ตอนที่ 23 คำขอร้อง 2
หนิงเทียนนั้นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเอ่ยออกมา “บอกธุระของเจ้าออกมา”
ตัวมันนั้นตะหนักดีว่า เรื่องที่ตัวประหลาดพวกนี้ถึงกับต้องยอมขอร้องมันนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน แต่ถึงอย่างไรเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับมันอยู่แล้ว
‘กระบี่ข้าก็ได้คืนมาแล้ว ปัญหาของพวกเจ้าก็แก้เองเถอะ….ให้ข้าได้ออกจากมิตินี้เท่านั้น สาบานได้เลยว่าพวกเจ้าจะไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลังของข้า’
หนิงเทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในใจกับพวกโจรเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีสัจจะ
เวลานี้ใบหน้าของราชาภูตและกิเลนสวรรค์ไม่มีความเย่อหยิ่งหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย มันทั้งคู่มองไปซึ่งกันและกันคล้ายว่าพวกมันกำลังเกี่ยงกันพูด
จนในที่สุดราชาภูตก็ได้กล่าวออกมา “ตัวราชานั้นคือจ้าวแห่งเผ่าพันธุ์ภูตอู๋ชาง คุณชาย ท่านสามารถเรียกราชาว่าผู้เฒ่าอู๋ได้
ส่วนคนด้านข้าง เขาเป็นเผ่าพันธุ์กิเลนสวรรค์ซานซัน คุณชายท่านสามารถเรียกเขาว่าผู้เฒ่าซานได้เช่นกัน” มันเริ่มจากการแนะนำตัวของมันกับหนิงเทียน
“รีบๆพูดธุระของเจ้าออกมา” หนิงเทียนสะบัดมือขึ้นลง มันไม่สนใจที่จะจำชื่อของตัวประหลาดพวกนี้ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นท่าทีของหนิงเทียน ราชาภูตเริ่มกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “คุณชาย พวกเราทั้งสองนั้นเป็นข้ารับใช้ของท่านหวงตี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของผนึกศิลาทองในตัวท่าน”
เมื่อมันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหวงตี้ จากท่าทีที่เฉยเมย ของหนิงเทียน แปรเปลี่ยนเป็นสนใจในทันที
อย่างน้อยเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของชายในชุดคลุมสีทองที่มันได้พบเมื่อสิบปีก่อนก็มีบุญคุณกับมันอยู่ไม่น้อย
ราชาภูตมองไปยังวิหารที่ลอยเด่นเหนือพื้นสมุทรสีทองพร้อมทั้งกล่าวออก
“คุณชาย ราชาผู้นี้ขอเพียงแค่ท่านก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิและเปิดประตูของวิหารสัจธรรมนี้เท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วทั้งสองข้างของหนิงเทียนขมวดเข้าหากันทันที เหตุใดเรื่องที่ภูตบัดซบตัวนี้ต้องการขอ ถึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวมันเอง
หนิงเทียนถามออกโดยเร็ว “ด้านหลังประตูวิหารนั้นมีอะไร”
เวลานี้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิบรรพกาลและก็ตัวมันเอง มันจึงกระตุ้นความสนใจของหนิงเทียนเป็นอย่างมาก
“ราชาผู้นี้รู้เพียงแต่ว่าภายในนั้น มันเก็บพลังฝึกตนของราชาและร่างที่แท้จริงของสหายทั้งสี่ของราชาผู้นี้ไว้ ส่วนความลับของวิหารสัจธรรมนั้นมีเพียงท่านหวงตี้เท่านั้นที่รู้”
มันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง
“ไม่ได้มีแค่พวกเจ้าสองคน?”
“คุณชายข้ารับใช้ของท่านหวงตี้มีทั้งหมดห้าคน ตัวราชาเป็นแหวนมิติ ส่วนเฒ่าซานนั้นเป็นพาหนะของท่านหวงตี้ และยังมีอีกสามคนที่เป็นดั่งของวิเศษและข้ารับใช้ของท่านหวงตี้
แต่ในเวลานี้พวกมันทั้งสามคนหลับไหลอยู่ที่แห่งใดราชาผู้นี้ก็ไม่สามารถรู้ได้” น้ำเสียงของราชาภูตเต็มไปด้วยความเคารพเมื่อกล่าวถึงจักรพรรดิหวงตี้
“หึ...พวกเจ้าอ้างตัวว่าเป็นข้ารับใช้ของจักรพรรดิบรรพกาลไม่โอ้อวดเกินไปหน่อยหรือไงตัวตนของจักรพรรดิหวงตี้เองยังไม่สามารถเอาชนะกฎของเวลาได้
หรือเจ้ากำลังจะบอกข้าว่าพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าเขาถึงอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้”
เห็นได้ชัดว่าหนิงเทียนไม่เชื่อนิทานที่ภูตบัดซบตัวนี้เล่าออกมา
“คุณชาย ถ้าท่านหวงตี้ไม่ตัดสินใจละสังขารทิ้งกายด้วยตัวเอง ด้วยกฎของเวลาไม่กี่หมื่นปีเช่นนี้ มันไม่มีทางสังหารท่านได้แน่
ส่วนตัวราชาเองก็ไม่ได้มีความสามารถเช่นท่านหวงตี้ ราชาผู้นี้จึงต้องยอมทิ้งพลังฝึกตนทั้งหมดเพื่อที่จะรักษาร่างจิตเอาไว้”
ราชาภูตมองไปยังสหายของมันอย่างเวทนา “ส่วนเฒ่าซานนั้นต้องละทิ้งร่างกายเหลือแค่เพียงจิตวิญญาณที่ต้องอาศัยอยู่ในมิตินี้เท่านั้น
ถ้าเขาออกไปจากมิติแห่งนี้จิตวิญญาณของเขาจะสลายไปทันที”
“มีเหตุใดอะไรที่จักรพรรดิบรรพกาลและพวกเจ้าต้องทำถึงเช่นนั้น” หนิงเทียนกล่าวถามอย่างสงสัย
เหตุผลใดกันที่ทำให้พวกมันยอมเสียสละร่างกายเพื่อที่จะกลายเป็นจิตวิญญาณเร่รอนเช่นนี้
“ด้วยความสามารถของคุณชายในเวลานี้ ยังไม่สามารถทำความเข้าใจถึงมันได้
แต่เมื่อใดที่คุณชายก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิ ท่านจะมีคุณสมบัติในการเปิดวิหารแห่งสัจธรรมและเวลานั้นท่านจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด” ไม่บ่อยนักที่ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ภูตจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเช่นนี้
หนิงเทียนได้ฟังเช่นนั้น ภายในใจมันเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ในคร่าแรกนั้นมันตัดสินใจแนวแน่ว่าเมื่อมันออกจากมิตินี้ไปได้ มันจะหนีหายไปทันที
แต่เรื่องที่มันพึ่งได้ยินมานั้น ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับมันเลยก็คงไม่ใช่เสียทีเดียวยังไงซะมันก็เป็นผู้สืบทอดพลังของหวงตี้
หนิงเทียนปลายตามองไปยังวิหารสัจธรรม ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดเกิดขึ้นภายในจิตวิญญาณของมัน ต้องบอกว่ามันเป็นความรู้สึกคุ้นเคยของผนึกศิลาทองในร่างมันมากกว่า
กิเลนสวรรค์ในร่างมนุษย์ที่นิ่งเงียบอยู่ก็ได้กล่าวขึ้น “มนุษย์ตัวน้อย โปรดช่วยพวกเรา และทำความต้องการของท่านหวงตี้ให้เป็นจริงด้วยเถอะ”
ถึงแม้หนิงเทียนจะสนใจเรื่องราวที่ราชาภูตเล่าออกมาอยู่บ้าง แต่มันก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกมัน3คน มันจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือโทสะ
“จะให้ข้าช่วย คนที่เกือบจะฆ่าข้า?”
ราชาภูตได้ยินเช่นนั้นมันรีบกล่าวเสริมหนิงเทียนทันที “ใช่แล้ว เฒ่าซานเจ้าได้ล่วงเกินคุณชายไป ทำไมยังไม่รีบมาขอโทษคุณชายอีก”
“ตาเฒ่าอู๋เรื่องทั้งหมดไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหรือ เหตุใดจึงโยนความผิดมาให้ข้า” มันมองไปที่สหายภูตของมันอย่างขุ่นเคือง
แต่เวลานี้นั้นมันไม่มีทางเลือกอื่นแม้แต่น้อย“มนุษย์ตัวน้อย ข้าขออภัยที่ล่วงเกินไป” มันซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์กิเลนศักดิสิทธิ์ เวลานี้มันถึงกับยอมก้มศีรษะลงแก่หนิงเทียน
เมื่อหนิงเทียนเห็นการแสดงออกเช่นนี้ โทสะในใจของมันพอที่จะลดลงบ้าง
“เอาเถอะ การเป็นจักรพรรดินั้น ถึงไม่มีพวกเจ้า ข้าก็จะต้องก้าวไปถึงขั้นนั้นให้ได้ ส่วนในเรื่องที่จะให้ข้าเปิดประตูวิหารอะไรนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าว่ามีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน”
“คุณชายแม้ว่าราชาจะมีอายุนับหมื่นปีก็จริง แต่ตัวราชาเองก็พึ่งจะตื่นจากการหลับใหล มาได้เพียงสิบปี
อีกทั้งเมื่อตื่นขึ้นมายังมีพลังเพียงแค่ดินแดนมนุษย์เท่านั้น ไหนเลยจะมีของวิเศษมาแลกเปลี่ยนกับท่านได้”
เวลานี้ราชาภูตกล่าวอย่างจนใจ ตัวมันที่เคยเป็นถึงแหวนมิติมีชีวิตของจักรพรรดิบรรพกาลนั้นกลับไร้ซึ่งของวิเศษมาแลกเปลี่ยนกับหนิงเทียน
ในอดีตภายในมิติของมันเก็บของวิเศษของจักรพรรดิหวงตี้ไว้มากมายถึงขนาดที่สามารถถมทะเลให้แห้งได้
แต่ในเวลานี้ภายในมิติของมันนั้นว่างเปล่าด้วยของวิเศษเหลือแค่เพียงแต่ต้นไม้และทะเลสาบเท่านั้น
“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ เร็วเข้ารีบพาข้าออกจากมิติแห่งนี้ ข้าได้จะรีบไปฝึกฝน
ข้าขอสัญญาจะตั้งใจฝึกอย่างหนักและรีบเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิให้ได้ไวๆตามที่พวกเจ้าคาดหวัง
และเมื่อข้าเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิได้แล้ว จะกลับมา เปิดประตูวิหารให้แน่นอน”ท่าทางของหนิงเทียนกระตือรือร้นเป็นพิเศษ น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
มีแต่คนโง่เท่านั้น ที่จะเชื่อคำพูดของหนิงเทียน ใครที่มองไปยังท่าทีและน้ำเสียงของหนิงเทียนในตอนนี้ ก็สามารถบอกได้เลยว่า มันไม่รักษาสัญญาแน่นอน
ราชาภูตมองไปยังหนิงเทียนอย่างยิ้มแย้มสีหน้าของมันบ่งบอกถึงคำขอบคุณเป็นอย่างมาก แต่ภายในใจของมันกับก่นด่าหนิงเทียนอยู่
‘บัดซบ อายุเพียงเท่านี้ แต่กลับกลิ้งกลอกยิ่งนัก ถ้าข้าปล่อยมันไป มันคงจะรีบหนีทันที’
“คุณชาย เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ถึงแม้ราชาผู้นี้จะมีพลังช่วยท่านได้มาก แต่เพื่อแลกกับที่คุณชายที่ยอมช่วยเหลือ ราชาผู้นี้จะยอมทำหน้าที่เป็นแหวนมิติให้คุณชายเอง
ถ้าเทียบมิติของราชาผู้นี้กับแหวนมิติที่คุณชายใส่อยู่นั้น มันก็ไม่ต่างอะไรจากหิ่งห้อยที่สาดแสงแข่งกับดวงตะวันเลย”
เมื่อหนิงเทียนได้ยินคำกล่าวของราชาภูต มันไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มันเพียงแต่ละสายตาจากภูตบัดซบไปยังกิเลนในร่างมนุษย์ “แล้วเจ้า?”
ได้ยินคำถามของหนิงเทียน กิเลนในร่างมนุษย์กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่
“มนุษย์ตัวน้อย ข้านั้นเป็นเพียงจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ในมิติอนันตเวคีแห่งนี้เท่านั้นและข้าก็ไม่สามารถก้าวเท้าออกไปจากมิติของเฒ่าอู๋ได้เลยแม้แต่น้อย”
“หมายความว่าเจ้าทำอะไรไม่ได้ งั้นก็แล้วไปเถอะ ไม่ต้องห่วงข้าจะช่วยเจ้าเอง แน่นอนและข้ายังจะช่วยเจ้าเป็นคนแรกอีกด้วย”ท่าทางของหนิงเทียนเต็มไปกระตือรือร้นเช่นเคย น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความจริงใจ
เมื่อกิเลนในร่างมนุษย์ได้เห็นท่าทีและน้ำเสียงของหนิงเทียน ภายในใจของมันคิดในสิ่งที่ไม่ต่างจากสหายของมันแม้แต่น้อย ‘กลิ้งกลอกยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ามันจะไม่ช่วยข้า ’
“เออ...มนุษย์ตัวน้อยเอาอย่างนี้เป็นไร ถ้าวันใดศัตรูของท่านหลงเข้ามาในมิติของเฒ่าอู๋ข้าจะช่วยท่านสังหารมันดีหรือไม่”
แม้ว่าข้อเสนอของกิเลนในร่างมนุษย์ตัวนี้จะดูดีมากนักแต่ในความเป็นจริงแล้ว มัน แทบจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย แต่ในเวลานี้หนิงเทียนหารู้กับความหมายนั้นไม่
เวลาผ่านไปชั่วครู่ราชาภูตและกิเลนสวรรค์ ยังรอฟังคำตอบของหนิงเทียนอย่างตั้งใจ
“ขอให้คุณชายช่วยพวกเราทั้งคู่ด้วย”ราชาภูตกล่าวหมายจะย้ำความคิดของหนิงเทียนอีกครั้ง
หนิงเทียนนั้นยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ตัวข้านั้นไม่เชื่อในตัวพวกเจ้าแม้แต่น้อย มีเพียงสัญญาจิตวิญญาณเท่านั้นที่ทำให้ข้ายอมรับข้อตกลง”
“สัญญาจิตวิญญาณ” ทั้งสองพูดออกพร้อมกัน
ในแดนสวรรค์หวงตี้นี้สัญญาจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำกัน
ผู้ที่ทำสัญญาจิตวิญญาณนั้น จะต้องยอมรับกระบี่แห่งสัจจะเข้าไปในจิตวิญญาณ
ถ้าเกิดผู้ใดทำผิดสัญญาทะเลจิตวิญญาณของพวกมันจะถูกกระบี่แห่งสัจจะทำลายจากภายใน เมื่อคนไร้ซึ่งจิตวิญญาณมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาย
กิเลนสวรรค์มองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาที่ไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้
‘เด็กหนุ่มชาวมนุษย์คนนี้โหดเหี้ยมนัก’ จะมีใครกล้ายื่นข้อเสนอเช่นนี้ให้กับเผ่าพันธุ์กิเลนสวรรค์และเผ่าพันธุ์ภูต
แม้แต่จักรพรรดิหวงตี้เองยังไม่เคยบังคับให้พวกมันต้องทำสัญญาจิตวิญญาณ
“ท่านต้องการเงื่อนไขใด” ราชาภูตกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“เพียง2เงือนไข ภักดีและเชื้อฟัง คำสั่งข้าคือประกาศิต และเมื่อใดข้าบรรลุถึงขั้นที่จักรพรรดิได้ เมื่อนั้นสัญญาจิตวิญญาณของพวกเราเป็นที่สิ้นสุด”
“คุณชายไม่ใช่ว่าท่านจะให้สัญญาว่าจะเปิดประตูวิหารสัจธรรม? ......เหตุใดถึงกล่าวแค่เพียงบรรลุขั้นจักรพรรดิ” น้ำเสียงของราชาภูตเวลานี้เริ่มที่จะไม่พอใจ
“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” น้ำเสียงของหนิงเทียนนั้นไม่แยแสใดๆกับคำกล่าวของราชาภูตแม้แต่น้อย
“คุณชายท่านอาจจะต้องตายเพราะนิสัยที่หยิ่งยโสและท่าทางที่โอหังเช่นนี้” น้ำเสียงของมันเย็นเหยียด ตัวมันซึ่งเป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์ภูตทั้งปวง
จะมาถูกมนุษย์เช่นนี้เอาเปรียบได้อย่างไร ภายในใจมันเริ่มคุกกรุ่นไปด้วยโทสะ
ในขณะเดียวกันหนิงเทียนวาดมือเรียกกระบี่พิรุณโปรยออกมา พลางชี้ไปที่หน้าของราชาภูต
“ถ้าไม่ตกลงกับข้อเสนอ ก็ปล่อยข้าออกไป ไม่เช่นนั้นอย่าได้มากล่าวโทษข้า”
“ฮ่าๆ”ราชาภูตหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มนุษย์ตรงหน้ามันกล้าที่จะขู่ราชาเช่นมัน
มนุษย์ผู้นี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่ามันกำลังอยู่ในวงล้อมของกิเลนสวรรค์และราชาภูต ถ้ามันไม่มีความกล้าหาญเทียมฟ้าก็ต้องเป็นพวกที่โง่เง่ามากเท่านั้น
“ถึงแม้ราชาผู้นี้จะให้สัจจะวาจาแก่ท่านหวงตี้ว่าจะคอยช่วยเหลือทายาทของท่านก็จริง
แต่ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ราชาผู้นี้ไม่มีสิทธิ์สั่งสอนมัน ให้เข้าสู่หนทางในการเป็นคนดี" น้ำเสียงของมันเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งดังเช่นครั้งแรกที่มันพบกับหนิงเทียน
“เฒ่าซานเจ้าสั่งสอนผู้สืบทอดของท่านหวงตี้ที่กำลังหลงทางผิดให้กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องเสียหน่อย ราชาผู้นี้เชื่อว่าท่านหวงตี้จะต้องขอบคุณพวกเราแน่ๆ” มันกล่าวกับสหายของมัน
ตัวมันที่มีพลังเพียงแดนมนุษย์ขั้น9นั้น ไม่สามารถที่จะสร้างรอยแผลให้หนิงเทียนได้ด้วยตัวเอง
แต่มันจะต้องไปสนใจอะไร ในเมื่อเวลานี้มีสหายของมันอยู่ ถึงแม้เฒ่าซานจะไม่มีร่างกาย แต่แค่เพียงจิตวิญญาณต่อให้มีหนิงเทียน1000คนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
“เฒ่าซานจัดการมัน เอาแค่เพียงหักกระดูกสักสามซี่ท่อนก็พอ เวลานั้นคุณชายท่านนี้อาจจะตกลงช่วยเหลือพวกเราก็ได้”
มันไม่วายกำชับสหายของมันไม่ให้ลงมือรุนแรงเกินไป ซึ่งถ้าผิดพลาดไป อาจจะนำพาความชิพหายมาสู่พวกมันทั้งคู่ได้
หนิงเทียนนั้นไม่มีได้มีความเกรงกลัวใดๆแม้แต่น้อย แววตาของมันคมดุจเช่นกระบี่ มันมองไปยังกิเลนสวรรค์ที่กำลังก้าวเท้ามาหามันอย่างช้าๆ
“เจ้าชื่อ ซานซัน ใช่หรือไม่”
นี้เป็นครั้งแรกที่หนิงเทียนเรียกชื่อของมันโดยตรง มันหยุดเดินและมองไปยังหนิงเทียน “มนุษย์ตัวน้อยเจ้ายอมช่วยเหลือพวกเรา”
“แน่นอนข้าจะช่วยเจ้า เมื่อข้าก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิ ข้าจะเปิดประตูของวิหารสัจธรรมเพื่อช่วยเจ้า เราสามารถทำสัญญาจิตวิญญาณในเรื่องนี้ได้แน่นอน”
“ฮ่าๆๆ คุณชายถ้าท่านทำเช่นนี้แต่แรก พวกเราคงไม่ต้องผิดใจกัน” น้ำเสียงของราชาภูตเต็มไปด้วยความยินดี
หนิงเทียนไม่ได้ให้ความสนใจเสียงหัวเราะที่น่าเกลียดของมันแม้แต่น้อย มันยังกล่าวต่อไป “เพียงแค่เจ้าไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของข้ากับภูตบัดซบตัวนี้ พวกเราทั้งคู่จะทำสัญญากันทันที”
สิ้นเสียงของหนิงเทียน ราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาถูกกลางศีรษะของราชาภูต ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวในทันที มันตะโกนด้วยถ้อยคำที่ไม่เต็มเสียงนัก
“มนุษย์อย่าได้ฝันว่าพวกเราจะแตกแยกกันเพียงคำพูดของเจ้า” มันหันไปยังสหายของมัน “เฒ่าซานจงสั่งสอนมัน”
“………”
ไม่มีอาการตอบรับจากสหายของมันแม้แต่น้อย
ใบหน้าอันเล็กแหลมของราชาภูตซีดขาวลงทันที“เฒ่าซานเราเป็นเช่นพี่น้อง เจ้าคงไม่ฟังคำของมนุษย์ผู้นี้”
“ถูกต้องแล้ว เฒ่าอู๋พวกเราเป็นเช่นพี่น้องแน่นอน แต่ข้ามาคิดทบทวนแล้ว เฒ่าอู๋ทายาทของท่านหวงตี้จะต้องไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน
อีกทั้งยังเป็นเจ้าที่ขโมยกระบี่เขามาก่อนแค่นั้นยังไม่พอเจ้ายังส่งเขามายังมิติแห่งนี้ด้วย ถ้าจิตวิญญาณของท่านหวงตี้รับรู้เรื่องนี้เกรงว่าท่านจะผิดหวังในตัวพวกเรา”
เวลานี้มันเปลี่ยนเป็นกล่าวเชิงตำหนิไปยังสหายของมัน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความยินดีราวกับมันได้เอาคืนสหายของมันที่คร่าแรกโยนความผิดทั้งหมดมาให้มัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มุมปากของหนิงเทียนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เป็นไปตามที่มันคาดไม่ผิด
ตัวประหลาดพวกนี้ไม่กล้าที่จะลงมือสังหารเขาและด้วยข้อจำกัดนั้น พวกมันไม่มีทางที่จะปฎิเสธคำกล่าวของหนิงเทียนไปได้แน่
อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกมันที่เป็นดั่งข้ารับใช้และผู้สืบทอดนั้นนับว่าหนิงเทียนมีชะตาที่ต้องกลายเป็นพวกเดียวกันไปโดยปริยาย
ถ้าเช่นนั้นแล้วสิ่งที่หนิงเทียนต้องทำก็คือการยื่นข้อเสนอให้ใครสักคนเพื่อที่จะดึงให้มาอยู่ฝ่ายมัน เท่านี้อีกฝ่ายที่มีคนเดียวก็จะต้องยอมรับเงือนไขโดยไร้ซึ่งข้อโต้แย่งใดๆ
เรื่องพวกนี้หนิงเทียนเรียนรู้มาจาก เหลาขันทีและขุนนางในวังที่ชอบใช้ต่อสู้กันในท้องพระโรงเป็นประจำ
“เฒ่าซานเจ้าทรยศข้า” มันกล่าวกับสหายของมันด้วยโทสะ
“เฒ่าอู๋ข้าไม่มีทางทรยศเจ้าแน่นอน แต่ข้าเห็นด้วยกับผู้สืบทอดของท่านหวงตี้ การได้ทำสัญญาจิตวิญญานกับเขาก็ไม่ต่างอะไรกับได้ทำกันท่านหวงตี้แน่นอน”
เวลานี้กิเลนสวรรค์ย้ายข้างอย่างรวดเร็ว มันมองไปยังสหายของมันอย่างมีความสุข
“นี้เจ้า.....” เวลานี้ราชาภูตรู้สึกเหมือนว่าตัวมันถูกทอดทิ้งอยู่คนเดียว
มันครุ่นคิดอย่างหนัก เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ราชาภูตจึงได้ตบปากรับคำอย่างจนใจ
“ตกลงเราจะทำสัญญาจิตวิญญาณกันตามเงือนไขที่ว่า ภักดีและเชื้อฟัง คำสั่งของคุณชายคือประกาศิต และเมื่อใดที่คุณชายบรรลุถึงขั้นจักรพรรดิได้
เมื่อนั้นสัญญาจิตวิญญาณของพวกเราเป็นที่สิ้นสุด” มันกัดฟันถ้วนคำพูดของหนิงเทียนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“นั้นมันสัญญาเมื่อครู่ ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้วข้าต้องการให้เจ้าทำตราประทับสัญญาทาสกับข้า”