ตอนที่ 636 ศิษย์น้องเล็ก
ตอนที่ 636 ศิษย์น้องเล็ก
เพียงแค่พลังแห่งคำพูด การต่อสู้ก็จบลง
ชายคนนั้นจะต้องเป็นอาจารย์ของเหล่าผู้ฝึกยุทธชาวรั่วหรี่อย่างเกาหลงแน่ เขาเป็นยอดฝีมือที่มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเกาหลงเป็นผู้มีพลังขั้นมหาราชครู ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มที่เพิ่งจะฟื้นคืนชีพไม่ได้มีพลังอะไร เขาเทียบอะไรกับเกาหลงไม่ได้ซะด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาคงจะรับมือกับผู้มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แน่
“เจ้า!” อาจารย์ของเกาหลงล้มลง การโจมตีของเขาพลาดเป้า สิ่งที่ทำได้มีเพียงเหลือบมองชายชราที่ขัดขวางการโจมตีเอาไว้
ลู่โจวสวมคลุมยาว เขากำลังยืนอยู่โดยที่มีดวงอาทิตย์ส่งแสงมาจากทางด้านหลัง
อาจารย์ของเกาหลงมองเห็นลู่โจวไม่ชัดเท่าไหร่ เขาที่สงสัยได้แต่ถามออกมาอย่างฉุนเฉียว “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ลู่โจวไม่ตอบ “เจ้าเป็นอาจารย์ของเกาหลงอย่างงั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็สมควรตาย...”
“???”
“ชายหนุ่มคนนี้...เป็นศิษย์ข้า” ลู่โจวชี้ไปยังยู่เฉิงไห่ที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง
อาจารย์ของเกาหลงเบิกตาด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองรอบตัวให้ดีก็เต็มไปด้วยซากศพ เกาหลงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อมองไปยังด้านหลังของชายชราเขาก็มองเห็นผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็มีพลังออร่าที่ดูลึกล้ำ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ร้ายที่คาบฝักดาบเอาไว้ในปาก ‘ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้มาที่นี่หมู่บ้านเล็กๆ ได้ยังไงกัน?’
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรอาจารย์ของเกาหลงอีกต่อไป เขาไม่อยากแม้แต่จะถามชื่อ สำหรับผู้ที่มีพลังอวตารไม่ถึงห้ากลีบ ลู่โจวสามารถจัดการเขาได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังวิเศษ
อวัยวะภายในของอาจารย์เกาหลงบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจจะรักษาได้แล้ว เส้นพลังลมปราณทั้งแปดถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี พลังลมปราณภายในจุดพลังลมปราณก็เสียหายโดยที่ไม่อาจจะซ่อมแซมได้ เขาได้แต่นอนราบกับพื้นเหลือบมองท้องฟ้าก่อนที่จะหยุดหายใจไป
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
ในตอนนั้นเองยู่เฉิงไห่ก็เดินมาด้วยความอยากลำบากก่อนที่จะเหลือบมองไปยังลู่โจว “ขอบคุณ ผู้ช่วยชีวิตข้าด้วย!”
ลู่โจวหันกลับมาอย่างช้าๆ “เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?”
ยู่เฉิงไห่รู้สึกอับอาย เขารีบเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “ทะ...ท่านอาจารย์”
“ลุกขึ้น”
ยู่เฉิงไห่คุกเข่าลงแต่โดยดี การเชื่อฟังแต่โดยดีไม่สมกับเป็นยู่เฉิงไห่ ศิษย์คนแรกแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเอาซะเลย
ยู่เฉิงไห่ค่อยๆ ลุกขึ้น
ลู่โจวประเมินสาวกคนแรกอีกครั้ง
โลกยังคงหมุนไปทุกวินาที ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในวัฏจักร เวลาที่ไม่เคยหยุดยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแก่เฒ่า แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ย่อมไม่เสื่อมคาย
ลู่โจวรู้สึกตกตะลึงกับลักษณะพิเศษที่ชาววู่เฉียนมี เขาไม่คิดว่ายู่เฉิงไห่จะฟื้นฟูจนกลับมาเป็นชายหนุ่มแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่ความทรงจำและพลังวรยุทธได้ขาดหายไป ดูเหมือนยว่ายู่เฉิงไห่จะสูญเสียพลังไปก็เพราะพลังนั้น ยิ่งไปกว่านั้นอายุขัยของยู่เฉิงไห่ก็ใกล้จะหมดลงเต็มที ถ้าหากเป็นอย่างที่สีวู่หยาพูด แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะฟื้นคืนชีพสำเร็จ เขาก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน ยู่เฉิงไห่อาจจะตายได้ตลอดเวลา
ยู่เฉิงไห่เงยหน้าขึ้นพูด “ข้าคิดว่าท่าน...คงพยายามหาข้อแก้ตัวเพื่อช่วยข้า...ดาบเล่มนี้มันล้ำค่าจนเกินไป ข้าจะคืนให้” ยู่เฉิงไห่ยกกระบี่นิลโลหิตขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง
เมื่อสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะมีไหวพริบดี ท้ายที่สุดแล้วมันคือกระบี่ล้ำค่าของศิษย์คนโตแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า
ถึงแบบนั้นลู่โจวที่ลูบเคราก็ได้รับกลับมา “ดาบเล่มนี้ชื่อว่ากระบี่นิลโลหิต มันคืออาวุธระดับสรวงสวรรค์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมันจะเป็นของเจ้า”
“...”
แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะตื่นเต้น แต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์มีค่าแค่ไหน ใครกันจะใจกว้างมากพอที่จะมอบอาวุธระดับสรวงสวรรค์ให้กับชายที่เพิ่งพบหน้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชายหนุ่มที่อ่อนแอจนไม่แม้แต่จะปกป้องตัวเองได้
นอกจากสีวู่หยา คนอื่นๆ ยังคงตกตะลึง ‘ท่านปรมาจารย์เอาจริงอย่างงั้นเหรอ?’
ต้วนมู่เฉิงโค้งคำนับก่อนจะรีบพูด “ท่านอาจารย์ ได้โปรดอย่าเลย!”
“ได้โปรดไตร่ตรองใหม่ด้วย ท่านปรมาจารย์!”
ถ้าหากมอบอาวุธชิ้นนี้ให้กับคนอื่นไม่เท่ากับว่าจะยอมแพ้ให้กับการตามหายู่เฉิงไห่ มันคงจะโหดร้ายมากถ้าหากเขายังอยู่
ลู่โจวขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าต้องขออนุญาตพวกเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”
“พวกเราไม่กล้า!” ทุกๆ คนได้แต่ก้มหน้าลง
ในทางกลับกันสีวู่หยาตัดสินใจที่แตกต่าง “ข้าเห็นด้วยกับท่าน ท่านอาจารย์!”
“...”
‘วันนี้ท่านศิษย์คนที่เจ็ดลืมเอาสมองมาอย่างงั้นเหรอ?’
ไม่มีใครคัดค้านที่จะรับสมาชิกใหม่ให้เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่การจะให้สมาชิกใหม่มาแทนที่สมาชิกเดิมมันเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่สาวกทั้งหลายจะไม่เป็นสุขเมื่อกระบี่ของผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ถูกมอบให้กับสาวกคนใหม่แบบนี้
ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนจะพูดอีกครั้ง “เก็บเอาไว้ซะ”
ยู่เฉิงไห่ลังเลเมื่อได้เห็นทุกคนที่หันมามอง แต่เมื่อได้ยินและได้เห็นสีหน้าอันจริงจังของผู้เป็นอาจารย์ เขาก็ได้แต่คุกเข่าลงเพื่อโค้งคำนับ “ขอบคุณ ท่านอาจารย์”
“ดี” ลู่โจวตอบรับสั้นๆ
ฝานซงและโจวจี้เฟิงหันมาพูดกับยู่เฉิงไห่ “ท่านสิบเอ็ด”
ท่านสิบเอ็ด?
ยู่เฉิงไห่รู้สึกตื้นตันเล็กน้อยกลับการถูกเคารพนับถือ
ฝานซงยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ท่านโชคดีแล้วที่ได้กระบี่นิลโลหิตมาครอบครอง กระบี่ชิ้นนี้เป็นอาวุธระดับสรวงสวรรค์อันภาคภูมิใจของท่านศิษย์คนแรก ในตอนนี้มันอยู่ในมือของท่านแล้ว ได้โปรดอย่าทำให้ชื่อเสียงของมันต้องมัวหมองด้วย”
“ท่านศิษย์คนแรก?”
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็พูดขึ้น “ถ้าหากท่านอาจารย์ยอมรับเจ้า นั่นก็เท่ากับว่าเจ้าเป็นศิษย์น้องเล็กอย่างงั้นสินะ?”
“ศิษย์น้องเล็ก...” หอยสังข์พูดแทรก
หมิงซี่หยินส่ายหัว เขาพูดออกมาโดยที่ไม่สนใจอะไรมากนัก “ศิษย์น้องเล็ก...”
ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มได้กลายเป็นสมาชิกคนใหม่ล่าสุดของศาลาปีศาจลอยฟ้า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะเรียกว่าศิษย์น้องเล็ก
ต้วนมู่เฉิงเดินตรงมาก่อนที่จะตบไหล่ของยู่เฉิงไห่ “ในเมื่อท่านอาจารย์ยอมรับเจ้า ข้าก็จะไม่ว่าอะไร แต่พวกเรายังคิดว่าเจ้ายังไม่เหมาะกับกระบี่เล่มนั้น”
สีวู่หยา “???”
ผู้อาวุโสทั้งสองทักทายยู่เฉิงไห่อย่างไม่เต็มใจเช่นกัน
“ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้วที่จะทักทายทุกคน”
ยู่เฉิงไห่เดินผ่านซากศพ...ก่อนจะโค้งคำนับทุกคน...
ไม่ทันที่จะถูกโค้งคำนับลู่โจวก็พูดแทรกซะก่อน “โอหัง!” เสียงของลู่โจวทำให้ทุกๆ คนสั่นกลัว
ทุกคนผงะไป เกิดอะไรขึ้นกับท่านปรมาจารย์? หรือว่าเขาจะเพี้ยนไปแล้ว?
ลู่โจวยืนอยู่ข้างยู่เฉิงไห่พูดขึ้น “รู้จักสถานะตัวเองซะบ้าง ทักทายศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าเร็วเข้า!”
สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องตกตะลึง พวกเขายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
สีวู่หยารีบอธิบาย “มันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของชาววู่เฉียน ศิษย์พี่ใหญ่โชคดีไม่พอ เขาฟื้นคืนชีพกลับมาในขณะที่ยังเป็นเด็ก...”
“...”
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจ ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง
สีหน้าของฝานซงตื่นตกใจมากที่สุด ‘ข้าอีกแล้วสินะ...’
ฝานซงรีบถอดเสื้อคลุมออกโดยไม่พูดอะไรก่อนจะก้าวออกมา “ไม่น่าแปลกใจเลย...ที่ท่านดูคุ้นเคยกับกระบี่...ท่านศิษย์พี่ใหญ่ ในก่อนหน้านี้ข้าพูดหยอกล้อเท่านั้น ได้โปรดอย่าถือสาข้า แม้ข้าจะต้อยต่ำแต่ได้โปรดสวมใส่เสื้อคลุมนี้ก่อนเถอะ”
พรึ๊บ!
ฝานซงรีบคุกเข่าลงก่อนที่จะมอบเสื้อคลุมตัวนอกให้กับยู่เฉิงไห่
โจวจี้เฟิงพูดไม่ออก ‘เจ้านี่เคยพบกับศิษย์คนแรกมาก่อนเหรอไงกัน สมควรแล้วล่ะ โชคดีที่ข้ามัวแต่ตกใจอยู่!’
หมิงซี่หยินคารวะให้กับยู่เฉิงไห่ตรงหน้าด้วยสายตาอันซับซ้อน แม้ว่ายากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินแต่เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้วชายหนุ่มตรงหน้าก็ดูเหมือนกับยู่เฉิงไห่ทุกอย่าง ชายหนุ่มคนนี้คือยู่เฉิงไห่ตัวจริง! “ศิษย์พี่ใหญ่!? ท่านไม่รู้สินะว่าข้าคิดถึงท่านแค่ไหน?”
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้วก่อนจะย่อตัวคำนับกลับ
ต้วนมู่เฉิงที่เข้มงวดมาโดยตลอดโค้งคำนับให้อย่างงุ่มง่าม “ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าใส่ใจเลย”
เล้งลั่วและฝนลี่เทียนพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านหนึ่ง”
ในตอนแรกทุกคนสงสัยที่ยู่เฉิงไห่สามารถใช้พลังอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด สุดท้ายแล้วคนตรงหน้าก็คือยู่เฉิงไห่เอง ไม่แปลกเลยที่ชายหนุ่มจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ยู่เฉิงไห่เดินผ่านหมิงซี่หยินไป...
แม้ว่าคนอื่นๆ จะเคารพนับถือตัวเขา แต่ยู่เฉิงไห่ก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้อยู่
หยวนเอ๋อกระโดดมาใกล้ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ท่านเป็นศิษย์พี่ใหญ่เองสินะ ท่านคงไม่คิดมากสินะที่ข้าจำท่านไม่ได้”
“ไม่...ไม่แน่นอน”
“แล้วข้าล่ะ ศิษย์พี่ใหญ่?”
“ไม่แน่นอน”
ทุกๆ คนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่จะไม่ถือสาอะไร
ลู่โจวพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ามีคำถาม...แต่เจ้าจะเข้าใจในไม่ช้าเอง บี่เอี๊ยน”
บี่เอี๊ยนบินผ่านมา มันปล่อยฝักดาบที่คาบไว้ลงสู่พื้น
ยู่เฉิงไห่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ฝักดาบของศิษย์พี่!”
หืม? เขากำลังพูดถึงศิษย์พี่ที่ไหนกัน