ตอนที่ 121+122 ยกย่อง
ในฐานะหมอ สมรรถภาพทางกายและความแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่และการผ่าตัดนานหลายชั่วโมง ยังจำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างมากด้วย
เจียงเหยาเกิดใหม่ในช่วงเวลานี้ ร่างกายของเธออ่อนแอ ในชีวิตก่อนหน้า เธอเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย หากเป็นอย่างนั้น เธอคงไม่ดูเหนื่อยและอ่อนล้ามากนัก หากต้องเธอกับสถานการณ์เช่นในตอนนี้
หลังจากฟังคำบอกเล่าของเจียงเหยา เกี่ยวกับชายที่เป็นลม หมอก็อดไม่ได้ที่จะมองดูเธออีกครั้งอย่างประทับใจ จากนั้นเขาก็พยักหน้าและกระตุ้นให้พาผู้ป่วยไปที่รถพยาบาล
ทุกคนในร้านอาหารต่างตกตะลึงและตื่นตาตื่นใจในเวลาเดียวกัน พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ เมื่อเธอบอกว่าชีพจรของชานคนนั้นกลับมาแล้ว แต่ยังอ่อนอยู่ ไม่เพียงแต่หมายความว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ยังหมายความว่าเขาชีพจรไม่เต้นอยู่พักหนึ่งและฟื้นขึนมา หลังจากที่เธอทำการปั้มหัวใจให้เขา
ตอนนี้พวกเขามองเธอต่างออกไป บางคนก็ตกตะลึง บางคนก็ชื่นชม พวกเขาพยายามบอกให้เธอยอมแพ้ แต่เธอยืนกรานที่จะช่วยชายคนนั้นต่อ
โจวเหวยฉีฟื้นจากความประหลาดใจของเขา เมื่อเขาเห็นว่าเจียงเหยาตัวสั่นและลึกไม่ไหว เขารีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงเธอ “มา เดี๋ยวฉันพากลับไปที่โต๊ะ”
“คุณหนู ยอดเยี่ยมมาก!” หญิงชรากล่าวชมเจียงเหยาตามด้วยเสียงปรบมือ “คุณไดช่วยชีวิตของชายคนนั้นไว้”
การชมเชยและเสียงปรบมือดูเหมือนจะติดต่อกันเหมือนเสียงเชียร์ ดังก้องไปทั่วร้านอาหาร
ในขณะที่เจียงเหยากลายเป็นคนดังที่เปล่งประกายขึ้น ตอนที่ทุกคนบอกให้เธอยอมแพ้ เธอก็อดทนเพราะผู้ชายคนนั้นต้องการความช่วยเหลือ เธอกัดฟันและยืนกรานต่อไป แม้ว่าร่างกายของเธอจะอ่อนล้าลงเรื่อย ๆ รอจนกระทั่งหมอเข้ามารับช่วงต่อ
โจวเหวยฉี ช่วยพยุงเจียงเหยากลับมายังที่นั่งของเธอ เขาสะดุดเข้ากับภาพลวงตาขณะที่เขามองดูผู้คนต่างหลีกทางและปรบมือ เสียงปรบมือให้กับเจียงเหยาเหมือนกับเป็นเสียงปรบมือให้เขา ที่พยุงเธอมายังที่นั่งของเธอ!
เมื่อพวกเขากลับมายังโต๊ะ โจวเหวยฉีก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “เจียงเหยา เธอยอดเยี่ยมมาก! เธอนี่เป็นไอดอลของฉันเลย! ฉันไม่เคยได้รับเสียงปรบมือดังขนาดนี้มาก่อน!”
ความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับความเสียใจและความห่วงใยที่มีต่อพี่ลู่ของเขา ถูกโยนทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง เขาหมกมุ่นอยู่กับแสงแห่งความรักและเสียงปรบมือขอบคุณเจียงเหยา พี่สะใภ้ของเขา
ทันทีที่พวกเขานั่งลง พนักงานเสิร์ฟก็เข้ามาและพูดว่า “เพราะชายคนนั้นเขามาคนเดียว ผู้จัดการของเราจึงต้องไปกับรถพยาบาลด้วยค่ะ ก่อนที่เขาจะไป เขาบอกให้เราแสดงความขอบคุณต่อคุณ อาหารของคุณวันนี้ และไวน์ขวดนี้ ถือเป็นของแสดงความขอบคุณค่ะ หวังว่าคุณจะมีความสุขกับมันนะคะ”
พนักงานเสิร์ฟวางขวดไวน์แดงพร้อมบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามต่อหน้าเจียงเหยา ก่อนที่เขาจะพูดอีกครั้ง “ผู้จัดการฝากถามว่า คุณพอจะฝากข้อมูลติดต่อของคุณไว้จะได้ไหมค่ะ หลังจากที่กลับมาแล้ว เขาอยากจะขอบคุณคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ”
โจวเหวยฉีอ้าปากค้างด้วยความงงงวย เมื่อเขาเหลือบมองไวน์ เขายิ้มออกมา “ผู้จัดการของพวกคุณนี่ใจดีและใจกว้างเกินไปแล้ว!”
“ยินดีให้บริการพวกคุณค่ะ” พนักงานเสิร์ฟทิ้งปากกาและกระดาษไว้หนึ่งแผ่น แล้วถอยกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ
“เจียงเหยา ไวน์นี่ราคาแพงมากเลยนะ อย่างน้อย ๆ ก็ห้าหลัก!” โจวเหวยฉีชี้ไปที่ไวน์และกล่าวต่อ “ให้ฉันเดานะ ผู้จัดการคงมีอำนาจในร้านนี้พอตัวเลยล่ะ” เขายกนิ้วให้
__
“ผู้จัดการของที่นี่เป็นคนมีความรับผิดชอบและมีน้ำใจขนาดติดตามลูกค้าที่ยังไม่ได้สั่งอะไรในร้านไปที่โรงพยาบาลด้วย ไม่แปลกหรอกว่าทำไมที่นี่ถึงมีคนพลุกพล่านและมีชีวิตชีวานัก ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ชอบที่จะอุดหนุนร้านอาหารที่มีผู้จัดการอย่างเขาเหมือนกัน” โจวเหวยฉีร้องบอก ขณะที่สายตามองออกไปรอบ ๆ ร้านอาหารด้วยความยินดี
“แล้วเธอสังเกตไหมล่ะว่าคนป่วยเมื่อกี้ เขาแต่งตัวกันยังไง” เจียงเหยาถามเขาด้วยรอยยิ้มเก๋ไก๋
โจวเหวยฉีตกตะลึงครู่หนึ่ง “เอ่อ ฉันไมได้สนใจเรื่องนั้นด้วยสิ...”
เขาพยายามคิด “โอ้! ฉันคิดว่าเขาสวมสูท ฉันคิดว่าคนที่มาทานอาหารร้านนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาล่ะมั้ง”
เจียงเหยาขดริมฝีปากของเธออย่างรู้ทัน ตอนที่เธอปลดกระดุมเสื้อของชายคนนั้น เธอสัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าที่นุ่มเป็นพิเศษ นอกจานั้นเธอยังเห็นเม็ดกระดุมมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเล็ก ๆ อยู่บนนั้นด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นชื่อของดีไซน์เนอร์สลักอยู่ เธอเดาว่าชายคนนั้นน่าจะสวมสูทสั่งตัดโดยช่างตัดเสื้อชื่อดัง
แม้ว่าผู้จัดการจะไม่รู้จักชายคนนั้น แต่เขาคงรู้แหละว่าคนผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา ผู้จัดการจึงต้องรับผิดชอบต่อชายคนนั้นอย่างดี ในขณะที่เขาเกิดเหตุฉุกเฉินที่ร้านอาหารแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงติดตามชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลและดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แทนที่จะดูแลลูกค้าภายในร้าน
อย่างไรก็ตาม เจียงเหยาต้องยอมรับว่าผู้จัดการเป็นคนช่างสังเกตและว่องไวในการจัดการกับเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพและชาญฉลาด แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เจ้าของร้านอาหาร แต่เขาก็ให้ไวน์ราคาแพงแก่พวกเขาและยกเว้นบิลค่าอาหารเพื่อแสดงความขอบคุณ นอกจากนี้ เขายังขอให้เธอทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ เพื่อที่จะได้ขอบคุณเธอเป็นการส่วนตัว การกระทำที่เอื้อเฟื้อเช่นนี้ต่างปรากฎในสายตาของลูกค้าจำนวนมาก รวมทั้งโจวเหวยฉีด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้ทิ้งประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมไว้ในใจของลูกค้าคนอื่น ๆ ด้วย
ผู้จัดการได้ใช้ทักษะอันยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
โจวเหวยฉีฉุกคิดขึ้นได้จากการได้ฟังคำพูดของเจียงเหยา เขากระซิบอย่างซุกซนกับเจียงเหยาว่า ผู้จัดการคนนี้เป็นนักธุรกิจที่เจ้าเล่ห์นัก จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเจียงเหยา และคิดว่าเธอเองก็มีไหวพริบและว่องไว แม้ภายนอกเธอจะดูเป็นเด็กสาวอ่อนแอ แต่เธอสามารถมองทะลุถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้าในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่เขาเองยังไม่สามารถทำได้ เธอรู้ทุกอย่างแต่เก็บไว้ในใจ
ความอุตสาหะของเธอช่างน่าชื่นชมมาก เมื่อเธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยลูกค้า โจวเหวยฉีคิดว่าสมเหตุสมผลแล้วที่พี่ลู่ของเขา จะรักผู้หญิงคนนี้อย่างสุดซึ้ง หลังจากที่ได้รู้จักเธอมากขึ้น เธอมีลักษณะที่น่าหลงใหลและน่าดึงดูดใจมาก มันไม่เกี่ยกวับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามของเธอ แต่มันคือความสวยภายในของเธอที่ตามองไม่เห็น ทว่ามีเสน่ห์เมื่อเธอแสดงมันออกมา
“ไม่แปลกใจเลยที่พี่ลู่รักเธอมาก” โจวเหวยฉีหัวเราะเบา ๆ “และไม่แปลกอีกที่เขาต้องการเพียงเธอ เธอเท่านั้น เขาจะโมโหมากเลยด้วย ถ้าเราพูดถึงเธอไม่ดี”
“เขา..” เจียงเหยารู้สึกถึงความหวานที่ก่อตัวขึ้นภายในใจเธอ “เขาปกป้องฉัน ก่อนพวกคุณอีกเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!” โจวเหวยฉีตบโต๊ะเบา ๆ แล้วร้องโอดครวญ “บอกตรง ๆ ว่าฉันไม่ชอบเธอ ซวีเหยากับฉันเคยวิจารณ์เธอมาก่อน แต่เราไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ ต่อหน้าชิงสีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาเป็นต้องกระโดดเข้ามาทุบพวกเรา! เขาไม่เคยอนุญาตให้พวกเราว่าร้ายอะไรเธอเลย”
โจวเหวยฉียังคงโพล่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจียงเหยาต่อไป “ตอนที่เธอกับชิงสีแต่งงานกัน พวกเราเห็นเธอไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่เลยนี่น่า หลังจากที่เขากลับมากองทัพหลังจากเสร็จงานแต่งงาน เขาดูไม่ร่าเริง เธอเองก็ไม่เคยรับสายหรือตอบจดหมายเขาเลย พวกเขารู้สึกโกรธเคืองและเศร้าใจทุกครั้งที่เขาเสียใจเพราะเธอ”