บทที่ 6 ป๊ะป๋าไม่ต้องการหนู
“ป๊ะป๋าไม่ต้องการหนูแล้ว หวู…” ซูจิ่วร้องไห้สะอึกสะอื้น และน้ำตาเม็ดใหญ่ก็ร่วงหล่นออกมาจากดวงตาคู่งาม
เมื่อเธอพูดชื่อสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า ซูเชิ่งจิ่งก็บังคับตัวเองไม่ให้หันไปดูเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ และหลังจากตรวจสอบที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือแล้ว เขาก็อุ้มเธอขึ้นและเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินตรงหน้า ที่ตอนนี้เป็นเวลาตีห้า ซึ่งทันเวลารถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกพอดี
ระหว่างทางไปสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า ซูจิ่วไม่ได้ร้องไห้หรือเกลี้ยกล่อมเขา เธอแค่โอบรอบคอของซูเชิ่งจิ่ง และฝังใบหน้าเล็กๆของเธอไว้ที่บริเวณคอของเขา ซึ่งทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยกันแม้แต่น้อย เธอทำเพียงสูดดมกลิ่นของซูเชิ่งจิ่งเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เมื่อเห็นเธอทำจมูกเหมือนลูกสุนัขติดแม่* ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เธอกําลังทําอะไรอยู่?”
(小奶狗 ลูกสุนัขติดแม่ ลูกหมาไม่หย่านม ลูกหมาน้อย สำนวนจีน ปกติหมายถึง เด็กหนุ่มวัยอ่อนอายุประมาณ 20 ปี หน้าตาดี อ่อนโยนน่ารัก เชื่อฟังฝึกง่าย)
ซูจิ่วกระพริบตาปริบๆมองเขาด้วยดวงตาสีแดงโต และพูดอย่างเศร้าๆ “หนูแค่อยากจํากลิ่นของป๊ะป๋าไว้”
ซูเชิ่งจิ่ง "...."
ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกหัวใจสั่นอย่างกะทันหัน
เด็กหญิงตัวน้อยฝังใบหน้าของเธอไว้ที่คอของเขาอีกครั้ง และคร่ำครวญ “ป๊ะป๋าจะเอาเสี่ยวจิ่วไปส่งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า อีกหน่อยป๊ะป๋าก็จะไม่มาดูเสี่ยวจิ่วใช่ไหม? ยังไงก็ตามเสี่ยวจิ่วไม่อยากลืมป๊ะป๋า ดังนั้น เสี่ยวจิ่วต้องจํารูปร่างหน้าตาและกลิ่นของป๊ะป๋าเอาไว้”
## เรื่องใหม่มาแล้ว รับรองสนุกไม่แพ้ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ
เมื่อได้ยินคำของเด็กน้อยซูเชิ่งจิ่งก็ตกตะลึง และทันใดนั้น ภายในก้นบึ้งของหัวใจ ก็ปรากฎร่องรอยของความขมขื่นขึ้นมา
ไม่ เขาไม่สามารถเป็นคนใจอ่อนได้ ซึ่งการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องเล่นสนุก การเลี้ยงลูกต้องใช้เวลาหลายปี แล้วเขาจะรับปัญหาแบบนี้ได้อย่างไร
ซูเชิ่งจิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาทําได้เพียงหันหน้าไปมองทางอื่นแทน
ซูจิ่ว "...."
ดูเหมือนว่าพลังไฟจะยังไม่เพียงพอ!
หลังจากมาถึงสถานีแล้ว ซูเชิ่งจิ่งก็ลงจากรถไฟใต้ดินพร้อมกับซูจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา และก็พบสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าระหว่างทาง เขาจึงเดินไปที่ประตูและวางเธอลง “เข้าไปข้างในสิ”
ซูจิ่วไม่ขยับ และหันมาพูดกับเขาด้วยใบหน้าเล็กๆว่า “ป๊ะป๋า ขอหนูรอสักครู่ก่อนแล้วค่อยเข้าไปได้ไหม”
"...."
“ป๊ะป๋า กอดเสี่ยวจิ่วอีกครั้งได้ไหม?” ซูจิ่วขออีกข้อหนึ่ง
“โอเค” นี่ไม่ใช่คําขอที่มากเกินไป ซูเชิ่งจิ่งจึงย่อตัวลงมา แล้วเอื้อมมือออกไปกอดเธอ
เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยมองมาที่ตัวเองด้วยน้ำตา ซูเชิ่งจิ่งก็มีความรู้สึกผิดอย่างมาก ราวกับว่าเขาทําอะไรบางอย่างที่ผิดต่อเธอ
เขาเม้มปากและปลอบอย่างตรงไปตรงมา “ที่จริงแล้วการส่งเธอกลับมาก็เพื่อตัวเธอเอง เพราะฉันเลี้ยงดูเธอไม่ได้จริงๆ และถ้ามาอยู่กับฉัน เธอไม่มีทางมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าถ้าฉันมีเวลาว่างก็จะมาดูเธอ และถ้าฉันมีเงินก็จะส่งให้เธอด้วย ฉะนั้น เธอต้องอยู่ที่นี่ ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี”
ซูจิ่วก้มศีรษะลง เธอเบ้ปากแล้วกระซิบด้วยปากเล็กๆ “...ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีป๊ะป๋า”
เธอจับมือเขาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “ป๊ะป๋า เสี่ยวจิ่วจะอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ป๊ะป๋าจะมาหาหนูใช่ไหม?”
“อือ ฉันรับปากเธอ”
ถึงซูเชิ่งจิ่งจะพูดอย่างนั้น แต่ซูจิ่วก็ยังคงจับมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อย และร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
เด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้ร้องไห้เสียงดัง เธอเพียงแค่ร้องไห้เบาๆ เหมือนสัตว์ตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งดูน่าสงสารมาก
ความเปรี้ยวภายในหัวใจของซูเชิ่งจิ่งรุนแรงขึ้นมาก และเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
ซูจิ่วแอบสังเกตสีหน้าของผู้ชายตรงหน้าด้วยหางตา และเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาแข็งทื่อ อีกทั้งยังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่จากไปไหน เธอก็รับรู้ได้ว่าเขาเริ่มรู้สึกสั่นคลอนแล้ว
ดูเหมือนว่ากระบวนท่านี้จะใช้ได้ผล!
ซูจิ่วพยายามอย่างไม่ลดละ เธอเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาตัวเอง จากนั้นก็ปล่อยมือเขาและพูดอย่างเชื่อฟัง “ป๊ะป๋าไปเถอะ เสี่ยวจิ่วจะคิดป๊ะป๋า”
ซูเชิ่งจิ่งกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และเตือนตัวเองว่าอย่าได้ใจอ่อน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันกําลังจะไป ส่วนเธอก็รีบเข้าไปได้แล้ว”
“หนูยังไม่ไป” ซูจิ่วส่ายหน้า และเริ่มขอบตาแดงอีกครั้ง “หนูอยากดูป๊ะป๋าไปก่อน เมื่อป๊ะป๋าไปแล้ว เสี่ยวจิ่วถึงจะเข้าไป”