ตอนที่ 131+132 พบกับอธิการบดีเวิน
เวินเสวี่ยฮุ่ยและเจียงเหยาเหลือกันอยู่สองคนในห้องพัก เพราะอีก 4 สาวได้แยกย้ายไปห้องเรียนของตนแล้ว
สำหรับตอนนี้เจียงเหยากลายเป็นคนดังอย่างแท้จริงในหมู่นักศึกษาใหม่ ชื่อเสียงของเธออยู่เหนือจางซีชิง ผู้ซึ่งเมื่อชาติก่อนเคยได้รับตำแหน่งตัวแทนนักศึกษาใหม่และเป็นน้องใหม่ที่สวยที่สุด ที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี
เมื่อพวกเขามาถึงห้องเรียน ฝูงชนก็มักจะเข้ามาล้อมเจียงเหยาและเวินเสวี่ยฮุ่ยทันที ส่วนใหญ่จะถามถึงเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ มีคนนำหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมาที่ชั้นเรียนและส่งต่อให้กับเพื่อน ๆ ได้อ่าน
“เจียงเหยาอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ที่หน้าประตู ที่ปรึกษาเคาะประตูและถามคำถามขึ้นทันที แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับเจียงเหยาเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่เขาก็มองเห็นหญิงสาวสองคนที่อยู่ใจกลางกลุ่มคนได้อย่างง่ายดาย เขาจำได้ว่าอีกคนคือลูกสาวของท่านอธิการบดีเวิน ส่วนอีกคนก็คงจะเป็นคนที่เขากำลังตามหา
เธอไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางของกลุ่มคนเท่านั้น แต่ใบหน้าของเธอก็ทำให้จดจำได้ง่ายด้วย นั่นคือเหตุผลที่ที่ปรึกษาสามารถยืนยันว่าเธอคือเจียงเหยาเพียงแค่ชำเลืองมอง
“รุ่นพี่ฉีซาน!” เวินเสวี่ยฮุ่ยลากเจียงเหยาและเดินตรงไปที่ประตู จากนั้นเธอก็ผลักเจียงเหยาไปข้างหน้า “นี่คือคนดังในกลุ่มนักศึกษาใหม่ เจียงเหยา!”
“ท่านอธิการเรียกหาเธอน่ะ” ชางฉีซานยิ้มให้เวินเสวี่ยฮุ่ย แล้วหันมาพูดกับเจียงเหยา เขาถามว่า “ตอนนี้ว่างอยู่รึเปล่า ท่านอธิการเวินรอเธออยู่ที่ห้องทำงานของเขา”
“ว่างค่ะ..” เจียงเหยาพยักหน้า เธอเดาได้ว่าท่านอธิการบดีเวินเรียกหาเธอ ก็คงเพราะข่าวในหนังสือพิมพ์
เมื่อเวินเสวี่ยฮุ่ยได้ยินว่าอธิการบดีเวินเป็นคนเรียกพบ เธอยืนยันว่าจะไปด้วย ชางฉีซานไม่ได้หยุดเธอ ทั้งสามจึงออกจากห้องและเดินไปที่ห้องทำงานของอธิการบดีพร้อมกัน
มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียงมีขนาดใหญ่มาก พวกเขาทั้งสามใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการเดินจากอาหารเรียนไปยังตึกอำนวยการ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแล้วก็ตาม
“ท่านอธิการเวินครับ เจียงเหยาและเวินเสวี่ยฮุ่ยมาถึงแล้วครับ” ที่ปรึกษาเคาะประตูแล้วพาทั้งสองคนเข้าไปข้างใน หลังจากได้รับอนุญาตจากท่านอธิการบดี
“พ่อคะ!”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านอธิการบดีเวิน!”
เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาในห้อง เวินเสวี่ยฮุ่ยก็กระโจนไปข้างหน้าและตะโกนว่า “พ่อคะ!” ในขณะที่เจียงเหยายืนนิ่ง ๆ อยู่ข้างที่ปรึกษาและทักทายอธิการบดีเวินอย่างเป็นทางการ จากนั้นทั้งสามก็รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ในสำนักงานด้วย พวกเขามองไปที่นามบัตรที่ห้อยอยู่ที่คอของบุคคลนั้น และพบว่าเขาเป็นนักข่าวจากหนานเจียงมอนิ่งโพสต์
“ดูสิ อายุเท่าไหร่แล้ว ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย” เมื่อเห็นว่ามีคนอื่นอยู่รอบ ๆ อธิการบดีเวินจึงแสร้งทำเป็นตำหนิเวินเสวี่ยฮุ่ยและขอให้เธอยืนให้ดี ๆ ลูกสาวของเขามักจะทำตัวเป็นเด็กจนเสียนิสัยทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขา ในขณะที่อธิการบดีพูดกับลูกสาว ทว่าสายตายังคงให้ความสนใจไปที่เจียงเหยาอยู่เสมอ
ตามจริงแล้ว นั่นคือความประทับใจแรกของท่านอธิการบดีเวินที่มีต่อเจียงเหยา เธอได้ลงหนังสือพิมพ์ ไม่เพียงแต่เธอกลายเป็นนักศึกษาใหม่ที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แม้กระทั่งผู้คนในเมืองเจียงหนานก็ยังพูดถึงเธอด้วย แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้อง เธอไม่ได้แสดงท่าทีหยิ่งผยองแต่อย่างใดเลย แถมเธอยังทักทายเขาด้วยความสุภาพหลังจากที่เข้ามาในห้องและยืนนิ่งข้าง ๆ ที่ปรึกษาอย่างเชื่อฟัง นอกจากนี้เธอไม่ได้มองไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กที่สุภาพ
“พ่อคะ นี่เจียงเหยา เธอนอนเตียงเดียวกับหนู เธอนอนอยู่ชั้นล่างค่ะ เธอสวยกว่าในหนังสือพิมพ์อีกใช่ไหมล่ะคะ?” เวินเสวี่ยฮุ่ยไม่รู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียวที่ถูกตำหนิ เพราะเธอเข้าใจเจตนาของพ่อเธอดี เธอปล่อยมือที่โอบแขนของพ่อและกลับมายืนอยู่ข้างเจียงเหยา
“หนูได้ยินมาว่ามีรางวัลนักศึกษาใหม่ที่สวยที่สุดอยู่ด้วยนี่ค่ะ ในความคิดหนูนะ เจียงเหยาดูดีกว่า... ไม่ว่าใครก็ตาม”
อธิการบดีเวินรู้ว่าเวินเสวี่ยฮุ่ยหมายถึงจางซีชิง ทั้งเวินเสวี่ยฮุ่ยและจางซีชิงไม่เคยนั่งคุยกันด้วยดีตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก และบางทีพวกเขาอาจจะเกิดมาเพื่อเกลียดชังกันก็เป็นได้ นั่นคือเหตุผลที่เวินเสวี่ยฮุ่ยไม่เคยปกปิดความไม่พอใจของเธอที่มีต่อจางซีชิงต่อหน้าครอบครัวของเธอเลย
__
“ใช่ ใช่ เธอสวย จะมีนักศึกษาคนไหนในมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียงของเราไม่สวย ไม่น่ารักบ้างเล่า” อธิการบดีเวินช่างรู้จักพูดเสียจริง เขาไม่เพียงแต่ยกย่องเจียงเหยาต่อหน้านักข่าว อีกทั้งไม่ทำลายภาพลักษณ์ของลูกสาวตระกูลจางด้วย “เจียงเหยา นักข่าวท่านนี้มาจากหนานเจียงมอนิ่งโพสต์ คุณเหอเหมาหมิง เธอคงได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์หนานเจียงมอนิ่งโพสต์แล้วใช่ไหม เป็นเขาเองที่รายงานข่าวของเธอ”
เจียงเหยาจำเขาได้ เมื่อเธอเห็นบัตรนักข่าวที่ติดบนหน้าอกของเขา เพราะชื่อ เหอเหมาหมิงถูกเขียนไว้ด้านล่างในการรายงานข่าวด้วย
“ที่เรียกมาวันนี้ก็คือ คุณนักข่าวเขาต้องการสัมภาษณ์พิเศษเธอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน” อธิการบดีเวินแนะนำให้เหอเหมาหมิงรู้จักกับเจียงเหยา
เหอเหมาหมิงเดินเข้าไปหาเจียงเหยาพร้อมกับยืนมือออกไป “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเจียง ผมไม่แน่ใจว่าคุณได้สังเกตเห็นผมเมื่อวันนั้นหรือเปล่า แต่ผมอยู่ในที่เกิดเหตุ ผมชื่นชมวิธีที่คุณช่วยชีวิตเมื่อวาน คุณเจียง นั่นคือเหตุผลที่ผมเขียนรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้และอัปรูปขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ คุณเจียง ผมหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ”
“ฉันไม่ถือค่ะ” เจียงเหยายิ้ม เธอโด่งดังก็เพราะเหอเหมาหมิง แม้แต่แอดมินของระบบของเธอยังตื่นเต้นเสียมากมายขนาดนั้น
“ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันควรทำค่ะ คุณยกย่องฉันมากเกินไปแล้ว คุณเหอ” เจียงเหยารู้ว่าเธอจำเป็นต้องถ่อมตัว
อธิการบดีเวินได้ยินเช่นนั้น ทำให้เขายิ่งชื่นชอบเจียงเหยามากขึ้น เขายังคงชื่นชมเธออยู่ในใจ โดยบอกว่าเธอคงมั่นคงและถ่อมตัวได้ หลังจากที่ได้รับคำชื่นชมจากผู้อื่น
เช่นเดียวกับอธิการบดีเวิน หลังจากที่เหอเหมาหมิงได้รู้จักกับเจียงเหยาอย่างเป็นทางการในวันนี้ เขาตระหนักว่าเจียงเหยา เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ท่าทางสงบนิ่งและดูฉลาดจริง ๆ น่าตกใจมากตอนที่ท่านอธิการบดีบอกว่าเธออายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น
เธอเป็นนักศึกษาอายุเพียงสิบเก้าปีที่เพิ่งจบจากโรงเรียนมัธยมปลาย ยังไม่คุ้นเคยกับการเข้าสังคม เหอเหมาหมิงเป็นนักข่าวมาแล้วห้าหรือหกปี ตลอดหลายปีในการทำงาน เขาได้สัมภาษณ์ผู้คนนับไม่ถ้วน หลาย ๆ คนอายุราว ๆ เจียงเหยา
เหอเหมาหมิงจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยสัมภาษณ์นักเรียนคนหนึ่งที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมในการสอบวัดระดับท้องถิ่นของเมืองหนานจิง เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อตอนที่เขาไปสัมภาษณ์เธอถึงบ้าน เขาพบว่าเด็กคนนั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ในขณะที่ต้องรับมือกับนักข่าวอย่างเขา ทัศนคติของครอบครัวก็น่าเป็นห่วง รวมทั้งนักเรียนคนนั้นด้วย
ตั้งแต่ตอนที่เขาก้าวเข้าไปในบ้านของนักเรียนคนนั้น กระทั่งออกมาจากบ้าน ไม่มีใครเสิร์ฟน้ำให้เขาเลยสักแก้ว เมื่อนักเรียนคนนั้นรู้สึกกระหายน้ำในช่วงการสัมภาษณ์ครึ่งหลัง เธอตะโกนใส่แม่ของเธอ เหมือนปฏิบัติกับคนรับใช้ และเรียกร้องให้แม่เธอนำน้ำผลไม้มาเสิร์ฟให้หนึ่งแก้ว เขาไม่พบความเคารพต่อแม่ของเธอเอง จากคำพูดของเธอเลย หลังจากสิ้นสุดการสัมภาษณ์ เธอไม่ได้ส่งเขาออกจากบ้านอย่างสุภาพหรือพูดขอบคุณเขาเลยสักคำ
ในระหว่างการสัมภาษณ์ สมาชิกในครอบครัวของนักเรียนได้ยืนยันกับเขาว่าพวกเขาจะส่งเธอไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดและเธอจะเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม เหอเหมาหมิงได้รับข่าวว่าหญิงสาวเป็นคนจู้จี้จุกจิกกับงานของเธอหลังจากสำเร็จการศึกษาและไม่เคยทำงานเลย
ดังนั้นจึงมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผู้คนเมื่อคุณเปรียบเทียบพวกเขา บางคนเป็นมนุษย์ที่แท้จริงทั้งภายนอกและภายใน บางคนเป็นเพียงสัตว์ที่โหดเหี้ยมที่สวมผิวหนังของมนุษย์
“อ้อใช่ น่าจะมีคนมาถึงเร็ว ๆ นี้” เหอเหมาหมิงยิ้ม เขาไม่ได้ซ่อนความชื่นชมต่อเจียงเหยา จากการแสดงออกทางสีหน้าของเขาเลย เขามองดูนาฬิกาและอธิบายว่า “เมื่อวานทางผู้จัดการซุนจากร้านอาหารในวันนั้น จะมาที่นี่เพื่อขอบคุณคุณเจียงเป็นการส่วนตัวด้วยครับ”