บทที่ 3 เด็กพิการทางสติปัญญาซูจิ่ว
"หนู…… ฉันขอบอกหนูว่าฉันไม่มีผู้หญิง และก็ไม่มีลูกด้วย เธอมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อย่าหวังว่าจะหาเงินจากฉันได้“ชูเชิ่งจิ่งเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง” กลับไปบอกผู้สมรู้ร่วมคิดกับหนูว่าการใช้เด็กก่ออาชญากรรมถือเป็นบาปร้ายแรงมาก ขอแนะนำให้หนูเปลี่ยนแปลงตัวเองจะได้พบฟากฝั่ง ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ"
ซูจิ่วน้ำตาคลอ "หนูไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดและไม่ใช่นักต้มตุ๋น ป๊ะป๋าเป็นป๊ะป๋าหนูจริงๆ"
ซูเชิ่งจิ่งมองไปรอบๆอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาไม่พบผู้สมรู้ร่วมคิด เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นเพียงเด็กหลงทาง ที่มีปัญหาทางสมองอยู่บ้าง?
ซูเชิ่งจิ่งเคยเห็นข่าวบางอย่าง เด็กพิการทางสมองบางประเภทที่เดินเตร่อยู่บนถนนจะโดนแก๊งขอทานจับและทำให้พิการแล้วโยนทิ้งไปบนถนนเพื่อขอทาน...แค่คิดก็หนาวแล้ว
"เด็กพิการทางสติปัญญา" ซูจิ่วกอดต้นขาเขาแล้วร้องไห้ต่อไป "ป๊ะป๋า หนูหาป๊ะป๋ายากมากเลยนะ ป๊ะป๋าอย่าหนูเลย เสี่ยวจิ่วมีป๊ะป๋าเป็นญาติเพียงคนเดียวนะ"
ซูเชิ่งจิ่งหายใจเย็นเยียบเข้าลึกๆ ให้ตายสิ ตัวเองเจอเด็กพิการทางสมองจริงๆ ที่ไม่รู้ว่าพ่อของตนเองเป็นใคร
ไม่มีทาง เขาสามารถพาซูจิ่วไปที่สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงได้เท่านั้น
มีคนรู้จักซูเชิ่งจิ่ง เขากระซิบกระซาบกัน "ดูสิ นี่ไม่ใช่ซูเชิ่งจิ่งเหรอ ว่ากันว่าเขาเป็นสวะ น่าขยะแขยงแค่ไหน"
"ถูกแล้ว เขาตกเป็นข่าวซุบซิบเยอะแยะ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คน เมื่อหลายปีก่อนเขามีข่าวอื้อฉาวว่าเขาเคยเล่นกับคนหลายคนไม่ใช่เหรอ อื้อ น่าขยะแขยงชะมัด ต่อมาดูเหมือนว่าเขาจะถูกแจ้งความจากคนชื่อนางสาวอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็เพี้ยนไปอย่างรวดเร็ว และบริษัทก็เลยบอกเลิกสัญญากับเค้า จ่ายเสียค่าเสียหายหลายสิบล้าน หลังจากนั้นเขาก็ถอนตัวออกจากวงการ..."
"ฮึ! ไอ้ขยะแบบนี้สมควรโดนหลอก"
ซูจิ่วหูตั้ง เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา เธอโต้กลับ "ป๊ะป๋าไม่ใช่คนแบบนั้น และพวกคุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดแบบนั้น พวกคุณพูดจาไม่ดีลับหลังถือเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพ"
ซูเชิ่งจิ่งอึ้งไป เขาก้มหน้ามองลงไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังโกรธ
โดยไม่มีเหตุผล หัวใจเขาพลันอบอุ่นขึ้นมาทันใด
ตั้งแต่สิ่งที่เรียกว่า "ข่าวคราวด้านมืด" ถูกปล่อยออกมา เขาก็กลายเป็นหนูข้ามถนน แล้วผู้คนจะตะโกนไล่และด่าว่าเมื่อเห็นไหม? เขาเคยได้ยินได้ฟังสิ่งเลวร้ายทั้งหมดมาแล้ว แต่เขาก็ยังได้รับความอบอุ่นอ่อนโยนจากความรักของคนอีกครั้ง
เด็กน้อยคนนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่เคียงข้างและพูดแทนเขา…
เมื่อถูกเด็กสั่งสอน พวกเขารู้สึกละอายใจและหยุดพูดทันที
ซูเชิ่งจิ่งจูงซูจิ่วเข้าไปข้างใน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้อนรับเขา "มีอะไรงั้นเหรอ?"
ซูเชิ่งจิ่งมองไปที่ซูจิ่ว พูดกับตำรวจว่า "เด็กคนนี้มีปัญหาทางสมอง เธอเรียกผมว่าป๊ะป๋า ผมไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ ไม่มีหนทางที่จะส่งเธอคืน คงต้องรบกวนคุณแล้ว"
## ติดตามเรื่องราวของเด็กหญิงตัวเล็กได้ที่ thai-novel.com หรือ mynovel.co ได้เลยนะคะ
"หนูบอกแล้ว ป๊ะป๋าเป็นป๊ะป๋าหนู"
เห็นเด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดความสับสนเล็กน้อยและถามอย่างไม่แน่ใจ "เอ่อ...ซูเชิ่งจิ่ง เธอเป็นลูกสาวของคุณหรือเปล่า"
"ไม่ใช่ เธอไม่ใช่ เธอมาที่นี่เพื่อรีดไถเงิน" ซูเชิ่งจิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ตำรวจ "..."
เด็กหญิงตัวน้อยคงไม่แตะเครื่องเคลือบ*ของสวะอย่างนายหรอกใช่ไหม แล้วนายล่ะ นายเคยท่อง ABC ในใจบ้างไหม?
(碰瓷 แตะเครื่องเคลือบ สำนวนจีน ความหมายเดิมมาจากการที่อันธพาลจงใจใช้เครื่องเคลือบลายครามตีคนและเครื่องเคลือบก็แตกหัก และก็ใช้ความเสียหายนี้แบล็กเมล์คน ดังนั้นการกระทำที่มีเจตนาที่จะแบล็กเมล์จึงถูกเรียกว่า แตะเครื่องเคลือบ)
"หนูไม่ได้แตะเครื่องเคลือบ ป๊ะป๋าเป็นป๊ะป๋าหนูจริงๆ"
เด็กหญิงตัวน้อยมองหน้าซูเชิ่งจิ่ง เธอมองตรงเข้าไปในดวงตาเขาโดยไม่หลบเลี่ยง ทำให้ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกผิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอแนะว่า "คุณทำการตรวจ DNA กับเธอดีไหม ผมเห็นว่าหน้าเธอเหมือนคุณ ตากับจมูก...เหมือนแกะสลักออกมาจากพิมพ์เดียวกับคุณเลย"