ตอนที่ 27 ซอมบี้ในอาคารที่อยู่อาศัย(อ่านฟรี)
ตอนที่ 27 ซอมบี้ในอาคารที่อยู่อาศัย
“ที่พักที่เป็นอาคารแถวสามชั้น น่าจะมีพื้นที่ไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่น่าจะเป็นห้องแบ่งและอาคารเก่าแบบนี้มักจะไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก ดังนั้นจึงบอกได้ว่าไม่น่าจะมีซอมบี้นักกล้ามหรือพวกระดับสูงตัวอื่น ๆ เพราะถ้ามีมันน่าจะทุบกำแพงออกมาแล้ว
แต่ถึงจะมีแค่ซอมบี้ซากศพก็อย่าประมาทเพราะเรามีพื้นที่ในการต่อสู้น้อยและการที่มีเสียงซอมบี้ซากศพดังออกมา น่าจะเพราะซอมบี้ซากศพทุกตัวคงมารวมกันที่หน้าประตูทางออกซะเป็นส่วนใหญ่” คอนราดวิเคราะห์ให้ทุกคนฟัง
“ถ้างั้นเราต้องเก็บพวกหน้าประตูก่อน แต่ถ้าใช้ปืนยิงถล่มจะดึงดูดความสนใจผู้คนเกินไป” ฟาริสเสนอความเห็นและกล่าวต่อว่า “เรื่องนี้เรย์น่าจะจัดการซอมบี้หน้าประตูได้ เหมือนกับที่จัดการกับพวกซอมบี้ที่สำนักงานเมื่อวาน นายทำได้ไหม”
“ไม่มีปัญหาผมพอจะจัดการได้ แต่อาจจะมีคนเห็นตอนใช้เวทมนตร์ เพราะอักษรเวทมนตร์แสงชำระล้างคงสว่างเหมือนหลอดไฟในที่มืด” เรย์เข้าใจว่าฟาริสหมายถึงเวทมนตร์แสงชำระล้างของเรย์ ด้วยซอมบี้ที่รวมกันอยู่หน้าประตูมันคือเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงพวกเจ้าหน้าที่สามารถกันคนอยากรู้อยากเห็นออกไปได้ไกล ถ้ายังไม่พอเรายังใช้ตัวบังแสงของคาถาเวทมนตร์ได้” คอนราดกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา” เรย์พยักหน้าตกลง
รถหุ้มเกราะขนาดใหญ่ขับเคลื่อนหกล้อ PWCM2-009 ของพวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังจุดหมาย แต่ด้านหน้านั้นกลับมีกลุ่มแรงงานกำลังจับกลุ่มกันนับร้อยคนและส่งเสียงดังวุ่นวาย พวกแรงงานทั้งหมดกำลังโห่ร้องตะโกนและสาปแช่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปิดเส้นทางกลับบ้านของพวกเขาทำไม
เส้นทางที่ปิดกั้นนั้นทำให้ตอนนี้พวกแรงงานเหมืองที่เลิกงานมา ไม่สามารถกลับเข้าไปในบ้านพักได้ ทำให้หลายคนไม่พอใจ
แต่ไม่พอใจก็ไม่มีใครกล้าก่อจลาจล เพราะถ้าเกิดทำแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ มันจะได้ไม่คุ้มเสีย
ถ้าถูกจับจะต้องติดคุกและติดคุกก็เท่ากับไม่ได้ทำงาน นั้นเท่ากับไม่มีเงินกินข้าว มีหวังใครถูกจับก็เท่ากับอดตายในไม่ช้า
ผู้คนทั้งหมดจึงทำได้เพียงส่งเสียงด่าทอเท่านั้น แต่ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟังว่า ด้านหน้ามีการระบาดของโรค ถ้าติดเข้าจะทำให้ป่วยหนักจนหมดแรงและอาจจะตายได้
พอผู้คนได้ยินว่าโรคระบาดก็พากันถอยออกไปอย่างราบรื่นในทันที
ทำให้รถของทีมคอนราดเคลื่อนตัวผ่านฝูงชนเข้ามาอย่างช้า ๆ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นก็เข้ามาเปิดทางให้ เพราะผู้กองฟินทันได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว
“หลบไปเร็วตอนนี้หมอได้มาถึงแล้ว” เจ้าหน้าที่ใช้กระบองในมือชี้ไปทางฝูงชน ก่อนจะโบกไปมาให้ฝูงชนถอยตาม
พวกเขาก็รีบหลบให้รถกันในทันที แต่ในสายตาก็มองอย่างสนใจไปทางรถหุ้มเกราะหกล้อ PWCM2-009 ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างก็ซุบซิบกัน บ้างก็ชี้ไม้ชี้มือ เพราะพวกเขาสงสัยว่าหมอแบบไหนอยู่ในรถเช่นนี้กันแน่
เรย์ยิ้มเจือน ๆ ที่บอกว่าพวกเขาเป็นหมอ เพราะถ้าจะให้ใกล้เคียงพวกเขาน่าจะเป็นพวกนักกำจัดศพหรือไม่ก็นักล่าซะมากกว่า
แต่พอคิดถึงคำว่านักล่าเรย์ก็นึกถึงคำที่ใช้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ “หมาล่าเนื้อ” ขึ้นมา
“หมา” นั้นหมายถึงพวกเรา
“ล่า” หมายถึงการไล่ล่าซอมบี้
ส่วน “เนื้อ” เราไม่แน่ใจว่ามันหมายถึงซอมบี้หรือเลือดสีขาวในตัวของซอมบี้กันแน่
รถมาถึงก็จอดแอบด้านข้างถนนในมุมลับตาคนทันที ทั้งสี่คนลงจากรถเดินมาหาผู้กองฟินทันที่ตอนนี้สั่งกำลังคุมพื้นที่ไว้อยู่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามคนที่สนิทกับฟินทันติดอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ M1911A1 แบบที่เรย์และคนในทีมใช้กันอยู่ด้วยตัวของฟินทันเองก็ติดอาวุธด้วย
เพราะแม้ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ร้ายแรง แต่พอมองดี ๆ มันร้ายแรงพอสมควร
เนื่องจากในจุดนี้มีคนอยู่จำนวนมาก ถ้าเกิดซอมบี้หลุดมามันจะทำให้ทั้งย่านนี้กลายเป็นรกบนดินในทันที นี่คือความคิดของฟินทันเขาจึงเบิกอาวุธปืนออกมาใช้เพื่อป้องกันและอาจจะใช้ฆ่าซอมบี้
เรย์มองไปที่ปืนพวกนั้น ถ้าไม่ใช่กระสุนชำระล้างก็ยากจะสังหารพวกมันในนัดเดียว กระสุนธรรมดาที่อยู่ในปืนพวกนั้นอาจจะฆ่าได้สักสี่ถึงห้าตัว แต่มันก็แค่นั้น เพราะซอมบี้ออกมามันจะหลุดออกมาไม่ต่ำกว่า 10 ตัวอย่างแน่นอน
“ตึกด้านข้างและฝั่งตรงข้ามไม่มีคนแล้วใช่ไหม ถ้าใช่เราจะลงมือกันในทันที” คอนราดถามและมองไปยังสถานการณ์รอบ ๆ
“ตึกทั้งหมดเราส่งเจ้าหน้าที่ไปไล่พวกเขาออกไปแล้ว จึงไม่มีคนแล้ว” ฟินทันกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นเราจะลงมือเลย ถ้าช้าอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้” หัวหน้าคอนราดสั่งการคนในทีมเข้าไปที่หน้าประตูตกในทันที
ฟินทันมองไปที่ทีมของคอนราด ในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายก็วิ่งเข้ามาหาฟินทัน
“ผู้กองครับ มีนักข่าวต้องการขอเข้ามาถ่ายรูปในพื้นที่เราจะเอายังไงดี” ตำรวจนายนี้ดูร้อนรนมาก เพราะนักข่าวมานั้นมากกว่า 10 คน
“สั่งห้ามนักข่าวคนไหนเข้ามาในพื้นที่ หืม...มีคนลักลอบแอบขึ้นไปบนอาคารนั้น ส่งคนไปดูเร็ว” ฟินทันเห็นแสงแฟลชของกล้องวาบออกมาจากตึกและคนสองสามคนด้านบนตึกใกล้ ๆ จึงร้อนรนมากเป็นพิเศษ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามคนรีบวิ่งไปที่นั่นในทันทีพร้อมกับไม้กระบอง
เรย์และทีมมาถึงหน้าประตู คอนราดก็วางมือไปที่ประตู ก่อนจะสัมผัสเขารู้ได้ถึงซอมบี้ด้านหลังประตูโลหะ
ด้วยประตูขึ้นสนิมและผุใกล้พังแบบนี้ยากจะปิดสัมผัสพลังจิตของคอนราดได้
“มีซอมบี้อยู่ในทางเดินประมาณ 8 ตัว เยอะพอสมควร แต่พวกมันไม่ได้รวมกันอยู่ที่ประตูซะทีเดียว”
“ถ้างั้นต้องใช้แบบนี้” โบเวนยกมือขึ้นทุบประตูในทันที
ปึง ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากการกระทำของโบเวน ซอมบี้ที่เดินอยู่ด้านในทางเดินได้ยินเสียงร้องคำรามหันมามองทางทิศประตู
“ว๊ากกก!!!”
ซอมบี้ทั้ง 8 ตัวต่างพากันวิ่งเข้าหาร้องคำรามวิ่งเข้ามากระแทกประตูดัง ปึง!ปัง! อย่างต่อเนื่อง โบเวนและฟาริสรีบช่วยกันดันประตูไว้เพราะมันอาจจะพังได้ตลอดเวลา
“เรย์เอาเลย” โบเวนร้องบอกเรย์
เรย์ที่ได้ยินก็รีบเปิดหนังสือเวทมนตร์ไปหน้าคาถาแสงชำระล้างก่อนจะร่ายคาถาในทันที
“เรลันลัวอา (แสงชำระล้าง)”
แสงของอักษรเวทมนตร์สว่างขึ้น เรย์กดหนังสือเข้ากับตัวเพื่อบังแสง แต่หัวหน้าคอนราดเดินเข้ามาพยักหน้าให้กับเรย์ก่อนจะใช้ตัวบังแสงเพิ่ม จนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ว๊ากกก!! กึก ๆ”
ซอมบี้ยังร้องต่อเนื่องปากและมือของมันทุบประตูที่พวกเขาช่วยกันดัน จนตอนนี้มันไม่อาจจะต้านได้อีกต่อไป ในตอนนั้นเองหลังจากเรย์ร่ายเวทมนตร์เสร็จ อักษรเวทมนตร์ก็เริ่มทำงาน พวกมันหายไปและไปโผล่อยู่ที่ใต้เท้าของซอมบี้ซากศพที่พยายามทุบประตูออกมา
แสงของเวทมนตร์จากคาถาแสงชำระล้างพุ่งขึ้นจากพื้น ก่อนจะชำระล้างซอมบี้ซากศพไปทีเดียว 5 ตัว ส่วนอีก 3 ตัวนั้นมันไม่อาจจะเบียดเข้าไปได้ เพราะทางเดินที่คับแคบ ยกเว้นมือที่ยื่นออกไปในระยะของคาถาแสงชำระล้าง
มือของซอมบี้ทั้งสองจากที่ขยับได้ ตอนนี้ราวกับมันหมดสิ้นเรี่ยวแรง แต่ซอมบี้ไม่สนใจมันพยายามเดินผ่านร่างของซอมบี้ซากศพที่ตายไปจากนั้นก็ยังใช้หัวชนประตูอีกครั้ง
เรย์คิ้วมนลง เขาร่ายคาถาอีกครั้ง “เรลันลัวอา (แสงชำระล้าง)”
ตุบ! ตุบ!
ครั้งนี้เสียงร่างของซากซอมบี้ซากศพล้มลงเมื่อโดนโจมตีจากแสงชำระล้างและก็ไม่มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังประตูอีก มือของเรย์ยังคงค้างอยู่ที่หนังสือเวทมนตร์เขายินดีจะร่ายคาถาอีกครั้งถ้ามีซอมบี้อีก
คอนราดพยักหน้าเป็นสัญญาณให้โบเวนและฟาริสเปิดประตู โบเวนงัดเหล็กที่ปิดประตูออกและแง้มประตูเปิดดู ขณะที่มืออีกข้างจับไปที่มีดสปาต้าด้านหลัง
ส่วนฟาริสก็เปลี่ยนมาใช้มีดสนับมือแทนปืนเช่นกัน พวกเขาต้องลองฆ่าซอมบี้โดยไม่ใช่ปืนก่อน เพื่อไม่ทำให้ย่านแห่งนี้โกลาหลเกินไป
แม้ดูเหมือนจะประมาทแต่ที่จริงแล้ว จากที่คำนวณกันไว้ซอมบี้ด้านในคงเหลือไม่กี่ตัว ด้วยผู้ใช้พละกำลังสองคนสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างไม่มีปัญหา
ด้านข้างยังมีผู้ใช้พลังจิตและผู้ใช้พลังเวทมนตร์อย่างคอนราดและเรย์อีกดังนั้นในสถานการณ์นี้ปืนจึงไม่จำเป็นสักเท่าไหร่
พอดันประตูเข้าไปปรากฏว่ามันติดเล็กน้อยเนื่องจากศพของซอมบี้ขวางอยู่ โบเวนใช้เท้าเขี่ย ๆ ศพออกไป ทำให้ประตูเปิดเข้าไปได้ พอเข้ามาก็เจอกับซอมบี้นอนตายอยู่ 8 ตัว
ไฟฉายของโวเบนส่องเขาไปด้านในตามทางเดิน มันไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร โบเวนจึงหันไปบอกว่า “ปลอดภัยที่ทางเดินไม่มีซอมบี้อีก”
โบเวนเข้าไปด้านในแล้ว อีกสามคนก็ตามเข้ามา
ข้างนอกยังไม่มืดมากนัก จึงพอมีแสงส่องเข้ามาด้านในจากทางประตู แต่เพราะอาคารที่อยู่อาศัยสามชั้นแบบนี้ไม่ค่อยมีหน้าต่างมากนัก มันจึงมีหลายมุมที่มืดสลัว
“ฟาลัน (บอลแสง)”
เรย์ยืนมือไปด้านหน้ากลายเป็นบอลแสงหนึ่งดวง บอลแสงเพียงดวงเดียวก็เพียงพอจะส่องสว่างไปทั้งชั้นแล้ว
บอลแสงลอยไปด้านหน้านำพวกเขาเข้าไป คอนราดที่อยู่ด้านหลังหันไปปิดตายประตูไว้เหมือนเดิมอีกครั้ง
เรย์มองไปตามทางเดินที่มีแต่เลือด ดูเหมือนคนด้านในพยายามจะหนีออกมาแล้ว แต่ไม่รอดตามผนักมีรอยมือเปื้อนเลือดอยู่ทั่วทั้งผนัง เดินเข้าไปมาหน่อยก็เป็นห้องพักเล็ก ๆ
คอนราดส่งสัญญาณให้ฟาริสระวังทางบันไดขึ้นชั้นสอง ส่วนโบเวนไปที่ประตู ทั้งสองพยักหน้าก่อนประจำตำแหน่ง
เรย์และคอนราดเตรียมพร้อม พอได้สัญญาณโบเวนถีบประตูเข้าไปในห้องในทันที
ปัง!
ประตูถูกถีบออกเผยให้เห็นซอมบี้ซากศพสองตัวกำลังเดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย พอมันเห็นมนุษย์ก็อ้าปากคำรามและวิ่งเข้าใส่โบเวน
โบเวนใช้มีดตัดเข้าไปฟันใส่ขาของซอมบี้ซากศพตัวหนึ่งจนมันล้มลงไถลไปกับพื้นทิ้งคราบเลือดสีดำที่ไหลจากแผลที่ขาเป็นทางยาว ซอมบี้ซากศพตัวนั้นไม่รู้ว่าขาของมันโดนตัดไปแล้ว จึงพยายามยืนขึ้นคืบคลานเข้ามาหาพวกเขา
แต่ความเร็วของซอมบี้ซากศพไร้ขาก็เชื่องช้าจนโบเวนสามารถใช้มีดสปาต้าสับไปที่หัวของมันได้อย่างง่ายดาย ส่วนทางคอนราดก็ไม่น้อยหน้า มือของเขาดีดม้วนบุหรี่ออกไป
ม้วนบุหรี่กลายเป็นลูกไฟแผดเผาตัวของซอมบี้ซากศพอีก
ซอมบี้ส่งเสียงร้องคำรามพยายามเดินฝ่าลูกไฟ เลือดเนื้อของซอมบี้ซากศพที่โดนไฟเผาทั้งเป็นส่งเสียงเหมือนเนื้อย่างไหมไฟจนดำกรอบอยู่ไม่กี่วินาที ก่อนซอมบี้ซากศพจะค่อย ๆ หมดแรงลงกับพื้นนอนหงิกงอดำเป็นถ่านฝืน