1133-1134
Ep.1133
ซูเฉินหรี่ตา กวาดมองไปรอบๆ นำ [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา และกล่าวว่า “เสี่ยวจือ ตรวจสอบบริเวณนี้ให้ที”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ค้นหาอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจต่อมา มันตอบว่า “เจ้านาย บนเกาะใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป 1,000 กิโลเมตรจากกลุ่มอุกกาบาตนี้ มีชาวต่างเผ่าหลายหมื่นตนกำลังต่อสู้กันอยู่”
ได้ยินแบบนั้น หัวใจของซูเฉินเต้นแรง
ในเขตแดนมู่กวง ชาวต่างเผ่าที่สู้กันเอง ย่อมเป็นเผ่าชิงเหอกับเผ่าหงโม่อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อคิดได้ถึงเรื่องนี้ เขาสั่งต่อไปว่า “เสี่ยวจือ ตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขา”
ไม่นาน [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ตอบกลับว่า “เจ้านาย ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือขอบเขตเทพเจ้าสามดาราจำนวนสองคน นอกเหนือจากนั้น ยังมีขอบเขตเทพเจ้าหนึ่งดาราและสองดาราอีกหลายสิบคน”
ขอบเขตเทพเจ้าสามดารา ?
สีหน้าของซูเฉินกระชับขึ้น ก่อนหน้านี้ เขาได้รู้จากปากวิญญาณประดิษฐ์ ว่าเผ่าชิงเหอและเผ่าหงโม่ต่างมีผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าระดับสามดารา อย่างละคน
นั่นหมายความว่า บนเกาะแห่งนั้น อาจกำลังเกิดศึกขั้นเด็ดขาดระหว่างสองเผ่า
กระนั้น กำลังรบระหว่างทั้งสอง เผ่าใดแกร่งกว่าและด้อยกว่า ยังไม่ทราบแน่ชัด
ซูเฉินคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เสี่ยวจือ เปลี่ยนเป็นฟังก์ชั่นการบิน และถ่ายภาพโอนขึ้นหน้าจอ”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ขยายขนาดเป็นหลายสิบเมตรอย่างรวดเร็ว เปิดประตูให้ซูเฉินก้าวขึ้นไป พร้อมถ่ายโอนภาพขึ้นหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เห็นแค่เพียงบนเกาะใหญ่กลางอวกาศ กำลังปรากฏฉากการต่อสู้ฆ่าฟันกันระหว่างชาวต่างเผ่า ฐานฝึกตนขั้นต่ำสุดชาวต่างเผ่าเหล่านั้นคือระดับเทวะ ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้จึงดำเนินไปอย่างโหดร้ายรุนแรงมาก บางจังหวะก็มีร่างของบางคนถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้เห็น ตายลงทั้งๆอย่างนั้น
ซูเฉินสังเกตรูปลักษณ์ของกองทัพจากแต่ละฝ่าย ฝ่ายแรกสูงประมาณสองเมตร มีผิวสีแดงเข้ม ส่วนอีกฝ่ายเป็นชาวต่างเผ่าที่มีผิวสีเขียว สองหูค่อนข้างยาวและเรียว
เวลานี้ฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบคือชาวเผ่าผิวสีเขียว พวกเขากำลังถูกกดดันอยู่ฝ่ายเดียว
เนื่องจากไม่เคยเห็นเผ่าชิงเหอและเผ่าหงโม่มาก่อน ซูเฉินเลยยังไม่สามารถระบุว่าใครคือใครได้ ณ ขณะนี้
หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง เขาหันมาพูดกับภูเขาห้าสีในมือ “ผู้อาวุโส รบกวนดูบนหน้าจอให้หน่อย ฝ่ายไหนคือเผ่าชิงเหอ?”
ภูเขาห้าสีทอประกายระยับ ปรากฏคู่ดวงตาดั่งระฆังทองแดงโผล่ออกมา เหลือบมองไปทางหน้าจอควบคุมส่วนกลาง เอ่ยตอบว่า “ซูเฉิน ฝ่ายที่มีผิวสีเขียวคือเผ่าชิงเหอ”
“งั้นก็หมายความว่าเผ่าชิงเหอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย”
ดวงตาของซูเฉินฉายแววครุ่นคิด เนื่องจากเผ่าชิงเหอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ถูกกดดัน งั้นถ้าเขาเข้าไปช่วย ก็จะเหมือนกับการมอบถ่านหินเติมเชื้อไฟให้พวกเขาท่ามกลางหิมะ
และหลังจากปราบพวกเผ่าหงโม่ได้แล้ว เขาก็จะได้เอ่ยขอผลึกหลวนฉิงจากเผ่าชิงเหอมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
“ซูเฉิน ประมุขเผ่าชิงเหอกำลังตกอยู่ในอันตราย!” วิญญาณประดิษฐ์ พลันร้องเตือนขึ้น
ซูเฉินรีบเหลียวมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง เห็นแค่เพียงชายชราคนหนึ่งของเผ่าชิงเหอที่เต็มไปด้วยหงอกขาว ถูกบุรุษร่างกำยำดั่งขุนเขาจากเผ่าหงโม่ฟันล้มลงในดาบเดียว
อานุภาพของดาบลุกลามลงมาถึงพื้นเกาะ ก่อผลกระทบรุนแรง บริเวณหนึ่งถูกทำลายแหลกเป็นเสี่ยงๆ ก่อคลื่นกระแทกกวาดไปทั่ว
อีกทั้งยังส่งผลพวงไปถึงนักรบเผ่าชิงเหออีกหลายร้อยคน ทั้งหมดระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังจากตกถึงพื้น จางเฉิงคุนกระอักเลือดเป็นสายออกจากปาก ใบหน้าซีดขาว เขาถูกโจมตีอย่างร้ายแรง เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ขอบเขตเทพเจ้าสามดาราของเผ่าหงโม่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียว?”
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะฝั่งเผ่าชิงเหอที่กำลังสู้กับเขาอยู่ก็เป็นขอบเขตเทพเจ้า สามดาราเช่นกัน แต่จางเฉิงคุนโดนเข้าไปทีเดียว กลับแทบสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ที่มีทั้งหมดไป บ่งบอกถึงกำลังรบที่ห่างชั้นกัน
วิญญาณประดิษฐ์ ร้องเตือนว่า “จางเฉิงคุนจากเผ่าชิงเหอกับผางฮุ่ยจากเผ่าหงโม่เดิมมีกำลังรบทัดเทียมกัน แต่เหตุผลที่ฝ่ายแรกแพ้ เป็นไปได้สูงว่าเป็นเพราะดาบของผางฮุ่ยคือสิ่งประดิษฐ์เทพเจ้าขั้นสูง!”
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินพยักหน้าเห็นด้วย อำนาจของสิ่งประดิษฐ์เทพเจ้ายิ่งใหญ่มาก เขาเคยเห็นมันกับตามาแล้ว
หากผางฮุ่ยมีสิ่งประดิษฐ์เทพเจ้าขั้นสูงจริงๆ การที่เขาสามารถโค่นจางเฉิงคุน โจมตีเพียงครั้งเดียวมอบบาดแผลสาหัส ก็สมเหตุสมผลแล้ว
Ep.1134
ซูเฉินไม่ต้องการให้เผ่าชิงเหอพ่ายแพ้ เขาไม่คิดยืนดูจางเฉิงคุนถูกฆ่าตาย ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] โดยตรง “เสี่ยวจือ พุ่งเข้าไปขวางพวกเขา”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ระเบิดความเร็วเต็มพิกัด พุ่งฝ่ากลุ่มอุกกาบาตตรงเข้าหาเกาะใหญ่
ปัจจุบันมันมาถึงรูปแบบที่ 20 แล้ว สามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสุดขีด ระยะ 1,000 กิโลเมตรก็แค่พริบตาเดียว
จู่ๆก็มียานอวกาศสีเงินปรากฏขึ้น กองทัพเผ่าชิงเหอกับเผ่าหงโม่ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นซูเฉินเปิดประตูก้าวออกจากรถ ทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่
ในเขตแดนมู่กวง มีเพียงพวกเขาสองเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่มองจากรูปลักษณ์ของซูเฉิน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนนอก
“เจ้าหนู เจ้ามาจากเขตแดนอะไร? แล้วทำไมถึงมาที่นี่?”
ผองฮุ่ยจ้องซูเฉินเขม็ง เอ่ยเสียงเย็นยะเยือก
เนื่องจากซูเฉินปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าออกมา เขาจึงระมัดระวัง ไม่ลงมือในทันที
“ฉันมาจากเผ่ามนุษย์แห่งเขตแดนเจินหวน จุดประสงค์การมาก็ง่ายมาก นั่นคือให้ความร่วมมือ!”
ภายใต้การจับจ้องของเหล่าผู้แข็งแกร่ง ใบหน้าของซูเฉินนิ่งสงบไม่หวั่นไหว เอ่ยอย่างใจเย็น
เขตแดนเจินหวน ?
ชาวเผ่าชิงเหอและชาวเผ่าหงโม่ต่างมีท่าทีแปลกไป
พวกเขาพอรู้เรื่องของเขตแดนเจินหวนมาบ้างเหมือนกัน ได้ยินว่ามันเป็นเขตแดนระดับต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมหาศึกเมื่อหมื่นปีก่อน ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าล่วงลับกันเกือบหมดสิ้น
มีข่าวลือว่า เผ่าพันธุ์นับหมื่นในเขตแดนเจินหวน มีขอบเขตเทพเจ้าเหลืออยู่แค่สองถึงสามคนเท่านั้น
อาจกล่าวได้เลย ว่าขอบเขตเทพเจ้าในเขตแดนเจินหวนจากไปแทบไม่มีหลงเหลือแล้ว
เมื่อเป็นแบบนั้น แล้วเหตุใดขอบเขตเทพเจ้าจากเผ่ามนุษย์เบื้องหน้า ถึงกล้าย่างกรายเข้ามาในเขตแดนมู่กวง ? ไม่กลัวว่าจะถูกฆ่าตายเอาหรอ?
ผางฮุ่ยลอบประเมินซูเฉินอีกครั้ง กล่าวด้วยความสนอกสนใจว่า “เจ้าหนู ลองว่ามาสิเจ้าจะร่วมมืออะไรยังไง”
“เป้าหมายที่จะให้ความร่วมมือไม่ใช่แก” ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง จากนั้นหันไปมองจางเฉิงคุน กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หัวหน้าเผ่าจาง ผมต้องการร่วมมือกับเผ่าชิงเหอของคุณ ช่วยกำจัดเผ่าหงโม่ให้หมดไป ไม่ทราบว่าคุณคิดว่ายังไง?”
ว่าไงนะ?
กำจัดเผ่าหงโม่ให้หมดไป?
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา
รอบด้านเงียบงันลงในคราเดียว ทุกคนต่างเหม่อมองมายังซูเฉินอย่างตะลึงลาน สีหน้าท่าทีต่างแสดงออกถึงความซับซ้อน
พิจารณาจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของซูเฉิน มันแข็งแกร่งกว่าขอบเขตเทพเจ้าหนึ่งดาราไม่น้อยก็จริง แต่ยังไม่ถึงขั้นสองดาราอย่างแน่นอน
ด้วยกำลังรบเพียงเท่านี้ เรื่องที่เอ่ยว่าจะกำจัดเผ่าหงโม่ ช่างเป็นวาจาเหลวไหล ไร้สาระสิ้นดี!
จางเฉิงคุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เผยรอยยิ้มขม “สหายเผ่ามนุษย์ ข้าเองก็อยากร่วมมือกับเจ้าแต่ถ้าต้องการกำจัดเผ่าหงโม่ เกรงว่าจะทำไม่ได้”
หากซูเฉินคือตัวตนระดับขอบเขตเทพเจ้าสามดารา บางทีอาจมีความหวังอยู่บ้าง แต่ประเด็นก็คือซูเฉินไม่ได้เป็นแม้กระทั่ง ขอบเขตเทพเจ้าสองดารา ยามอยู่ต่อหน้าผางฮุ่ยจึงไม่ต่างอะไรจากมดปลวก
แล้วการให้ความร่วมมือจะมีประโยชน์อะไร?
ยังไงก็ตาม การที่ซูเฉินตัดสินใจช่วยเหลือเขา ทำให้จางเฉิงคุนไม่อาจใช้วาจาที่รุนแรงเกินไปได้
“หัวหน้าเผ่าจางอาจยังไม่รู้จักความแข็งแกร่งของผม อันที่จริงแล้ว ถ้าให้กำจัดขอบเขตเทพเจ้าสามดารา ผมค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถทำได้”
ซูเฉินยกนิ้วชี้ขึ้นถูจมูกเขา กล่าวอย่างสงบใจเย็น
“...”
จางเฉิงคุนตะลึงงัน ขอบเขตเทพเจ้าหนึ่งดาราบอกว่ามั่นใจว่าสามารถสังหาร สาดาราได้อย่างงั้นหรือ?
ชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ใช่เสียสติไปแล้วกระมัง?
“ฮะ ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ชาวเผ่าหงโม่พากันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
เดิมที พวกเขานึกว่าซูเฉินเป็นแค่คนจองหองไม่เคยเห็นโลกกว้าง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแค่คนโง่จริงๆ
ขอบเขตเทพเจ้าหนึ่งดารา ต้องการจะฆ่าขอบเขตเทพเจ้าสามดารา ความคิดนี้ช่างบ้าคลั่งอย่างสุดขั้ว!
“เจ้าหนู เจ้าก็น่าสนใจดีอยู่หรอกนะ แต่เจ้าดันทำให้ข้าโกรธซะแล้วเนี่ยสิ และเพื่อชดใช้ในเรื่องนี้ ข้าจะทำให้เจ้าสำนึกเสียใจที่ได้เกิดมา!”
ผางฮุ่ยหยุดหัวเราะ ใบหน้าเขาปกคลุมไปด้วยความเย็นชา
สิ้นเสียงก็หันไปส่งสายตาให้ชาวหงโม่ในระดับขอบเขตเทพเจ้าสองดาราที่อยู่ข้างๆ