ตอนที่ 18 การแลกเปลี่ยน
“นายน้อยเฟย เหตุใดครั้งนี้ถึงแลกได้น้อยกว่าครั้งก่อนมากนัก”ชายแก่หนวดเครายาวด้านข้างถามอย่างหวั่นเกรง
“เผ่าซิของเราล่าสัตว์ป่าได้น้อย จึงต้องลดปริมาณลง หัวหน้าชีมีปัญหาอันใด?”
น้ำเสียงที่มันเปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเย็นชาแตกต่างจากใบหน้าและบุคลิกมันอย่างสิ้นเชิง
“ไม่....ไม่มีอย่างแน่นอนนายน้อย” มันก้มศีรษะให้แก่เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเชื่อฟัง
ชายชราที่กำลังก้มศีรษะอยู่ มันคือบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ ‘ปี้ชี’
แต่ด้วยอำนาจของเผ่าซิ มันซึ่งอายุเกือบร้อยปี ยังต้องจำยอมก้มหัวให้แก่ชายหนุ่มอายุเพียง20ต้นๆเช่นนี้
“ผลไม้14ตะกร้า ฟืน10ตะกร้า แลกข้าวสาร 15ขันเนื้อสัตว์1ขีด”
ยิ่งการแลกเปลี่ยนล่วงเลยเวลาไปนานเท่าใดปริมาณของข้าวและเนื้อสัตว์ยิ่งน้อยลงกว่าคนกลุ่มแรกที่มาทำการแลกเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนในหมู่บ้านล้วนไม่พอใจแต่กลับไม่มีใครสักคนกล้าพูดออกมาแม้แต่คนเดียว
“ผลไม้ 18ตะกร้า ฟืน10ตะกร้า แลกข้าวสาร 10ขันเนื้อสัตว์ครึ่งขีด”ในคร่านี้ทหารทำการประเมินให้น้อยกว่าครั้งก่อนมากนัก
“เหตุใดถึงได้เพียงข้าวสาร10ขัน และเนื้อสัตว์ครึ่งขีด?”เสียงหญิงสาวตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ
“เจ้ามีปัญหาอันใด!! กับคำพูดของข้า” ทหารผู้ดูแลการแลกเปลี่ยนตะโกนเสียงแข็ง
“ทำไมเมื่อครู่ ผลไม้14ตะกร้าและฝืน10ตะกร้ายังสามารถแลกเนื้อสัตว์ได้ถึง1ขีดและข้าวสารอีก15ขันและเห็นได้ชัดว่าของข้านั้นมากกว่า”
นางกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ ถ้านางยอมรับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ แน่นอนมันจะไม่สามารถใช้เลี้ยงชีวิตได้ถึงการส่งบรรณาการครั้งหน้าอย่างแน่นอน
“นั้นมันครั้งก่อน สัตว์ป่าพวกนี้พวกเราล่ายากขึ้น มันจึงต้องมีราคาสูงขึ้น” ทหารในชุดเกราะยังกล่าวเสียงแข็ง สีหน้าที่มันมองไปยังหญิงสาวราวกับการมองไปยังมดตัวหนึ่ง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าไม่ยอมรับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้เด็ดขาด” แม้อาจจะต้องอดทนกับความหิวโหยจากข้าวและเนื้อสัตว์บ้างแต่ผลไม้นั้น
จะสามารถช่วยให้นางอยู่รอดได้จนกว่าจะถึงการส่งบรรณาการในครั้งหน้า
ข้าวสารเพียง10ขันสามารเลี้ยงชีวิตสองคนได้เพียง5วันแต่ผลไม้18ตะกร้าที่นางหามานั้นสามารถทำให้อยู่รอดได้ถึง10วัน
“หญิงสาวคนนี้น่าสนใจจริงๆ”มุมปากของชายหนุ่มในชุดเกราะเงินยกยิ้มขึ้น
ในขณะที่มันนั่งชมการโต้เถียงระหว่างหญิงสาวนางนี้กับทหารของมันอย่างสนุกสนาน สายตาของมันกับจับจ้องไปยังหญิงสาวอย่างไม่กระพริบ
“นางกล้าที่จะต่อต้านเผ่าซิ นายน้อยโปรดสั่งมา ข้าจะไปสั่งสอนนางเอง” ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มกล่าวอย่างนอบน้อม
“ไม่จำเป็น....หญิงสาวนางนี้เป็นใคร?”มันกล่าวห้ามคนของมันพร้อมทั้งถามไปยังปี้ชี
“เรียนนายน้อยเฟย นางชื่อว่าปี้เหยา นางเป็นคนในหมู่บ้านของเรา นางอาศัยอยู่กับลูกชายอีกหนึ่งคนนที่ชื่อปี้ยี่”
“หืมม!! ลูกชาย สตรีนางนี้มีบุตรแล้ว?” สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวในทันที
“ไม่ถูกซะทีเดียวนายน้อย ปี้เหยาเป็นคนของหมู่บ้านมาโดยกำเนิด แต่ปี้ยี่ลูกของนางนั้นไม่ใช่ เมื่อสิบปีก่อนแม่ของปี้เหยาได้นำเด็กทารกคนหนึ่งมาจากนอกหมู่บ้าน
ต่อมาไม่นานแม่ของนางได้เสียชีวิตลงเวลานั้นปี้เหยา วัยเพียง8ขวบ นางได้ดูแลเด็กคนนั้นด้วยตนเองมาตลอด
กอปรกับที่หน้าตาของปี้เหยาละม้ายคล้ายมารดาของนางมาก เด็กทารกจึงเรียกนางว่าแม่มาตลอด”
หัวหน้าชีกล่าวอย่างอ่อนน้อม เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายสิบปีเรื่องราวของทุกๆคนในหมู่บ้านนั้นเขาสามารถที่จะอธิบายได้เป็นอย่างดีมันไม่ต่างจากการดูลายมือตัวเอง
“นางไม่ได้มีลูก” มุมปากของมันเหยียดกว้างสายตาของมันจับจ้องไปยังรูปลักษณ์ที่งดงามของปี้เหยา
ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้กลับมีสาวงามเช่นนี้นับว่าถูกใจมันเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มในชุดเกราะเงินผู้นี้คือ ซิเฟยลูกชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่าซิ ตัวมันนั้นมีศักดิ์ศรีและอำนาจสูงมากอีกทั้งเผ่าซินั้นมีระดับดินแดนนักรบอยู่มากมาย
อำนาจของเผ่าซิเทียบได้กับเผ่าใหญ่อย่างเผ่าเฮย พวกมันมักจะทำการสู้รบในภูเขารอบนอกอยู่บ่อยๆ
ส่วนผู้อาวุโสที่มักจะอยู่ด้านข้างของมันเสมอๆ มีชื่อว่า ซิตู่
มันได้รับหมอบหมายหน้าที่จากหัวหน้าเผ่าให้ติดตามคุ้มครอง ซิเฟย มีคำเล่าลือกันว่า ซิตู่ เป็นผู้ฝึกตนในแดนนักรบขั้นสูง
“นายน้อยเพียงแค่ท่านเอ่ยปาก ข้าจะไปจับตัวนางมาให้ท่านเอง”ชิตู่กล่าวอย่างไม่แยแส เหมือนกับว่าเรื่องเช่นนี้มันทำมาจนชิน
“ไม่จำเป็น” แม้ปากของมันจะกล่าวปฎิเสธ แต่แววตาของมันนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา
ในขณะที่ปี้เหยาและทหารกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นเสียงของซิเฟยก็ได้ดังขึ้น
“พวกเจ้าจงหยุดโต้เถียงกันได้แล้ว” มันลุกจากเก้าอี้ ค่อยๆเดินไปยังทหารในชุดเกราะ
ในขณะที่ทหารนายนั้นกำลังจะกล่าวรายงานซิเฟย มันกลับยกขาเตะไปยังทหารในชุดเกราะ
ปัง!!! ร่างที่ไร้สติของทหารในชุดเกราะลอยออกไปไกลจากฝูงชนทั้งหมด
“ทำไมพวกเจ้าถึงทำตัวเช่นนี้ พวกเราเป็นแขกจะต้องให้ความเคารพแก่ผู้คนในหมู่บ้านนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าถือดีว่าเป็นผู้ฝึกตนจากเผ่าซิและจะรังแกใครก็ได้” น้ำเสียงที่มันกล่าวเต็มไปด้วยคุณธรรม
ปี้เหยามองไปยังร่างที่แน่นิ่งของทหารชุดเกราะด้วยความงุนงง ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครเหตุใดถึงกล้าเตะทหารจากเผ่าซิได้
ปี้ชีส่งเสียงดังออกมา “ปี้เหยาเจ้ายังไม่ขอบคุณ ท่านซิเฟย อีก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าปี้ชี ปี้เหยาใช้เวลาเพียงชั่วครู่จึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด “ปี้เหยาขอบคุณท่านซิเฟย” มันโค้งศีรษะช้าๆแสดงความเคารพ
“ไม่เป็นไร.....ทหาร!!! เจ้าจงนำข้าวสาร30ขันและเนื้อสัตว์5ขีดมาให้แม่นางผู้นี้เพื่อเป็นการขอโทษ”มันสั่งทหารของมันพร้อมกลับกล่าวกับปี้เหยาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แม่นางเจ้าอย่าได้เรียกข้าว่าท่านเลย โปรดเรียกข้า นายน้อย เหมือนคนอื่นๆเถอะ”
“ขอบคุณนายน้อยเฟย”ปี้เหยากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สำนึกในความเมตตา
“แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่า?” น้ำเสียงที่มันกล่าวนั้นเต็มไปด้วยความสุภาพอ่อนโยนราวกับมันมิได้ถือตัวว่าเป็นบุคคลสูงศักดิ์อันใด
“เอ่ออ... ข้า ชื่อปี้เหยา” ท่าทีของปี้เหยาเวลานี้ นั้นเก้ๆกังๆเป็นอย่างมาก มันไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวเช่นใดต่อหน้า บุคคลที่สูงส่งเช่นนี้
หนิงเทียนมองไปยังเหตุการณ์ทั้งหมดมุมปากของมันยกยิ้มขึ้น มันรู้สึกว่านี้เป็นการแสดงตลกที่พอจะสร้างความบันเทิงเล็กๆน้อยๆได้
“หึหึ ใช้เสบียงของเจ้าและทหารของเจ้า ในการสร้างภาพได้ไม่เลว” หนิงเทียนขบขันอยู่ภายในใจ
“ข้ารู้สึกว่า นายน้อยเฟย ท่านเป็นคนดีมากๆ พี่ชายหนิงคิดเหมือนข้าหรือไม่?”น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์
หนิงเทียนยิ้มและมองไปที่ปี้ยี่โดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
......
“เอาล่ะครั้งนี้ การแลกเปลี่ยนของพวกเราเผ่าซิ ขอยุติลงเพียงเท่านี้ ข้าผู้เยาว์ ซิเฟย ต้องขอโทษสหายจากหมู่บ้านปี้จุ่ยบางท่านที่ไม่ได้รับข้าวสารและเนื้อสัตว์อย่างทั่วถึง
ข้าขอสัญญาว่าครั้งหน้าเผ่าซิของเราจะพยายามล่าสัตว์ป่าให้ได้มากกว่านี้เพื่อทุกๆคนจะได้กินอิ่มนอนหลับอย่างเป็นสุข...”
สิ้นเสียงของซิเฟย เสียงสรรเสริญต่างๆถูกตะโกนจากผู้คนในหมู่บ้านอย่างมีอารมณ์
“ขอบพระคุณนายน้อยเฟย”
“นายน้อยเฟยมีเมตตาจริงๆ”
“นายน้อยเฟยจงเจริญ”
เอาล่ะ สำหรับความเชื่อมั่นที่ทุกท่านมีต่อเผ่าซิเรา ข้าซิเฟย ต้องขอขอบคุณจริงๆ แต่ข้ายังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง
ในวันนี้นอกจากพวกเราจะมาแลกเปลี่ยนอาหารแล้วข้ายังได้รับมอบหมายจากบิดา ให้มาคัดเลือกผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์จากหมู่บ้านปี้จุ่ยแห่งนี้หนึ่งคน
ทั้งนี้เผ่าซิเราต้องการฝึกฝนเขาให้เป็นนักรบผู้กล้า โดยหวังว่าหมู่บ้านปี้จุ่ย
จะมีผู้ฝึกตนในดินแดนนักรบเพื่อที่จะสามารถล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหารได้ด้วยตนเอง
ฉะนั้นข้าขอให้ผู้เยาว์ทุกคนในหมู่บ้าน มารวมตัวกันที่นี้ภายใน1ชั่วยาม
เสียงแตกตื่นจากฝูงชนดังออกมาทันทีเมื่อได้ยินซิเฟย พูดถึงระดับนักรบ
ดินแดนนักรบนั้นนับเป็นความฝันอันสูงสุดของคนในหมู่บ้านเลยทีเดียว
ต่อให้หมู่บ้านปี้จุ่ยของพวกมันจะมีผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์มากมายเพียงใดก็ไม่มีทางที่จะกลายเป็นผู้ฝึกตนดินแดนนักรบได้
เพียงเพราะพวกมันไม่มีปัญญาแม้จะได้เห็นหน้าปกของตำราของทักษะบ่มเพาะ ด้วยเหตุนี้เองหัวหน้าหมู่บ้าน ปี้ชี จึงติดอยู่ในระดับมนุษย์ขั้นที่9มานานนับ30ปี
“จะมีคนจากหมู่บ้านเราได้ฝึกทักษะบ่มเพาะ” ชายผู้หนึ่งตะโกนออกมาจากฝูงชนนับร้อย
“นายน้อยซิช่างมีเมตตา เผ่าซิให้ความกรุณาแก่เรามากจริงๆ” เหล่าฝูงชนเริ่มที่จะโห่ร้องตะโกนสรรเสริญเผ่าซิ อย่างไม่หยุดหย่อน
บุรุษร่างผอมสูงมองไปยังปี้ชี “ท่านพ่อ ท่านมั่นใจหรือว่า ฟานเอ๋อจะได้รับเลือกครั้งนี้”
“ลูกฟาง” เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าได้ใช้ผัก800ตะกร้าและฝืน500ตะกร้า รวมถึงแก่นสัตว์ป่าระดับ2 ที่ ฟานเอ๋อ พบเจอมา มอบให้แก่นายน้อยเฟยและท่านก็ได้รับปากกับข้าแล้วว่าจะนำฟานเอ๋อกลับเผ่าซิไปด้วย”
“ขอบคุณท่านพ่อที่เมตตาต่อฟานเอ๋อ” บุรุษที่กำลังกล่าวอยู่นี้ คือ ปี้ฟางลูกชายคนเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านปี้ชี
“เจ้ากล่าวอย่าได้กล่าวเหมือนว่า ฟานเอ๋อ ไม่ใช่หลานของพ่อ”เมื่อพูดถึงปี้ฟาน ใบหน้าของปี้ชีเปี่ยมไปด้วยความสุขและภาคภูมิ
สำหรับมันแล้วปี้ฟานนั้นเป็นอัจฉริยะของหมู่บ้านอย่างแท้จริงอีกแค่เพียงครึ่งก้าว หลานของมันจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ฝึกตนในแดน มนุษย์ขั้น2 เสียงหัวเราะของพวกมันสองพ่อลูกเต็มไปด้วยความสุข
…..
หนึ่งชั่วยามผ่านไป เด็กๆในหมู่บ้านนับสิบคนรวมตัวกันอยู่หน้าลานกว้างของบ้าน
“ปี้ยี่ เจ้าต้องการเข้าร่วมเผ่าซิ?” เด็กชายคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าดูถูก
“พี่ฟาน ปี้ยี่มันต้องการสมัครเข้าเผ่าซิ”เด็กที่ยืนอยู่ด้านหลังรายงานไปยังลูกพี่ของมัน
ปี้ฟานมองไปยังปี้ยี่ด้วยสีหน้าดูถูก “ฮ่าฮ่า ปี้ยี่เจ้า เจ้านี่แข็งแกร่งชะมัด เมื่อวานโดนซ้อมไปขนาดนั้น วันนี้ยังลุกขึ้นมาเดินได้อีก นับถือนับถือ ฮ่าๆๆ”
ด้วยคำพูดของปี้ฟานเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเด็กนับสิบดังสนั่นไปทั่ว ถ้ามองด้วยตาแล้วสามารถบอกได้เลยว่า ไม่มีผู้เยาว์ในหมู่บ้านคนใดอยู่ข้างเดียวกับปี้ยี่เลยแม้แต่ผู้เดียว
“ปี้ฟานเจ้า” ปี้ยี่กำมือแน่นด้วยความโกรธ
“มีอะไร...วันนี้เจ้าต้องการให้พวกเราทั้งหมดสั่งสอนอีกครั้ง??” เด็กชายข้างหลังปี้ฟานตะโกนออกมา
“พวกเจ้าใช้คนมากรังแกข้า เจ้าไม่เคารพกฎของหมู่บ้าน?”เวลานี้ใบหน้าของปี้ยี่นั้นแดงไปด้วยความโกรธ
“อุวะฮาฮาๆๆๆพี่ฟาน ไอหมอนี้มันพูดถึงกฎ?”
มือข้างขวาของปี้ฟานกำไปที่คอเสื้อของปี้ยี่แน่น “อะไรคือกฎของหมู่บ้าน? ความแข็งแกร่งเท่านั้นคือกฎ ฉะนั้นทุกสิ่งที่ข้าต้องการ มันคือกฎ” ปี้ฟานพูดอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นเช่นนี้เด็กหนุ่มนับสิบด้านหลังปี้ฟานตะโกนกร่นด่าปี้ยี่กันอย่างสนุกปากหมายที่จะเอาใจว่าที่หัวหน้าหมู่บ้านคนต่อไปของพวกมันอย่างปี้ฟาน
“ไอ้ขี้ขลาด!!”
“ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ฮ่าๆ”
“ขยะเช่นเจ้าไม่สมควรเป็นคนในหมู่บ้านเรา”
ปี้เหยา นางอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินการสนทนาของเด็กๆไม่เช่นนั้นหัวอกแม่อย่างนางต้องกระโดดเข้ามาปกป้องลูกอย่างแน่นอน
ในขณะที่เสียงของเด็กพวกนี้เริ่มที่จะดังขึ้นเรื่อยๆจนเป็นที่สังเกตของคนอื่นรวมถึงตัวนาง เสียงตะโกนที่ดังกังวานราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหมู่บ้านในช่วงกลางวันแสกๆ
“พวกเจ้าทุกหุบปากให้หมด” ซิตู่ตะโกนเสียงดัง มันจงใจแฝงลมปราณมากับคำพูดของมัน เพื่อที่จะแสดงความแข็งแกร่งให้คนในหมู่บ้านเห็น
“ซิตู่ อย่าได้แสดงท่าทางหยาบคาย” ซิเฟยส่งเสียงห้ามด้วยเสียงที่อ่อนโยน
“นายน้อยเฟย ผู้เยาว์ในหมู่บ้านมารวมกันที่นี้ครบทุกคนแล้ว เด็กคนกลางนั้นคือปี้ฟาน หลานชายของข้า ขอให้นายน้อยให้ความกรุณาแก่มันด้วย” ปี้ชีที่อยู่ข้างกายมันตลอดกล่าวอย่างนอบน้อม
ซิเฟยหยักหน้าไปทางหัวหน้าชีโดยมิได้พูดอันใดออกมาคล้ายกับว่าพวกมันทั้งสองนั้นรู้ในความหมายของกันและกัน
มันเดินๆไปรอบๆผู้เยาว์ทั้งหมดและชี้ไปที่ผู้เยาว์บางคน
“เจ้า เจ้า และเจ้า มีคุณสมบัติ”
เด็กที่ถูกเลือกโดยซิเฟย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ในขณะที่มันเดินไปหยุดตรงหน้าของปี้ฟาน “เจ้าใช่ไหมที่เป็นหลานของหัวหน้าชี”
“ขอรับนายน้อยเฟย ข้าชื่อว่า ปี้ฟาน” มันกล่าวด้วยความเคารพแต่สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่สามารถปิดบังได้เลย
“ดี....เจ้ามีคุณสมบัติมากที่สุดในกลุ่มคนพวกนี้ หัวหน้าชีเลี้ยงหลานได้ดีจริงๆ”
จากนั้นมันเดินไปแถวหลังสุดอีกครั้ง สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“หืม!!!.....เจ้าชื่อ ปี้ยี่ ใช่หรือไม่”
“ข..ขอรับ ข้าน้อย ข้าชื่อปี้ยี่” ปี้ยี่ตอบด้วยเสียงกล้าๆกลัวๆ
“ดีมาก เจ้ามีคุณสมบัติที่ดีไม่แพ้หลานชายหัวหน้าชีเลย”แม้คำพูดของซิเฟยจะเหมือนเช่นทุกๆครั้ง
แต่สำหรับปี้ยี่นั้นมันรู้สึกซาบซึ้งในคำชมของซิเฟยเป็นอย่างมาก มันรีบก้มศีรษะลงต่ำ “ขอบคุณนายน้อยเฟย”
เมื่อได้ยินคำพูดของนายน้อยเฟย สีหน้าของปี้ฟานและเด็กหนุ่มทั้งหมดบูดเบี้ยวราวกับทานอาจมในทันที
ซิเฟยกล่าวต่อทันที “เนื่องจากหมู่บ้านนี้มีผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์อยู่มาก ข้าจะให้พวกเจ้าตัดสินชะตาชีวิตด้วยฝีมือของตนเอง อีกสามวันข้างหน้าจะมีการประลองผู้เยาว์ของหมู่บ้านปี้จุ่ย
ผู้ที่ชนะจะได้รับ ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์ฉบับคัดลอกและโสมอายุวัฒนะ”
เมื่อสิ้นคำกล่าวของซิเฟย ฝูงชนที่เงียบสงบราวกับน้ำทะเลที่ไร้ซึ่งลมกลับแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง
“เจ้าได้ยินไหม!!!นายน้อยเฟยบอกว่าจะมอบทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์ให้เด็กในหมู่บ้านเรา”
“ทักษะบ่มเพาะระดับมนุษย์ ถ้าข้ามีโอกาสได้ฝึกชีวิตนี้ข้าต้องเป็นนักรบได้แน่ ช่างน่าอิจฉาเด็กพวกนี้เสียจริง”
“เฮ้ เจ้าไม่ได้ยินนายน้อยเฟยกล่าวถึงโสมอายุวัฒนะ??? มันสมุนไพรระดับโลกขั้นที่2เชียวนะ”
“ข้าได้ยินมาว่าผู้ใดได้กินโสมอายุวัฒนะภายใน6เดือน มันสามารถทำให้มนุษย์ธรรมดาเข้าสู่ดินแดนมนุษย์ขั้นที่2ได้ทันที”
“มันวิเศษถึงเพียงนี้ น่าเศร้าจริงๆตัวข้ากว่าจะเข้าสู่ดินแดนมนุษย์ขั้นที่2ก็อายุปาเข้าไป50ปีแล้ว” บทสนทนามากมายของฝูงชนที่รายล้อมตัวซิเฟยดังอย่างไม่หยุด
“นายน้อยท่าน...” ซิตู่กำลังจะกล่าวขึ้นขัด
ซิเฟย ยกมือห้าม “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าได้ตัดสินใจแล้ว”