ตอนที่ 26 เปิดระดับ 2(อ่านฟรี)
ตอนที่ 26 เปิดระดับ 2
เรย์ถูกฟาริสที่ถือเชือกอยู่ในมือมัดทบวนไปมาสามรอบติดอยู่กับเก้าอี้อย่างแน่นหนา นอกจากนั้นโบเวนยังเดินเข้ามาและจับเก้าอี้และเรย์ไว้ไม่ให้เขาดิ้นจนล้มลง
“กึก ๆ อ๊ากกก...” เรย์กัดฟันแน่นเตรียมรับความเจ็บปวด จนผ่านไปสองสามวินาทีความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาอย่างน่าหวาดหวั่น
เลือดสีขาวเข้ามาเติมเต็มเข้ามาในจุดพลังงานในร่างกายของเรย์ พลังงานในเลือดที่กำลังโดนดูดซับพยายามหาทางไปยังจุดพลังงาน แต่เพราะจุดพลังงานแรกของเรย์นั้นได้ถูกเติมเต็มแล้ว นั้นทำให้เรย์รีบบังคับมันและหาทางเปิดระดับ 2 เพื่อสร้างจุดพลังงาน
ไม่เจ็บ...ฟู่ ไม่เจ็บ...ฟู่
เรย์กัดฟันแน่น พยายามเป่าปากเพื่อฝืนความเจ็บพร้อมกับประครองสติผ่านไปให้ได้
ในครั้งแรกที่เปิดระดับ 1 นั้นคือความเจ็บปวดจนตาย แต่ในครั้งนี้ความรู้สึกมันเบาลงประมาณหนึ่งในร้อยส่วน แม้ไม่มาก แต่ก็อนุญาตให้เรย์ได้มีสติมากขึ้น
ไม่เจ็บก็บ้าแล้ว! เราใกล้จะไม่ไหวแล้ว
เลือดสีขาวถูกดูดซึมอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเรย์เริ่มร้อนและเจ็บไปทั้งตัว มือและเท้าของเรย์เกร็งกระตุกไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“นี่มันรุนแรงกว่าตอนที่ฉันเปิดระดับซะอีก”
“อืม”
โบเวนและฟาริสมองเรย์ที่ดิ้นทรมานอยู่บนเก้าอี้ ทั้งสองพึ่งจะเข้าใจว่าทำไมเรย์ถึงขอให้พวกเขาช่วย เพราะถ้าเรย์ไม่มีพวกเขาช่วยเขาอาจจะตายจากการดิ้นไปมาจากความเจ็บปวดก็ได้
“ผู้ใช้พลังเวทมนตร์จะเจ็บปวดมากที่ในการเปิดระดับ อาจจะมากกว่าผู้มีพลังอีกสองสามหลายสิบเท่า” คอนราดกล่าวก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากของเรย์
พลังจิตระดับ 5 ของคอนราดระเบิดออกมาในทันที บรรยากาศรอบ ๆ เริ่มกดดันอย่างรุนแรง
คอนราดค้นหาความคิดที่ทรงพลังที่สุดของเรย์ในขณะนี้มันไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่เป็นความอดทน ความคิดส่งผลต่อร่างกายมากกว่าที่ใครสักคนจะจินตนาการได้
“ความอดทนของคุณมากกว่าที่คิดมากนัก” คอนราดกล่าวจบก็ใช้พลังในขอบเขตของผู้ใช้พลังจิต ขยายความคิดในความอดทนของเรย์
เรย์เริ่มกลับมาคุมตัวเองได้อีกครั้ง สติของเขากลับมา แม้มือและร่างยังเกร็งจากความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แหกปากร้องอีก ยิ่งเวลาผ่านไปการดูดซับเลือดสีขาวก็ยิ่งเร็วขึ้น
จุดพลังงานที่สองถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งเลือดสีขาวในท้องของเรย์หายไปจนหมด ก็เป็นจังหวะที่จุดพลังงานที่สองสร้างขึ้นมาสำเร็จจุดพลังงานที่สองนั้นมีขนาดเป็นสองเท่าของจุดพลังงานแรก ถ้าจุดพลังงานแรกเท่าเม็ดข้าว จุดพลังงานที่ก็คือข้าวสองเม็ดที่รวมกันและมันกำลังโคจรรอบจุดพลังงานราวแรงกับว่าจุดพลังงานแรกนั้นเป็นจุดศูนย์กลางของมัน
เรย์กำลังหลับตาและเฝ้ามองจุดพลังงานทั้งสองอย่างพึงพอใจ แม้จุดพลังที่สองใหญ่กว่าจุดพลังงานแรก แต่มันก็ไม่เสถียรเทียบจุดพลังงานแรกนั้นก็เพราะว่ามันไม่มีอักษรเวทมนตร์สลักอยู่
หลังจากนี้เรย์ต้องทำการเรียนรู้อักษรเวทมนตร์ของคาถาติดตัวอีกบทและสลักลงไปในจุดพลังงานที่สอง เพื่อให้จุดพลังงานที่สองมั่นคงมากขึ้น
พอมาคิดถึงคาถาที่สองเรย์ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจริง ๆ
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
ขณะที่เรย์ตกอยู่ในความคิด หัวหน้าคอนราดถามขึ้นพร้อมกับถอนมือกลับออกมาศีรษะของเรย์
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณครับหัวหน้า” เรย์ก้มหน้าขอบคุณจากใจ ที่จริงเขาอยากจะลุกขึ้นยืนขอบคุณอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ แต่เพราะตอนนี้โดนมัดอยู่จึงไม่อาจจะขยับตัวได้
“นายจะจับเขาอีกนานไหม รีบแก้เชือกเร็วเข้า” ฟาริสกล่าว
โบเวนที่จับเรย์อยู่รีบปล่อยเรย์และแก้มัดเขาในทันที ก่อนจะพูดด้วยความอิจฉาว่า “ผู้ใช้เวทมนตร์สุดยอดไปเลย ไม่ถึงสัปดาห์ก็สามารถเปิดระดับ 2 ได้แล้ว ในตอนนั้นฉันต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าจะทำให้ระดับ 1 เสถียรได้”
“ผู้ใช้พลังกายภาพทำให้จุดพลังงานเสถียรได้ยังไง” เรย์ถามอย่างสงสัย
“การทำให้จุดพลังงานเสถียรและมั่นคงสำหรับผู้ใช้พลังกายภาพก็คือการฝึกฝนร่างกาย ฝึกฝนให้ร่างกายรองรับพลังงานที่ออกมาจากจุดพลังงานและโคจรไปเรื่อย ๆ ยิ่งเราฝึกร่างกายมากเท่าไหร่ ใช้พลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมั่นคงเท่านั้น และการฝึกก็เหนื่อยมากนั่นแหละฉันถึงคิดว่านายน่าอิจฉา” โบเวนอธิบาย
“แต่ถ้าฝึกหนัก ๆ ก็สามารถพัฒนาได้รวดเร็วมากไม่ใช่หรือยังไง” เรย์ถามกลับไป
“เออ...นั้นก็ใช่ ถ้าอดทนระดับก็พัฒนาขึ้นไม่ยาก ฮ่า ๆ ฉันไปนอนต่อดีกว่า” โบเวนตอบพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน
“นายไม่ต้องไปสนใจเขา หมอนี่มันขี้เกียจระดับเลยพัฒนาเชื่องช้าแบบนี้” ฟาริสกล่าวจิกกัดเบา ๆ
“เฮ้..ระดับฉันก็เท่ากับนายไม่ใช่หรือยังไง” โบเวนถามกลับ แต่ฟาริสส่ายหัวและยิ้มมุมปาก
“เฮ้ยอย่าบอกนะว่า...” โบเวนชี้ไปที่ฟาริสมองขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ ฉันเปิดระดับ 4 ได้แล้ว ตอนนี้เป็นผู้ใช้พลังกายภาพระดับ 4 ต้องขอบคุณการต่อสู้กับซอมบี้นักกล้ามนั้น มันช่วยให้การฝึกย่นระยะเวลาฝึกได้เยอะเลย”
ฟาริสกล่าวจบ โบเวนก็ไม่พูดกับเขาอีก รีบลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูจะออกไปด้านนอกในทันที
“นายจะไปไหน” ฟาริสถาม
“ไปฝึก”
ปัง!
พูดจบโบเวนก็ปิดประตูออกจากห้องพักทีมในทันที
คอนราดไม่สนใจการกระทำของลูกทีมเขาหันไปสนทนากับเรย์ “นายมีคาถาที่จะเรียนอีกบทแล้วใช่ไหม เพราะถ้ายังไม่มีควรจะทำเรื่องขอไปทางสำนักงานกลางของหน่วย พอคะแนนความสำเร็จภารกิจถึงแล้วพวกเขาจะได้ส่งคาถามาในทันที”
“ผมมีคาถาแล้วครับ” เรย์ไม่ได้บอกว่ามาจากไหน แต่คอนราดก็พอเดาได้ว่ามาจากไดร่า
“ถ้างั้นก็ดี หวังว่าคุณจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว”
พูดเสร็จคอนราดก็เดินกลับไปนั่งในมุมของตัวเอง พร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ก่อนจะพักผ่อนอยู่เงียบ ๆ เรย์ไม่ไปรบกวนคอนราดหรือฟาริสอีก เขาเก็บเลือดสีขาวที่เหลือ 5 ขวดกลับเข้าที่
จากนั้นก็เริ่มคิดถึงคาถาที่จะเป็นคาถาติดตัวของเขาคาถาที่สองอีกครั้ง
คาถาแรกของเรย์คือคาถาบอลแสง ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ ในสถานที่มืด ตอนนี้เรย์จึงคิดถึงคาถาโจมตีได้แล้ว คาถาโจมตีที่เรย์มีอยู่ในมือตอนนี้คือคาถาบอลเพลิงและคาถาแสงชำระล้าง
ถ้าเทียบกันแล้วเรย์แทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ ว่าต้องเป็นเวทมนตร์แสงชำระล้าง เพราะนอกจากด้านพลังโจมตีวงกว้างแล้ว เรย์ยังต้องใช้คาถานี้เพื่อเรียนรู้การสร้างกระสุนชำระล้างอีกด้วย
เรย์หยิบกระดาษคาถาแสงชำระล้างออกมา ก่อนจะเริ่มเรียนรู้และสลักคาถาลงไปในจุดพลังงาน แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขา เรย์รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเรียนรู้คาถาแสงชำระล้างเป็นคาถาติดตัวนี้ในเวลาอันรวดเร็ว
ต้องเริ่มจากการสะสมพลังงานอย่างช้า ๆ ก่อนจะร่ายคาถาเพื่อสร้างอักษรเวทมนต์ของแสงชำระล้าง
“เร...”
อักษรเวทมนตร์เริ่มปรากฏในมือของเรย์ แต่เรย์กลับขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะสลายอักษรเวทมนตร์ในมือทิ้งและเริ่มรวบรวมพลังงานใหม่อีกครั้ง
“เร...ลัน...”
เรย์เริ่มทำการ ร่ายคาถา สร้างอักษรเวทมนตร์ และก็ทำลายมันหรือไม่อักษรก็สลายไปเอง ทำแบบเดิมอีกหลายครั้งวนเวียนอยู่แบบนั้นสองสามชั่วโมงไม่หยุดพัก
จนในที่สุดเรย์ก็คิดว่าวันนี้เขาควรจะพอแค่นี้ก่อน
ต้องค่อยเป็นค่อยไป...เรย์บีบนวดที่ท้ายทอยของตัวเอง
โบเวนที่ออกไปฝึกก็กลับเข้ามาพักผ่อนเช่นกัน ด้วยสภาพเปียกโชกตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ ซึ่งโบเวนก็ตรงเข้าไปที่ห้องน้ำก่อนจะล้างเนื้อล้างตัวเองและนอนหลับไปในทันที
...
ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว ยังไม่มีรอยแยกมิติเกิดขึ้น ซึ่งทางด้านของทีมหัวหน้าไดร่าก็เช่นกัน ดังนั้นเรย์จึงคิดว่าเขาควรกลับไปที่บ้านได้แล้ว แน่นอนว่าถ้ารอยแยกมิติเกิดขึ้นจริงและทางผู้จัดการซีน่อนให้ภารกิจมาเขาที่กลับไปแล้วก็ต้องรีบเดินทางมาที่โรงแรมนักล่าในทันที
แต่ก่อนที่เรย์จะได้ลุกขึ้นเก็บของกลับบ้าน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา มันเป็นเสียงมาจากโทรศัพท์แบบหมุนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเบื้องหน้าของคอนราด
คอนราดที่นั่งหลับตางีบหลับ ลืมตาขึ้นมามองไปที่โทรศัพท์ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูคุยกันอยู่สองสามคำก็วางสายลง
“ไปเถอะมีงานเข้า ฟาริสฝากไปเอาเอกสารด้วย โบเวนวันนี้นายขับรถ ไปตรวจดูสภาพรถด้วย ลุงคอนเนอร์น่าจะเตรียมมันพร้อมแล้ว” คอนราดกล่าวจบทุกคนก็รีบเตรียมตัวในทันที
ส่วนคอนราดนั้น เพราะเขาไม่ค่อยจะออกไปไหนจึงใส่ชุดพร้อมรบอยู่แล้ว
...
ไม่เกิน 5 นาทีทุกคนลงมาถึงที่รถหุ้มเกราะขับเคลื่อนหกล้อ PWCM2-009 รถประจำทีมของคอนราดตอนนี้โบเวนนั่งประจำที่คนขับแล้ว คอนราดนั่งข้าง ๆ โบเวน ส่วนเรย์และฟาริสนั่งข้างกัน เรย์หันไปมองข้างหลังถ้ากวินไม่ตายก็คงจะนั่งที่เดิม
ทีมของพวกเขามีกัน 4 คน แต่เพราะคนในทีมอย่างคอนราดและฟาริสแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงกายด้วยทำให้ทีมยังรักษาระดับเหล็ก 3 ดาวไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา
“ไปกันเถอะ” คอนราดกล่าว โบเวนพยักหน้าก่อนจะใส่เกียร์เหยียบคันแร่งออกไปในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เรย์นั่งรถโดยโบเวนเป็นคนขับ
ในตอนแรกเรย์คิดว่าด้วยนิสัยของโบเวนจะขับรถราวกับพวกนักขับขาซิ่ง แต่กลับเป็นว่าโบเวนขับรถดียิ่งกว่าพวกพนักงานขับรถมืออาชีพซะอีก มันนิ่มมาก แต่ยังรักษาความเร็วไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“รุ่นพี่โบเวนเกิดมาเพื่อเป็นคนขับรถ” เรย์กล่าวออกมา
ทุกคนเงียบไปก่อนที่จะหัวเราะออกมาในทันที ฟาริสกล่าวอย่างเห็นด้วยว่า “ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง”
“ฉันถือว่าเป็นชมก็แล้วกัน” โบเวนยิ้มรับ
บรรยากาศจากตอนที่อึดอัดกลายเป็นผ่อนคลายลงมาบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
“ฟาริสขอรายละเอียดงานหน่อย” คอนราดเปิดหน้าต่างรถก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นมาดูด เขาพ่นควันและยื่นบุหรี่ออกไปนอกรถ
“เป้าหมายเป็นอาคารที่อยู่อาศัยสามชั้นหลังหนึ่ง ในเขตยากจน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดพื้นสองถนนไว้แล้ว ส่วนในอาคารที่อยู่อาศัยสามชั้นมีแรงงานเหมืองอาศัยอยู่ 3 ครอบครัว คาดว่ามีคนประมาณ 13 คน ตอนนี้มีรายงานว่า 3 คนหนีออกมาได้ ส่วนที่เหลือยังไม่มีใครออกมา จึงจัดการปิดตายประตูหน้าของอาคารที่อยู่อาศัยสามชั้นไว้ก่อน เพราะมีเสียงทุบและร้องคำรามมาจากด้านในตลอด” ฟาริสอ่านจบ โบเวนก็พูดขึ้นในทันที
“แบบนี้จะมีปัญหาหรือเปล่า เพราะคนแถวย่านที่พักแรงงานเหมืองคนน่าจะเยอะน่าดู”
“คงไม่ เพราะที่นั่นมีเหตุอาชญากรรมสูงอยู่แล้ว มักจะมีการทำร้ายและกลุ่มนักเลงกันบ่อย ๆ ตำรวจน่าจะโยนเป็นความผิดโจรหรือนักเลง” เรย์กล่าว
“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ฟาริสหันไปถาม
“พ่อผมท่านเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับเหมือง ดังนั้นจึงรู้ข้อมูลพวกนี้อยู่บ้าง” เรย์ตอบกลับ สมัยนั้นเขาเคยนั่งฝังคนงานของพ่อที่เล่าเรื่องเหมืองและชีวิตของพวกเขาให้ฟังอยู่บ่อย ๆ เรย์จึงคุ้นเคยพอสมควร