WS บทที่ 319 สำแดงพลัง PART 2
“เมืองควินโนมิ”
เมอร์ลินเหลือบมองที่กำแพงแปลก ๆ ของเมืองควินโนมิ มันมีความแตกต่างระหว่างการออกแบบที่แปลกตานี้กับเมืองอื่น ๆ ในอาณาจักรแบล็คมูน
สำหรับผู้เฒ่างู เขาตามกลุ่มของเมอร์ลินไม่ทัน เมอร์ลินรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะผู้เฒ่างูไม่สามารถตามความเร็วของพวกเขาได้ ตรงกันข้าม เขาตั้งใจรักษาระยะห่างกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการสังเกตความสามารถของเมอร์ลินโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนในเมืองควินโนมิ
ท้ายที่สุดแล้ว พวกนักเวทย์เหล่านั้นก็จำผู้เฒ่างูได้ ถ้าเขาแสดงตัวออกมา มันอาจจะไม่เป็นผลดีกับองค์ชายแปด
“เราจะเข้าไปข้างใน ใครก็ตามที่เป็นนักเวทย์ต้องตาย!”
สีหน้าของเมอร์ลินสงบนิ่งแต่น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความเยือกเย็นที่จะทำให้ทุกคนที่ฟังสั่นสะท้านด้วยความกลัว
*พรึ่บ! พรึ่บ!*
ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินและแบมมูจึงบินไปยังเมืองควินโนมิอย่างรวดเร็ว
…
ในคฤหาสน์ของท่านเคานต์อันหรูหรา มีงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อฉลองวันเกิดปีที่หกสิบของเคานต์ควินโนมิ แขกมาจากชนชั้นต่าง ๆ ของชนชั้นสูงและยังมีนักเวทย์บางคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอันวิจิตรงดงาม
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้พ่อมดโทบลินมาแล้ว!”
องครักษ์สาวสวยในชุดเกราะเงินพูดกับเคานต์ควินโนมิ ที่นี่ไม่มีทหารองครักษ์ชายเพียงคนเดียวในงานเลี้ยง มีเพียงทหารองครักษ์สาวสวยในวาบหวิว
นี่เป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเคานต์ควินโนมิ เขาชอบสาวน่ารัก นอกจากทหารของเขาแล้ว แม้แต่คนรับใช้ในบ้านของเขา คนขับรถม้าของเขา และอื่น ๆ ก็ยังประกอบไปด้วยสาวงาม ยิ่งกว่านั้น เมื่อเด็กผู้หญิงเหล่านี้อายุเกินยี่สิบห้าปี พวกเขาจะถูกเคานต์ควินโนมิไล่ออก
สำหรับเคานต์ควินโนมิ ชีวิตที่ลามกอนาจารนี้เป็นชีวิตประจำวันของเขา ถ้าวันหนึ่งผ่านไปโดยไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนไหนเลย เขาคงจะไม่พอใจและหงุดหงิดอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองที่เคานต์ควินโนมิจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในเมือง ตรงกันข้าม พวกประชาชนต่างโกรธแค้นเขาอย่างสุดหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะดูเหมือนเคานต์ควินโนมิจะตระหนักดีถึงเรื่องนี้ เขาฉลาดพอที่จะนำนักเวทย์ผู้ทรงพลังมาคอยปกป้องเขาด้วย เขาจะคัดเลือกพ่ดมดพเนจรที่มีความสามารถอันทรงพลัง มอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้พวกเขา
หนึ่งในนั้นคือพ่อมดโทบลิน นักเวทย์ระดับสี่ที่โหดร้ายและชั่วร้าย เพื่อประโยชน์ของการวิจัยในการเล่นแร่แปรธาตุ เขาได้สังหารคนธรรมดาไปกว่าร้อยชีวิตโดยใช้วิธีการทดลองที่ไร้มนุษยธรรมต่าง ๆ กับพวกเขา
เขาจึงถูกไล่ล่าโดยนักเวทย์จำนวนมาก แต่ก็สามารถหลบหนีไปยังเมืองควินโนมิได้อย่างหวุดหวิดและมาอยู่ภายใต้คำสั่งของเคานต์ควินโนมิ เขากลายเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองควินโนมิและยังทำหน้าที่เป็นมือขวาของท่านเคานต์ด้วย
“ฮ่าฮ่า พ่อมดโทบลินเชิญ ๆ เข้ามาเร็ว!” เคานต์ควินโนมิรีบพูดกับเขา
หลังจากนั้น พ่อมดโทบลินซึ่งสวมชุดคลุมสีดำและสีเทาก็เข้ามาในห้องโถงและโค้งคำนับเคานต์ควินโนมิเล็กน้อย “ท่านเคานต์ที่เคารพ วันนี้เป็นวันดีของท่าน ผมจึงเตรียมยาบางอย่างเพื่อท่านโดยเฉพาะ ยานี้จะช่วยเพิ่มพลังทางกายและใช้ได้ดีกับคนทั่วไป!”
ขณะที่เขาพูด พ่อมดโทบลินหยิบขวดยาสีดำขนาดเล็กออกมาแล้วยื่นให้เคานต์ควินโนมิ
ดวงตาของเคานต์ควินโนมิเป็นประกาย แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของพ่อมดโทบลิน เมื่อเขากล่าวว่า ‘เพิ่มพลังทางกาย’ เคานต์ควินโนมิไม่ใช่นักเวทย์ เขาเป็นเพียงนักดาบธาตุธรรมดา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามีกิจกรรมทางเพศอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลง เหล่านักเวทย์อันทรงพลังส่วนใหญ่ที่เขาคัดเลือกมานั้นเป็นนักปรุงยาที่เชี่ยวชาญศาสตร์ปรุงยา
โดยการพึ่งพายาที่ทำโดยนักเวทย์ ทำให้เขามีสุขภาพดีจนถึงทุกวันนี้
“ฮ่าฮ่า ท่านช่างมีน้ำใจเหลือเกิน พ่อมดโทบลิน เชิญนั่งก่อน ฉันจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่ายาตัวนี้มีผลอย่างไรบ้าง!”
เคานต์ควินโนมิดูเหมือนจะมีกำลังใจที่ดี หลังจากที่เขารับยา เขาก็กินมันอย่างไม่อดทนด้วยความช่วยเหลือจากทหารหญิง
หลังจากที่เขากินยา ดวงตาของเคานต์ควินโนมิก็เหลือบไปมองและดูเหมือนว่าเขาจะสบายใจขึ้นแล้ว เขาไม่สนใจการปรากฏตัวของผู้อื่น เขาดึงทหารหญิงร่างสูงผอมบางซึ่งยืนอยู่ข้างเขาบนตักของเขา
ใบหน้าของผู้พิทักษ์ไม่เปลี่ยนไปราวกับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทว่า ขณะที่เธอจ้องไปที่เคานต์ควินโนมิและพ่อมดโทบลิน เธอไม่สามารถปกปิดความรังเกียจและความชิงชังในดวงตาของเธอได้
“ไม่เลว ๆ พ่อมดโทบลิน ยาของท่านเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ!”
ไม่นาน เคานต์ควินโนมิก็ปรบมือและยืนขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาซึ่งก่อนหน้านี้ค่อนข้างซีด ตอนนี้เป็นสีดอกกุหลาบและเขาก็รู้สึกกระฉับกระเฉงด้วย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลของยาที่เขาได้รับ
พ่อมดโทบลินยิ้มจาง ๆ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ เขาก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“โซ่ตรวนลม!”
*หวู่ม!*
ในเสี้ยววินาทีที่พ่อมดโทบลินยกมือขึ้น ทหารหญิงซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของเคานต์ควินโนมิ ทันใดนั้นเธอก็ชักมีดสั้นสีขาวออกมาแล้วแทงตรงไปทางเคาท์กวิโนมิ
*ฉัวะ!”
ทหารหญิงนั้นว่องไว และมีดก็กรีดหน้าอกของเคานต์ควินโนมิอย่างดุร้าย อย่างไรก็ตาม มันมีเพียงรอยข่วนปรากฏบนหน้าอกของเคานต์ควินโนมิเท่านั้น หลังจากนั้นเธอถูกลมกระโชกแรงของพลังงานธาตุลมก็จำกัดการเคลื่อนไหวของเธอ
นี่คือคาถาที่ร่ายโดยพ่อมดโทบลิน เขาช่วยชีวิตเคาท์กวิโนมิอีกครั้ง
งานเลี้ยงทั้งหมดเงียบลงทันที ทุกคนจ้องไปที่ใบหน้าบูดบึ้งของเคานต์ควินโนมิด้วยความกลัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สิ่งนี้เกิดขึ้นแต่ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น มันหมายความว่าบางคนในเมืองควินโนมิจะถูกฆ่าโดยเคานต์ควินโนมิผู้ไร้หัวใจ
“ให้ตายเถอะ เฟลินดา ทำไมเธอถึงพยายามจะฆ่าฉัน!” เคานต์ควินโนมิคำรามใส่ทหารองครักษ์หญิงด้วยความโกรธ
ทหารหญิงจ้องไปที่เคานต์ควินโนมิอย่างเคียดแค้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “หึ เคานต์ควินโนมิ ฉันอยากฆ่าแกมานานแล้ว มองดูทุกคนรอบตัวแกสิ คนไหนบ้างที่ไม่อยากฆ่าแก? แต่น่าเสียดดายที่แกยังไม่ตาย ฮ่าฮ่า ฆ่าฉันซะเลยสิ อย่างน้อยที่สุดฉันก็จะได้เป็นอิสระ…”
หน้าอกของเคานต์ควินโนมิสั่นไหวอย่างไม่มั่นคงและดูเหมือนว่าเขาจะโกรธ เขาชี้ไปที่ทหารองครักษ์หญิง และพูดอย่างมืดมนว่า “แกอย่าคิดว่าจะตายได้ง่าย ๆ ล่ะ อย่างไรก็ตาม ตระกูลของแกจะต้องทนทุกข์ร่วมกับแกสำหรับการกระทำที่โง่เขลาของแก! ไป จับทุกคนในตระกูลของนังนี่มา อย่างให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ยามหลายคนเข้ามาจากด้านนอกและลากทหารหญิงออกไปอย่างไร้ความปราณี
“ท่านปีศาจ ฉันขอยอมแลกด้วยอะไรก็ได้ ฉันขอให้ท่านปีศาจปรากฏตัวตอนนี้และฆ่าควินโนมิทีไร้หัวใจซะและช่วยชีวิตของผู้คนในเมืองควินโนมิทั้งหมด…”
เสียงตะโกนอันแสนปวดร้าวของเธอดังก้องอยู่ในปราสาท แต่ไม่มีปีศาจในโลกนี้ แม้ว่าจะมี ก็ไม่มีปีศาจตนใดสามารถเติมเต็มความปรารถนาของเธอได้
“พอแล้ว ๆ มาฉลองกันต่อ!”
การขับไล่ทหารหญิงออกจากงานเลี้ยงเป็นเพียงอุปสรรคเล็กน้อยในตอนเย็น ในไม่ช้า เคานต์ควินโนมิก็ฟื้นคืนสติและเรียกทหารสาวสวยมาอีกคนหนึ่งพร้อมกับงานเลี้ยงภายในปราสาท
*ปัง!*
ขณะที่งานเลี้ยงเริ่มกลับมามีการเฉลิมฉลองอีกครั้ง ก็มีเสียงดังขัดจังหวะอย่างกะทันหัน นอกจากนี้ คราวนี้ ประตูใหญ่ของปราสาทก็พังทลายลงทันที ก้อนหินแข็งกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งและล้มลงกับพื้น
พวกขุนนางในห้องโถงต่างหวาดกลัวและถอยกลับไปด้านหลัง สายตาจับจ้องไปที่ทางเข้าประตู ที่นั่นมีร่างที่ไม่คุ้นเคยสองคนปรากฏตัวขึ้นและหนึ่งในนั้นกำลังอุ้มร่างของทหารหญิงที่ถูกลากออกไปเมื่อกี้
“ถึงฉันจะไม่ใช่ปีศาจแต่ฉันสามารถทำตามคำขอของคุณได้!”
ชายหนุ่มที่อุ้มทหารหญิงยิ้มอย่างประหลาดขณะที่เขาพูดเบา ๆ กับเธอ
*พรึ่บ!*
ทันทีที่ชายหนุ่มพูด พ่อมดโทบลินก็ยืนขึ้นทันทีและปรากฏตัวข้าง ๆ เคานต์ควินโนมิในพริบตา เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ท่านเคานต์ พวกเขาเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง ท่านควรรีบหนีไป”
เห็นได้ชัดว่าพ่อมดโทบลินสามารถรับรู้ถึงภัยคุกคามที่ผู้มาใหม่ทั้งสองและใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก
เคานต์ควินโนมิค่อนข้างลำบากใจแต่เขายังคงสงบนิ่ง เขายังเชื่อมั่นในความสามารถของพ่อมดโทบลิน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย “พ่อมดโทบลิน ท่านควรระวังเช่นกัน ฉันจะไปเรียกนักเวทย์ทั้งหมดภายในปราสาทเดี๋ยวนี้ ฮึ่ม!! พวกเขากล้าบุกเข้าไปในปราสาทของฉัน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร พวกเขาต้องชดใช้!”
ด้วยเหตุนี้ เคานต์ควินโนมิจึงเริ่มอพยพออกจากปราสาทภายใต้การคุ้มครองของทหารและนักเวทย์บางคน
“คิดจะหนีไปได้ง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ?”
สายตาที่สงบของชายหนุ่มจับจ้องไปที่เคานต์ควินโนมิ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปหาเคานต์ควินโนมิทีละก้าวอย่างสบายๆ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใครแต่ฉันคือพ่อมดโทบลิน บางทีอาจมีความเข้าใจผิดระหว่างคุณกับเคานต์ควินโนมิ”
พ่อมดโทบลินก็เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวและยืนอยู่ข้างหน้าเคานต์ควินโนมิ ชีวิตที่สะดวกสบายของเขาในเมืองควินโนมิทำให้เขาได้มอบความจงรักภักดีให้เคานต์ควินโนมิ
ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก่อนอื่นเขาต้องแน่ใจว่าเคานต์ควินโนมิจะต้องปลอดภัย
“โทบลิน…ถูกต้อง คุณจะเป็นคนแรกที่ตาย จำชื่อของฉันไว้ ฉันคือเมอร์ลิน วิลสัน!”
ชายหนุ่มคนนี้คือเมอร์ลินที่รีบจากเมืองทารันไปยังเมืองควินโนมิ เมื่อได้รู้ว่านักเวทย์เบื้องหน้าของเขาคือโทบลิน เขาได้เผยรอยยิ้มอันเย็นชาออกมา
ในระหว่างการสืบสวนของเมอร์ลิน เขาค้นพบว่าพ่อมดโทบลินแห่งเมืองควินโนมิเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไปปราสาทวิลสันในก่อหน้านี้ หากผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ที่องค์ชายแปดส่งมาไม่ทันเวลา ปราสาทวิลสันคงไม่เหลืออยู่อีกต่อไป
“เมอร์ลิน? เมอร์ลินแห่งดินแดนมนต์ดำ? เป็นแกนี่เอง…ถึงจะมาหาฉันถึงที่แล้วมันจะทำไม?”
เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาคือเมอร์ลิน ดวงตาของพ่อมดโทบลินก็ฉายแสงเจิดจ้า เขารู้ว่าเมอร์ลินมาถึงที่แล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปได้
การฆ่าเมอร์ลินอาจเป็นเรื่องลำบาก แต่การไม่ฆ่าเขาจะทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น ดังนั้น แม้ว่าโทบลินจะวิตกกังวลกับการตอบโต้ของดินแดนมนต์ดำแต่เขาก็ไม่ลังเลเลยหากเมอร์ลินมาถึงที่นี่
*บูม!*
พายุรุนแรงส่งเสียงหวีดหวิวขณะเคลื่อนตัวเข้าหาเมอร์ลิน นี่เป็นคาถาระดับสี่ซึ่งแข็งแกร่งพอที่จะบดขยี้พลังป้องกันให้เป็นฝุ่นผง
เมอร์ลินไม่แม้แต่จะใส่ใจที่จะมองดูพายุที่สั่นสะเทือน เขายื่นมือออกไปแล้วกดไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยนิ้วของเขา
“เพลิงวินาศ!”
เปลวเพลิงสีขาวเริ่มแผดเผาอย่างร้อนแรงทันที พ่อมดโทบลินไม่มีเวลาแม้แต่จะเสกคาถา ร่างกายของเขาจะจมอยู่ในเปลวเพลิงสีขาวเรียบร้อยแล้ว
เปลวเพลิงหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ร่างของพ่อมดโทบลินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
ในสายตาของเคานต์ควินโนมิ พ่อมดโทบลินเป็นนักเวทย์ระดับสี่ทรงพลัง แต่เขากลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากเมอร์ลินได้แม้แต่ครั้งเดียว
“ส่วนพวกแกทุกคน…ก็ตายซะ!”
เมอร์ลินมองไปทางขุนนางในห้องโถง ทุกสิ่งที่คนเหล่านี้ทำ ล้วนเป็นสิ่งที่เมอร์ลินเกลียดชัง เขาไม่ใช่คนที่จะฆ่าพวกคนทั่วไปแต่พฤติกรรมของเคานต์ควินโนมิก่อนหน้านี้ทำให้เขาโมโหจนสุดขีด เขาโมโหมากจนต้องระบาบมันออกมา
*ครืน! ครืน! ครืน!*
เปลวเพลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดบินจากเมอร์ลินและกลืนกินทั้งปราสาท ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นขุนนางหรือนักเวทย์ พวกเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสที่เบาที่สุดของเปลวเพลิงสีขาว
ไม่มีเสียงร้องไห้ที่น่าสงสาร ไม่มีกลิ่นเหม็นคาวของเลือดและไม่มีแม้แต่บรรยากาศของความโกลาหลและความวุ่นวาย ทว่าใครก็ตามที่ได้เห็นฉากนี้ด้วยตาของตัวเองจะรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในอก
แม้แต่ทหารหญิงซึ่งก่อนหน้านี้ตกอยู่ในความสิ้นหวังและไม่ลังเลที่จะสวดอ้อนวอนให้ ‘ปีศาจ’ เธอจ้องไปที่เปลวเพลิงอันโหมกระหน่ำต่อหน้าต่อตาเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“พ่อมดเมอร์ลิน หยุดเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้ เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลดังก้องอยู่ในหูของเมอร์ลิน