตะโกนโวยวายอยู่นั้นเป็นช่างทำตัวยิ่งใหญ่จริงๆ ราชาผู้นี้ยังไม่กล้าทำตัวโอหังเช่นนั้น”
หนิงเทียนยกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่กล้าทำตัวโอหัง? ครั้งแรกที่ข้าพบเจ้า เจ้านั้นยิ่งใหญ่เทียมฟ้าน่าดู”
“ฮ่าๆ คุณชายล้อข้าเล่นแล้ว” ราชาภูตหัวเราะแห้งๆ สถานะของมันในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันรีบกล่าวเปลี่ยนเรื่อง “ท่านจะทำยังไงกับมนุษย์ตัวเหม็นพวกนี้”
“รอดูกันต่อไป ข้าคาดหวังกับละครลิงนี้ไว้มาก ถ้ามันมิได้สร้างความบันเทิงให้แก่ข้า ข้าจะไปสังหารมันทั้งชนเผ่า” น้ำเสียงของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความเย็นชา
“แต่คุณชายเวลานี้อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดี ถ้าฝืนโคจรพลังปราณอาจจะทำให้บาดแผลฉีกออกได้” ราชาภูตกล่าวอย่างสำนึกผิด
“กับมดปลวกพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ลมปราณ” มุมปากของหนิงเทียนยกขึ้นอย่างน่ากลัว
… ในขณะเดียวกัน ซิเฟยก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ฮ่าๆๆ “พวกเจ้าทุกคนจงอวยพรให้ข้าหาทักษะบ่มเพาะเจอเถอะ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนจะไม่ได้เห็นแสงตะวันของวันพรุ่ง”
เวลาผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วยาม ซิตู่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าว “นายน้อย หลังจากที่เราได้ค้นไปทั่วทุกบ้านแล้วแต่ไม่พบทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์และส่วนโสมอายุวัฒนะแต่อย่างใด
“หึๆ ดูเหมือนว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิดไว้” ซิเฟยเปล่งเสียงอย่างเย้ยหยัน ลักษณะท่าทางของมันหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก เวลานี้มันแตกต่างจากคาบนักบุญผู้สูงศักดิ์ที่ชาวบ้านทุกคนสรรเสริญโดยสิ้นเชิง
เมื่อทุกๆคนได้ยินว่า ‘ค้นจนทั่วแต่ไม่พบ’ พวกมันทุกคนเกิดอาการเหมือนคนที่ขาดอากาศหายใจใน
ทันใดขาแข้งของพวกมันอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที บางคนถึงกับทรุดลงไปนั่งร่ำไห้อยู่กับพื้น
"ไว้ชีวิตพวกเราด้วยนายน้อยเฟย"
"เมตตาพวกเราด้วย"
"โจรชั่วรีบยอมรับเถอะ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายไปกันหมด"
เสียงร้องขอความเมตตาปนตัดพ้อดังออกมาจากฝูงชนนับร้อยคน
สีหน้าของปี้เหยาซีดขาว มันกล่าวร้องขอความเมตตาจากนายน้อยแห่งเผ่าซิผู้นี้อย่างเสียงดัง "ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย"
"หุบปาก"ซิเฟยเปล่งเสียงตวาดก้องราวกับอัสนีบาต มันกล่าวด้วยเสียงเย็นเหยียด "ถ้าข้าไม่ได้ทักษะบ่มเพาะคืนพวกเจ้าจะต้องตายทั้งหมด ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เคล็ดวิชาบ่มเพาะของเผ่าข้ารั่วไหลออกไปเด็ดขาด"
"ทหารรีบไปสังหารมันเป็นคนแรก"มันกล่าวจบพลางชี้ไปยังปี้ฟางที่กำลังมอบคลานอยู่กับพื้น
ทหารในชุดเกราะก้าวเท้าไปหาร่างของปี้ฟางช้าๆ เช้ง!! ขณะเดียวกันมันชักดาบอันคมใหญ่ออกมาจากข้างเอว
สีหน้าของปี้ฟางแสดงถึงความหวาดกลัว“อย่า...อย่าเข้ามา”
มันรีบคุกเข่าคลานไปแทบเท้าของซิเฟยสองมือกอดไปที่ขาของมันแน่น “นายน้อยเฟยได้โปรดละเว้นข้าด้วย”
“ละเว้นเจ้า เจ้าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ทักษะวิเศษอย่างกระดูกราชสีห์หายไป การสังหารเจ้าเป็นคนแรกนับว่าถูกต้องแล้ว”
"ทหารจงบั่นคอมันให้เป็นตัวอย่าง"สิ้นเสียงของซิเฟย ทหารในชุดเกราะเงื้อมมือหมายฟันไปที่คอของปี้ฟาง
"หยุดหยุดก่อน นายน้อย ข้ายอมรับข้ายอมรับเป็นข้าเอง เป็นข้าเอง ข้าจะรีบนำมันมาคืนแก่ท่าน ได้โปรดหยุดมือ"
ได้ยินเช่นนั้นซิเฟยส่งสายตาให้ทหารของมันหยุดการลงดาบลง มุมปากของมันยกยิ้มขึ้น
ฝูงชนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นบังเกิดความตกตะลึง มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ขโมยไปจะบุตรชายของผู้นำหมู่บ้านอย่างปี้ฟาง
"ท่านพ่อ!!!"น้ำเสียงของปี้ฟานสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว
ซิเฟยเอ่ยออกมา "ในเมื่อเจ้ายอมรับ ข้าจะเว้นโทษตายให้แก่คนในหมู่บ้าน จงรีบนำมันออกมาคืนข้าและยอมรับโทษตายแต่โดยดี"
ปี้ฟางกล่าวตอบด้วยความหวาดกลัว "ไม่..ไม่นายน้อยเฟยข้าไม่ได้หมายถึงเป็นข้าที่ขโมยไป แต่เป็นข้าเองที่รู้ว่าผู้ใดขโมยไปแต่ไม่ได้กล่าวมันออกมา"
เมื่อมันกล่าวจบมันหันไปทางปี้เหยาพร้อมชี้นิ้วไปที่นางด้วยความอาฆาต "เป็นนางที่ขโมยไป"
ทุกคนในหมู่บ้านพุ่งสายตาไปยังปลายทางที่นิ้วของปี้ฟางชี้ออก มันไปหยุดมองยังปี้เหยาด้วยสายตาเป็นหนึ่งเดียวกัน
"ไม่ใช่ข้า ท่านปี้ฟางเหตุใดถึงกล่าวเช่นนี้"ปี้เหยาส่ายศีรษะไม่ยอมรับทันที
"ข้าขอถามเจ้า เมื่อเช้าเจ้ามาที่บ้านข้าใช่หรือไม่"
"ใช่ แต่เป็นท่านให้ข้าไปขนตะกร้าผลไม้มาเพื่องานประลองนี้" ปี้เหยายังตอบด้วยอาการงุนงง
"ข้านั้นเห็นท่าทางลับๆล่อๆของเจ้า จึงได้ตามสังเกตุเจ้าดู แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเจ้าได้หยิบฉวยของบางสิ่งออกไปจากบ้านข้า ในคร่าแรกนั้นข้าเพียงนึกคิดว่าเจ้านำเนื้อสัตว์กลับไปให้แก่ลูกของจ้า
แต่ไม่นึกเลยจริงๆว่าเจ้าจะหวังสูงถูงกับขโมยสิ่งของจากเผ่าซิ เดิมทีข้าไม่ต้องการที่จะปรักปรำเจ้า แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะเป็นต้องเปิดเผยความจริงออก เพื่อชีวิตของคนในหมู่บ้านทั้งหมด"
"ท่านปี้ฟานอย่าได้ใส่ร้ายข้า" นางยืนกรานปฎิเสธอย่างเสียแข็งดังเช่นทองแท้ไหนเลยจะต้องกลัวเปลวไฟ
ซิเฟยเอ่ยขั้นกลางก่อนที่ทั้งสองจะโต้เถียงกันไป "ปี้ฟาน เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?"
ได้ยินเช่นนั้นฝูงชนทั้งหลายที่ส่งเสียงฮือฮากลับเงียบลงอย่างพร้อมเพียง พวกมันเพียงรอดูหลักฐานของปี้ฟานอย่างเงียบเชียบ
"ต้องมีแน่นายน้อยเฟย ขอแค่เพียงให้ข้าไปค้นภายในบ้านของนาง ข้ามั่นใจว่าจะต้องเจอทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์อย่างแน่นอน"
"ดี ข้าจะให้โอกาสรอดสุดท้ายแก่เจ้า" พร้อมกับหันไปกล่าวกับปี้เหยา "เจ้ายินยอมหรือไม่?"
"ตัวข้านั้นบริสุทธิ์ ทำไมจะไม่ยินยอม"ปี้เหยากล่าวอย่างมั่นใจในตนเอง"
"ถ้าเช่นนั้นพวกเราไป " มุมปากของซิเฟยยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะตะโกนไปยังฝูงชนทั้งหลาย
"พวกเจ้าจงสำนึกไว้ทุกวินาทีว่า ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์เป็นทักษะวิเศษ มันมีค่ามากกว่าชีวิตพวกเจ้าทั้งหมู่บ้าน"
เมื่อกล่าวจบมันสั่งไปปี้ฟางนำทางไป ในขณะที่ฝูงชนทั้งหลายได้เดินตามมันเป็นขบวน
….
หนิงเทียนที่แฝงตัวอยู่กับฝูงชนมองไปยังการแสดงของซิเฟยและปี้ฟางด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ “ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์เป็นทักษะวิเศษ? ช่างอวดอ้างเสียเหลือเกิน”
“ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์เป็นเพียงบทแรกของทักษะบ่มเพาะอวตารราชสีห์เท่านั้น มันไม่นับเป็นทักษะบ่มเพาะด้วยซ้ำไป” ราชาภูตกล่าวอย่างไม่แยแสใดๆ
“เจ้ารู้จักทักษะนี้?” หนิงเทียนถามออกอย่างสงสัย ตัวมันนั้นเคยอ่านทักษะนี้ผ่านตามาบ้างจากห้องหนังสือของบิดาสี่
มันรู้แค่เพียงว่าเป็นทักษะบ่มเพาะระดับมนุษย์ขั้นต่ำเท่านั้น ไม่ได้รู้ลึกถึงทักษะอวตารราชสีห์ที่ราชาภูตกล่าวแต่อย่างใด
“ราชาผู้นี้ติดตามท่านหวงตี้ตลอดทั้งชีวิต ไม่มีทักษะไหนที่ราชาผู้นี้ไม่รู้จัก”มันกล่าวโอ้อวดในภูมิความรู้ของมัน
"ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้ถึงเคล็ดวิชามันหรือไม่"
"แน่นอนคุณชาย ราชาผู้นี้อาจจะจำไม่ได้ทั้งหมดก็จริงแต่เพียงบทแรกนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องยากอันใด"ใบหน้าของราชาภูตเต็มไปด้วยความภาคภูมิ
พร้อมทั้งกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส“คุณชาย เจ้ามนุษย์หน้าเหม็นคนนี้ช่างโอ้อวดนัก ให้ราชาผู้นี้สั่งสอนมันได้หรือไม่”
“รอไปก่อน ข้ามีแผนการของข้า” หนิงเทียนยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะกล่าวต่อ
“อู๋ชาง ข้ามีเรื่องให้เจ้าทำ”
“คุณชายมีเรื่องอะไรให้ราชาผู้นี้ช่วย...”มันกล่าวถามอย่างไม่เต็มใจนักแต่ด้วยตราประทับทาสบนร่างของมันจึงต้องจำยอมโดยปราศจากเงือนไขใดๆ
“จงนำข้อความนี้ไปมอบให้คนๆหนึ่ง จงรีบไปและอย่าได้เปิดเผยตัวตนของเจ้าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหา” สิ้นเสียงของมันร่างของราชาภูตหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่
ในเวลาต่อมาปี้ฟางนำพากลุ่มฝูงชน และนายน้อยเฟยเดินมาหยุดอยู่ที่บ้านโกโรโกโสหลังหนึ่ง
"นายน้อยเฟยขอให้ข้าเข้าไปค้นในบ้านของนาง"
ซิเฟยเพียงพยักหน้าตอบรับ ปี้ฟางใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ในการเข้าไปค้นภายในบ้านโกรโกโสของปี้เหยา
ก่อนที่มันจะเดินออกมาด้วยสีหน้าดูหมิ่น สายตาของมันจ้องมองไปยังปี้เหยาอย่างเหยียดหยาม
สองมือของมันนั้นยกกระดาษหนังสัตว์ขึ้นมา "นี้คือหลักฐาน เจ้าจะยังปากแข็งอีกหรือไม่"
สายตาทุกคนจับจ้องไปในทิศทางเดียวกัน สายตาทั้งหมดจ้องมองไปยังหญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้านเก่าๆหลังนี้ ซึ่งบัดนี้เจ้าของบ้าน มิสามารถพูดอะไรออกมา มันงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
“ไม่ใช่ข้า ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่” ปี้เหยาร้องออกมาพลางส่ายศีรษะ
ฝูงชนข้างๆรีบถอยออกห่างจากปี้เหยาทันที ทำให้บัดนี้ปี้เหยายืนอยู่อย่างโดดเดียว
“ท่านแม่ ต้องไม่ใช่ท่านแม่” ปี้ยี่แหวกฝูงชนนับสิบวิ่งไปทางแม่ของมัน
ขณะนี้ ซิเฟยนั้นมองไปยังปี้เหยา สายตาของมันเปล่งประกายวาบวับดุจสุนัขที่กำลังล่าเหยื่อ
สตรีนางนี้งดงามที่สุดในหมู่บ้านนี้และแม้แต่ชนเผ่าของมัน ก็มิได้หาสตรีที่มีรูปลักษณ์งดงามได้แบบนี้
ปี้เหยามีดวงตาที่งดงาม ผิวขาวดุจหยกใบหน้าสวยงาม รูปลักษณ์ที่โตเต็มไว มันทำให้สติของซิเฟยเกือบจะหลุดลอยไป
ซิเฟยกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก บัดนี้ภาพคุณชายผู้สง่างามแปรเปลี่ยนเป็นผู้ชายที่เปี่ยมด้วยตัณหา มันแทบจะทนไม่ไหวแล้วที่จะได้ลิ้มลองรสชาติของนาง
สีหน้าของปี้ชีเองก็แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง มันกลายเป็นดำมืดในทันที
“เจ้า...เจ้าจริงๆด้วย ในครั้งแรกข้าเองก็ยังมิได้เชื่อคำพูดของบุตรชายตัวเองอย่างเต็มร้อย แต่ในเมื่อหลักฐานชี้ชัดขนาดนี้ เจ้ามีอะไรจะปฎิเสธอีกหรือไม่”
“ไม่ ไม่ใช่ข้าท่านปี้ชี ข้าไม่ได้ทำจริงๆ” ปี้เหยาส่ายศีรษะปฎิเสธอย่างตื่นกลัว ใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น นางนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนแล้วนางจะต้องการทักษะบ่มเพาะและโสมอายุวัฒนะไปเพื่ออะไร