ตอนที่ 20 ราชาแห่งโลก 1
พลังทั้งสองสายเข้าปะทะกันและมันก็เป็นอีกครั้งที่ปราณน้ำแข็งของหนิงเทียนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หนิงเทียนไม่สามารถหาคำตอบของพลังลึกลับที่ตัวประหลาดที่ปล่อยออกมาได้
แต่จากการปะทะกันสองครั้ง หนิงเทียนสามารถคาดเดาได้ว่า ปราณที่ตัวประหลาดนี้ปล่อยออกมา มิอาจสัมผัสได้โดยเด็ดขาด
และการที่มันสามารถหลบปราณที่ตัวประหลาดปล่อยออกมาได้ แสดงว่าความเร็วของมันยังเหนือกว่ามากอีกทั้งพลังฝึกตนของตัวประหลาดนี้เป็นเพียงดินแดนมนุษย์เท่านั้น
‘เหตุใดมันถึงพูดภาษามนุษย์ได้’ คำถามเช่นเดิมยังคงรบกวนจิตใจของหนิงเทียนอยู่
“เจ้ามนุษย์ตัวเหม็น เหตุใดเจ้าถึงได้โง่งมเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าสมองของเจ้านั้นไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉานตัวใหญ่ที่ข้าพึ่งจัดการไปแม้แต่น้อย” ตัวประหลาดนี้กล่าวด้วยความถือดี
คิ้วทั้งสองข้างของหนิงเทียนกระตุกด้วยโทสะ “บัดซบ ข้าจะเด็ดปีกเจ้าออก”
แม้ว่าภายนอกมันจะแสดงถึงโทสะอย่างมากแต่ภายในมันกลับเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง
หนิงเทียนค่อยๆพินิจถึงเหตุผล ‘ทุกๆสิ่งที่ปะทะกับปราณประหลาดของมันจะหายไปโดยทันที มันเป็นเพราะอะไรกันแน่’
“สารเลว มนุษย์ตัวเหม็น เจ้าต้องการที่จะเด็ดปีกของราชาผู้นี้?”สิ้นเสียงตัวประหลาดมันส่งปราณสามสายพุ่งเข้าใส่หนิงเทียน
แม้พลังของพวกมันทั้งคู่จะแตกต่างกันมากนัก แต่หนิงเทียนก็ไม่กล้าที่จะเข้าปะทะตรงๆแต่อย่างใด มันทำได้แต่ใช้เก้าวิญญาณท่องนภาของมันหลบไปรอบเพียงเท่านั้น
ใบหน้าอันเล็กจ้อยของตัวประหลาดยกยิ้มขึ้น มนุษย์หน้าโง่คนนี้แม้จะมีพลังที่สูงเกินอายุ แต่ประสบการณ์ต่อสู้ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก
“มนุษย์ตัวเหม็น ข้ามิใช่ผู้โหดร้ายอันใด เพียงเจ้าหมอบกราบและลองเรียกเราว่าปู่ดู ราชาผู้นี้จะพิจารณาทางรอดให้แก่เจ้า”
“ผายลม!! ไอ้คนแคระถ้าเจ้ามีปัญญาชดใช้กระบี่ข้ามา ข้าจะเว้นทางรอดให้” หนิงเทียนคำรามด้วยความโกรธ
“คนแคระ?? ....พอกันทีราชาผู้นี้ไม่ให้โอกาสใครซ้ำสอง” มันเกรี้ยวกราดอย่างมาก
กริ้ง!
หนิงเทียนตัดสินใจ มันต้องจับตัวประหลาดนี้มาชำแระดูให้รู้ความลับของมันให้ได้ มันพุ่งทะยานไปข้างดุจสายฟ้าฟาด น้ำแข็งนับสิบสายพุ่งใส่ มนุษย์ตัวจิ๋วด้านหน้ามัน
“เฮอะ โง่งมยิ่งนัก” ตัวประหลาดเค้นเสียงออกมาพลันส่งปราณประหลาดออกมา
กริ้ง! กริ้ง!
ปราณน้ำแข็งนับสิบสายอันตธานหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะทักษะใดที่หนิงเทียนใช้ออกไปเมื่อปะทะกับปราณของตัวประหลาดแล้ว มันกลับหายไปทุกครั้ง
การต่อสู้ของมันทั้งสองจึงเป็นการใช้ความเร็วเข้าห่ำหันกันมากกว่าใช้การร่างกายปะทะกัน
.....การต่อสู้กินเวลาหลายชั่วยาม
หนิงเทียนรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ทุกๆการโจมตีของมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่ว่ามันจะใช้ทักษะระดับสูงเพียงใด
และทุกๆครั้งที่ฝ่ามือของหนิงเทียนเข้าใกล้ตัวประหลาด มันกลับหายไปเลือนหายคล้ายกับไม่มีตัวตน
ทั้งสองพุ่งใส่กันดุจสายฟ้า หนิงเทียนนั้นอยู่ในดินแดนขององครักษ์ แต่ตัวประหลาดตรงหน้ามันเป็นแค่แดนมนุษย์เท่านั้น ด้วยพลังฝึกตนของหนิงเทียนที่สูงกว่าตัวประหลาดมากนัก
ประกอบกับท่าเท้าที่แข็งแกร่งอย่างเก้าวิญญาณท่องนภา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้หนิงเทียนสัมผัสตัวประหลาดนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“ตัวเจ้าอายุเพียง15-16ปีเท่านั้น กลับมีทักษะสุดยอดมากมายขนาดนี้ จงตอบราชาผู้นี้มาใครเป็นอาจารย์ของเจ้า” เวลานี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองของมันเริ่มที่จะซีดขาว
กริ้ง!...
“ไปถามยมบาลเอาเถอะไอ้คนแคระ” ทุกครั้งที่หนิงเทียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเสียงกระดิ่งเร้นลอยที่ห้อยอยู่กับเอวของมันส่งเสียงออกมาทุกคร่า
ทันใดนั้นราวกับว่ามีอัสนีสายใหญ่ฟาดเข้ามากลางศีรษะของหนิงเทียน....เดียว!!! ‘กระดิ่งเร้นลอย!!!!หรือว่า….’
คราวนี้หนิงเทียนเร่งพลังปราณจากร่างของมันออกมา ‘เหมันต์ไร้ใจ’กระบวนท่านี้ของมันแช่แข็งได้แม้กระทั่งปราณธาตุไฟ
เมื่อเหมันต์ไร้ใจเข้าปะทะกับปราณประหลาด รอบๆปราณประหลาดนั้นถูกแช่ไปด้วยไอเย็นชั่วครู่ก่อนที่ลมปราณของหนิงเทียนจะถูกกลืนกินจากกระแสปราณประหลาดของมัน ปราณหยินที่ทรงพลัง มันหายไปราวกับว่าถูกส่งไปยังที่อื่น...
‘ถูกส่งไปยังที่อื่น!!’
“ใช่จริงๆ!! พลังของธาตุมิติ” มันเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เวลานี้สีหน้าของหนิงเทียนกลายเป็นปั้นยากขึ้นมาทันที
สิ่งของที่ถูกพลังปราณของมัน มิใช่สูญสลายไป มันเพียงถูกส่งไปที่อื่นเท่านั้น
ผู้ใช้มิติธาตุถึงจะแข็งแกร่งเพียงใดก็มิสามารถใช่ออกได้ดั่งใจเหมือนเจ้าตัวประหลาดนี้ ประตูเคลื่อนย้ายมิติระหว่างเมืองยังต้องการผู้ใช้มิติธาตุระดับสูงนับ100ในการเดินทางครั้งเดียว
“ในโลกนี้มีสัตว์ป่าที่ใช้พลังของธาตุได้อย่างไร? อีกทั้งมันยังเป็นธาตุมิติที่หาได้ยากมากในหมู่ของมนุษย์”หนิงเทียนพึมพำกับตนเองอย่างเลือนลอย
ใบหน้าอันเล็กของตัวประหลาดเป็นประกายขึ้น“โอ้เจ้ามนุษย์ตัวเหม็นในที่สุดก็เริ่มที่จะฉลาดขึ้นมาบ้าง แต่ราชาผู้นี้มิใช่เผ่าอสูรอันต่ำต้อยเช่นนั้น”
“เผ่าวิญญาณ?” หนิงเทียนอุทานออกมาอย่างเผลอตัว
“ราชาผู้นี้ก็ไม่ใช่ พวกสัมภเวสีเร่รอน พวกนั้น”
หนิงเทียน ‘….’ ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนพูดสิ่งใดไม่ออกทั้งสิ้น ตัวประหลาดนี้เหนือภูมิความรู้มันไปมาก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้มันสบายใจก็คือกระบี่พิรุณโปรยของมันยังมิได้ถูกทำลายแค่เพียงมันจับตัวประหลาดนี้ได้มันย่อมได้กระบี่คืนอย่างแน่
ตัวประหลาดมองไปยังสีหน้าของหนิงเทียนด้วยอาการขบขัน มันเปล่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “ฮ่าๆ ราชาผู้นี้จะบอกเจ้าให้เอาบุญ ราชาผู้นี้เป็นเผ่าพันธุ์ภูต ที่ปกครองโลกหล้าแห่งนี้”
‘เผ่าภูต? ในหนังสือของบิดาสี่มีการบันทึกเกี่ยวกับเผ่าภูตไว้อยู่บ้าง
เผ่าพันธุ์ภูตเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ พวกมันเป็นต้นกำเนิดของพลังธาตุมิติ เช่นเดียวกับเผ่าวิญญาณที่ให้กำเนิดธาตุมืด
แต่เนื่องจากภูตไม่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ พวกมันจึงได้สาบสูญพันไปจากพื้นที่ราบภาคกลางนับหมื่นปีแล้ว?’
“เหตุใดถึงมันถึงปรากฏตัวต่อหน้าข้า??”
‘แดนภูตเร้นลับ มิใช่ว่าบิดาใหญ่เป็นผู้ตั้งชื่อเองหรอกหรือ? เหตุใดในป่าพฤกษาทมิฬ ถึงมีภูตอยู่จริงๆ’
ภายในหัวของหนิงเทียนแทบจะระเบิดออกมาเพราะเรื่องราวของตัวประหลาดที่บอกว่าตนเองคือ เผ่าพันธุ์ภูต
หนิงเทียนคิดถึงทางออกสำหรับเหตุการณ์ตรงหน้ามัน การไม่ยุ่งกับตัวประหลาดแบบนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับมัน
“เพียงเจ้าคืนกระบี่แก่ข้า ข้าจะจากไปโดยทันที”
“ฮ่าๆ ราชาผู้นี้ไม่ต้องการคืน ราชาผู้นี้ชอบวารีน้อยตัวนั้น”มันใช้มืออันเรียวเล็กลูปไปยังท้องของมัน
“ภูตบัดซบ!!!”ความคิดที่จะจากไปของหนิงเทียนหายไปทันที ถ้าข้าไม่จับสารเลวตัวนี้มาถลกปีกและบังคับให้มันคืนกระบี่ ข้าไม่ขอเป็นคน
หนิงเทียนในตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้นกับตัวประหลาดเช่นนี้ มันใช้ออกโดยท่าเท้าเก้าวิญญาณท่องนภาอย่างเต็มที่
ยาฟื้นลมปราณระดับสวรรค์ของพ่อรองนับ100เม็ดมันควักออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยเพื่อที่จะจับภูตตัวนี้
พวกมันทั้งสอง หนึ่งหนีหนึ่งไล่อยู่เช่นนี้ ยากที่ผู้ใดบอกได้ว่ามันจะไล่กันเยี่ยงนี้นานเพียงใด
....
ดวงอาทิตย์แลลับ ดวงจันทร์ขึ้นมาแทนที่ มันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรแล้ว
เวลานี้ตัวประหลาดเผ่าภูตมันอ่อนแรงอย่างที่สุด ใบหน้าของมันขาวซีดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะบิด ด้วยพลังที่น้อยกว่าหนิงเทียนถึงสองดินแดน การหลบหนีมาได้นานเพียงนี้ถือว่าเป็นปาฎิหาริย์แล้ว
หนิงเทียนพลิ้วกายอย่างรวดเร็วมือของมันกำลังจะคว้าไปที่ปีกของตัวประหลาดเผ่าภูตนี้เป็นครั้งแรกที่หนิงเทียนเข้าใกล้มันได้มากที่สุด มุมปากของหนิงเทียนยกยิ้มอย่างชั่วร้าย “เจ้าเสร็จข้าละ”
ในระหว่างที่มือของหนิงเทียนกำลังจะกุมไปยังลำตัวของภูตลึกลับ
ใบหน้าที่ซีดขาวของตัวประหลาดเผ่าภูตกลับแย้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับใบหน้าของหนิงเทียนบิดเบี้ยวขึ้นทันที นี้มัน……
‘กับดัก?’ มือของมันปะทะเข้ากับปราณมิติของภูตประหลาดทันที
ฟึ่บ!!!
นี้เป็นครั้งแรกที่หนิงเทียนสัมผัสถูกปราณมิติที่ภูตประหลาดตัวนี้ส่งออกมา
ร่างกายของหนิงเทียนถูกดูดเข้าไปในมิติขนาดเล็กทันที พริบตาเดียว บรรยากาศรอบๆของมัน แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เดิมรอบๆตัวมันที่เป็นพื้นป่า เวลานี้มันกลับกลายเป็นพื้นน้ำทะเลทั้งหมด
‘ทะเลสาบ?’ ภายในมิติของภูตประหลาดคือทะเลสาบขนาดใหญ่
“ฮ่าฮ่า เจ้ามนุษย์ตัวเหม็นกล้าที่จะหลบหลู่ราชาผู้นี้ เจ้าจงติดอยู่ในพื้นมิตินี้ไปจนตายเถอะ” เสียงของราชาภูตดังก้องไปทั่วพื้นที่ แต่ร่างของมันไม่ได้ปรากฎให้หนิงเทียนเห็นแต่อย่างใด
‘…..’ เวลานี้หนิงเทียนสงบเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันจำไม่ได้แล้วว่านี้เป็นครั้งที่เท่าใด ที่ตัวมันตกอยู่ภายใต้กับดักของศัตรู
มันไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยตัวมันกับเพิ่มความระวังตัวมากขึ้นอีก
มันพยามส่งจิตสัมผัสของมันสำรวจทะเลสาบแห่งนี้ ความสงสัยปรากฏภายในหัวของหนิงเทียน ‘นี้เป็นทะเลสาบจริงๆหรือเป็นเพียงโลกในมิติของมัน’
หนิงเทียนมองไปยังกระดิ่งเร้นรอยข้างเอวมัน บัดนี้มันเป็นเหมือนกับเช่นกระดิ่งธรรมดาทั่วไปเท่านั้น สมบัติมิติไม่สามารถแทรกแซงมิติที่สูงกว่าได้
เพียงชั่วครู่ภาพที่มันเห็นตรงหน้ามันทำให้เรื่องราวมากมายในหัวของมันกระจายหายไปทันที แรดหลังเหล็กอสูรขั้นที่3ในระดับแดนวีรชนที่มันเห็นเมื่อครู่
บัดนี้ ตัวของมันขาดเป็นสองท่อนคล้ายกับโดนฟันขนาดยักษ์ฉีกกระฉากออกจากกัน
หนิงเทียนแทบไม่เชื่อในสายตา แรดหลังเหล็กสัตว์อสูรขั้นที่3กลับถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
ขนในกายของมันลุกชันทันที นี้เป็นสถานการณ์อันตรายที่สุดตั้งแต่มันได้รับชีวิตใหม่มา หนิงเทียนรีบลดจิตสัมผัสของมันลง มันไม่กล้าที่จะใช้จิตสัมผัสของมันสำรวจบริเวณรอบๆอีกต่อไป
‘ในทะเลสาบแห่งนี้ต้องมีสัตว์อสูรเจ้าถิ่นอาศัยอยู่’ หนิงเทียนค่อยก้าวไปข้างหน้าอย่างระวัง ในขณะที่มือของมันกำโล่ปราการสวรรค์ของบิดาสามไว้แน่น
มันเพียงภาวนาว่าให้ระดับฝึกตนแดนมนุษย์ของมันมิไปกระตุ้นความสนใจของสัตว์เจ้าถิ่น มิเช่นนั้นภาพที่เกิดกับแรดหลังเหล็กนั้นจะกลายเป็นสภาพการณ์ตายของมันอย่างแน่นอน
เวลานี้หนิงเทียนไม่กล้าใช้จิตสัมผัสแม้แต่น้อยมันจึงทำได้เพียงก้าวเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย
ในใจมันหวังเพียงแค่หาทางออกไปจากมิติทะเลสาบและไม่กระตุ้นสัตว์อสูรในที่แห่งนี้
ยิ่งมันก้าวเข้าไปใกล้ทะเลสาบมากเพียงใด เมฆหมอกโดยรอบค่อยๆคลายลง คล้ายกับหญิงสาวบนสวรรค์กำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อย
สุดพื้นที่ชายฝั่ง ปรากฏสะพานหินอ่อนแห่งหนึ่ง ปลายด้านมันเชื่อมต่อกับพื้นที่ชายฝั่งแล้วทอดยาวออกไปกลางทะเล
ดั่งเช่นมังกรกำลังทะยานลงสู่มหาสมุทรแสดงออกซึ่งความอหังการให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต้องตกตะลึง มันให้อารมณ์ที่น่าหวาดกลัวและสวยงามตระการตาจนหาที่เปรียบมิได้
‘นี้คือสวรรค์?’
มันค่อยๆเหยียบย่างขึ้นสะพานหินอ่อนไป ขณะเดินหนิงเทียนรู้สึกว่าเมฆค่อยๆลดระดับต่ำลงมา เดินไปอีกระยะหนึ่งมันถึงกับตกตะลึงในทิวทัศน์ตรงหน้า
น้ำทะเลเดิมทีเป็นพื้นฟ้ากลับกลายเป็นสีทอง ใจกลางของทะเลสีทองปรากฎ ‘วิหารลึกลับ’ ลอยเด่นอยู่กลางท้องทะเล มันขัดกฎของธรรมชาติอย่างแท้จริง
‘เหตุใดที่แห่งนี้ถึงมีวิหาร หรือที่แห่งนี้ยังมีมนุษย์อาศัยอยู่’ ทันใดนั้นบังเกิดเสียงคำรามกึกก้องดั่งสนั่นไปทั่วชั้นฟ้า และใจกลางน้ำทะเลสีทองกระฉอกออกคล้ายกับสิ่งใดจะโผล่จากเบื้องร่างท้องทะเลขึ้นมาด้านบน
เพียงชั่วลมหายใจเดียว เงาร่างขนาดใหญ่มหึมาสายหนึ่งทะยานขึ้นมา
หนิงเทียนยังคงเบิกตาค้างจ้องมองสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตรงหน้ามันอย่างตกตะลึง
สัตว์ขนาดมหึมาตัวนี้ สูงสิบจั้ง หัวเป็นมังกรร่างเป็นสิงห์ ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกล็ดคล้าย ปลา เขี้ยวยาวทั้งสองข้างลักษณะคล้ายดาบขนาดยักษ์ ดวงตาของมันอัปลักษณ์ และ ปากที่ขนาดกว้างสร้างความน่ากลัวให้แก่ผู้ที่พบเห็นอย่างมาก
‘กก...กิเลน’ ดวงตาของหนิงเทียนเบิกกว้าง
สัตว์ประหลาดตัวนั้นชะโงกหน้ามาบนสะพานหิน มันจังจ้องไปยังมนุษย์ตัวจ้อยที่หลงเข้ามาในดินแดนของมัน
"มนุษย์ผู้ละโมบและแสวงหาความตาย" เสียงต่ำทุ่มของมันดังก้องเข้าไปในหูของหนิงเทียน
"มัน....มันพูดภาษามนุษย์ได้แล้ว…..นี้มันวันบ้าอะไรกัน เหตุใดข้าถึงโชคร้ายเช่นนี้ !!!" หนิงเทียบสบถอย่างหยาบคาย
เพียงแค่วันเดียวมันพบเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ทั้งเผ่าพันธุ์ภูตที่สูญพันธุ์ไปแล้วและยังมีกิเลนที่พูดภาษามนุษย์ได้อีก
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างจากตอนที่พบภูตตัวนั้นมาก ในคร่าที่พบราชาภูตหนิงเทียนสามารถบอกถึงระดับฝึกตนของมันได้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เขาไม่สามารถบ่งบอกถึงระดับของกิเลนตัวนี้ได้เลย
ดวงตาของหนิงเทียนจับจ้องไปยังกิเลนตรงหน้ามัน ตอนนี้มันได้ยืนอยู่ต่อหน้ามัจจุราชที่จะมาเอาชีวิตของมันแล้ว…
แน่นอนว่าการต่อสู้ไม่ใช่ทางรอดของมัน “ท่านสัตว์เทพอย่าได้เข้าใจผิด ผู้เยาว์เพียงหลงทางเข้ามาในดินแดนแห่งนี้เท่านั้น”
“เจ้ามนุษย์ อย่าได้โกหกข้า ไม่มีผู้ใดสามารถหาสถานที่แห่งนี้เจอ”มันตวาดเสียงดังด้วยโทสะสัตว์ชั้นต่ำเช่นมนุษย์กำลังโกหกมัน
แค่เพียงเสียงตวาดเท่านั้น หนิงเทียนรู้สึกว่าร่างกายภายในของมันปั่นป่วนเป็นอย่างมาก หนิงเทียนพยามข่มความรู้สึกภายในและกล่าวออก
“ผู้เยาว์มิได้โกหกท่านเทพแต่อย่างใด ผู้เยาว์เพียงมาตามหากระบี่เท่านั้น แต่กลับถูกเผ่าพันธุ์ภูต ตนหนึ่งส่งมายังที่แห่งนี้”
“หืมมม...เฒ่าอู๋ ส่งเจ้ามา? มนุษย์ชั้นต่ำเจ้าคงจะโลภโมโทสันกระหายในเผ่าพันธุ์พิเศษอย่างเผ่าภูตสิน่ะ” ทันใดนั้นมันคำรามก้องดุจอสนีบาต
แม้แต่หนิงเทียนที่อยู่จุดสูงสุดของดินแดนองครักษ์นั้น ยังมิสามารถป้องกันเสียงคำรามของกิเลนได้ แก้วหูของมันคล้ายจะระเบิดออกมา โลหิตเริ่มที่จะไหลผ่านลำคอ มันต้องใช้ความพยายามอย่ามากที่จะกลืนมันลงไป
“จงยอมรับความตายแต่โดยดี” ดวงตาที่อัปลักษณ์ของกิเลนสาดประกายดุร้าย มันอ้าปากกว้างให้เห็นฟันที่แหลมคมดุจดาบ หมายจะกลืนกินมนุษย์ตัวเล็กให้หายไป.....
ในชีวิตที่แล้วของหนิงเทียน กิเลนเป็นสัตว์ที่ผู้คนล้วนกราบไหว้บูชา มันถูกนับเป็นตัวตนของเทพ ตามความเชื่อแต่เดิมเมื่อกิเลนปรากฏกายขึ้นมา
แสดงว่าผู้มีบุญที่จะปกครองบ้านเมืองให้สงบร่มเย็นกำลังจะกำเนิดขึ้น มันจึงถือเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบไปด้วยหงส์ เต่า มังกร กิเลน
กระแสน้ำในทะเลสีทองหมุนวนอย่างอย่างบ้าคลั่ง อึดใจเดียวก็มีเสียงระเบิดกึกก้อง ลำน้ำขนาดใหญ่พุ่งใส่หนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
หนิงเทียนยืนอยู่ตรงบันได มองไปที่สายน้ำสีทองด้วยความตกตะลึง แต่มันก็มิได้หวั่นกลัวแต่อย่างใด “ชีวิตข้า ไม่ต้องให้กิเลนอย่างเจ้ามาตัดสินแทน”
มันบิดตัวกลางอากาศหลบกระแสน้ำอย่างรวดเร็ว มันเรียกใช้เหมันต์ไร้ใจทันที เสาน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่กิเลนอย่างรุนแรง