ตอนที่ 1119-1120 ตามจีบดาราหน้าใหม่อยู่เหรอ?
“ครับ นายน้องกง คุณเฉียวและผู้จัดการของเธออยู่ในคลับเฮ้าส์แล้วครับ ผมจะไปเดียวนี้ นายน้อยกงจะไปด้วยกันไหมครับ” CEO คิดว่ากงเซลีคงจะไปอย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาหรอก
เขาคงมาที่เพราะเฉียวเมียนเมียนโดยเฉพาะ
ดูเหมือนว่านายน้อยกงจะสนใจดาราหน้าใหม่คนนั้นจริง ๆ
CEO คิดว่าเขาจะต้องสุภาพกับดาราหน้าใหม่คนนั้นมากกว่านี้ เมื่อได้พบกับเธอ
บางทีวันหนึ่ง ดาราหน้าใหม่คนนั้นอาจกลายเป็นแฟนของนายน้อยกงก็ได้
“ไม่ล่ะ” กงเซลีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธเขา
CEO ดูประหลาดใจ “ไม่ไปเหรอครับ? คุณเฉียวก็ยะ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ กงเซลีจ้องมองเขาอย่างเย็นชา เขาตกใจมากจนต้องกลืนคำพูดของเขาทันที
“ครับนายน้อยกง ผมเข้าใจแล้ว” CEO ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขากลัวว่าถ้าเขาพูดอีกแค่คำเดียว เขาจะทำให้เจ้านายโกรธเอาได้
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านายน้อยตระกูลกงอารมณ์เป็นอย่างไร
“ถ้าอย่างนั้น ถ้างั้นตอนนี้ผมไปเลยนะครับ?” CEO มองมาที่เขาและถามอย่างระมัดระวัง
“อืม” กงเซลีโบกมือให้เขา “ไปได้แล้ว”
“ครับคุณชายกง”
CEO หันกลับและเดินออกไปทันที เมื่อเขาไปถึงประตู ก็ถูกกงเซลีหยุดไว้
เขาหันกลับมาทันที “นายน้อยกง มีอะไรสั่งอีกหรือเปล่าครับ”
กงเซลีคิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “ช่วยจ่ายบิลให้เขา แล้วให้คนเตรียมอาหารและเครื่องดื่มส่งไปด้วย อ้อ เตรียมช่อดอกไม้สดให้เธอด้วย จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของฉัน”
CEO : “...”
นายน้อยกงหมายความว่าอย่างไร
เขากำลังตามจีบดาราหน้าใหม่คนนั้นหรือเปล่า
แล้วทำไมเขาถึงไม่อยากเปิดเผยตัวตนเล่า
นอกจากนี้ เขาไม่ได้บอกให้ดาราหน้าใหม่คนนั้นรู้ว่าทั้งหมดนี้ เขาเป็นคนมอบให้กับเธอ
มันจะทำให้เธอสนใจได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะของนายน้อยกง จำเป็นหรือไม่ที่เขาจะมาชอบอะไรกับผู้หญิงเพียงคนเดียว? เขาจะหาผู้หญิงสักกี่คนก็ได้เพียงแค่เอ่ยปากออกไปคำเดียว
ไม่ต้องพูดถึงดาราหน้าใหม่ที่ไม่มีอะไร
เขารู้สึกว่า หากนายน้อยกงจะชอบ เขาก็สามารถเล่นกับเธอได้
ไม่จำเป็นต้องให้สถานะใด ๆ กับเธอเลยด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เขาไม่เข้าใจการการทำในตอนนี้ของนายน้อยกงเอาเสียเลย
ทำไมถึงต้องแอบทำด้วย?
เขาคือกงเซลีนะ
เขาสามารถตามจีบผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่เขาชอบ
CEO จากไปพร้อมกับคำถามที่อัดแน่นอยู่ในท้อง
เขาไม่รู้ว่าประธานกงกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าไม่กล้าที่จะถาม
ในฐานะลูกน้องที่ดี เขาจะทำตามที่เจ้านายสั่งและไม่ถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม
...
หลังจากที่ CEO ออกไปแล้ว กงเซลีก็ขอให้คนอื่นออกไปจากห้องให้หมด
เขานั่งอยู่เพียงลำพังในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ มองไปนอกหน้าตา สายตาไม่โฟกัสจุดไหนทั้งนั้น
ความทรงจำในคืนนั้นฉายซ้ำในใจราวกับหนัง
แต่คราวนี้ ร่างพร่ามัวสีขาวกลับเด่นชัดขึ้น
ใบหน้าที่พร่ามัวแจ่มแจ้งขึ้น
เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาเสียใจมากี่ครั้งที่ไม่รู้ความจริงมาก่อนหน้านี้
ทำไมเมื่อรู้ความจริง ทุกอย่างถึงได้สายเกินไป ทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าถูกต้อง
ทำไมเขาไม่รู้ความจริงให้เร็วกว่านี้?
ทำไม!
ทำไมสุดท้ายแล้ว ผู้หญิงที่เขาชอบและต้องการปกป้องดูแลอย่างดี ถึงเป็นคนที่เขาไม่มีโอกาสจะทำเช่นนั้นด้วยได้?
ทำไมคนที่เธอแต่งงานด้วยถึงเป็นพี่ชายที่แสนดีของเขา!
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าเธอจะแต่งงานแล้ว แต่เขาจะสามารถแย่งผู้หญิงของพี่ชายได้หรือ?
__
ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
ทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้คือการช่วยเหลือด้านการงานของเธอ
แม้นี่จะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
เขาต้องการใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตเพื่อทดแทนให้กับเธอ
“เฉียวเมียนเมียน” กงเซลีจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นเวลานาน ก่อนที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและเพ่งมองตรงออกไป เขาพึมพำกับตัวเอง
“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมล่ะว่าคุณเป็นคนช่วยผม? เป็นเพราะท่าทางของผมในตอนนั้นหรือเปล่า? คุณถึงทำเป็นไม่รู้จักผม? ตอนนนั้นคุณเสียใจไหมที่ได้ช่วยชีวิตผู้ชายอย่างผม?”
“แต่ถ้าคุณบอกผมสักคำให้เร็วกว่านี้ว่าคุณคือผู้หญิงที่ช่วยผมไว้ในคืนนั้น ผมจะไม่ทำอย่างนั้นกับคุณ?”
“สิบปีแล้ว สิบปีเต็ม ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คุณมักจะปรากฏตัวในฝันของผม ทุกครั้งที่ผมตื่นจากฝัน ผมเองก็มักจะสับสนว่าทำไมผมไม่มีความรู้สึกว่าคืนนั้นคือเซินโย่วเลย”
“เธอบอกผมว่าเธอช่วยผม ผมเองก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่ผมก็ยังเชื่อเธอ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นว่าเธอคือคนช่วยชีวิตผมมาโดยตลอด”
“ทำไมผมถึงได้โง่แบบนั้น?”
“ผมไม่เคยสงสัยในคำโกหกของเธอเลย”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็ยิ้มเยาะกับตัวเอง “นั่นสินะเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงถูกเธอหลอกมาได้ตั้งสิบปี เป็นเวลาถึงสิบปีเต็ม ผมไม่รู้เลยสักนิดว่าผมถูกหลอก ถ้าเธอกล้าโกหกผมได้ กับคนอื่นเธอก็คงโกหกเหมือนกัน?”
“เฉียวเมียนเมียน ผมต้องยอมแพ้เรื่องคุณจริง ๆ เหรอ? ผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเลยจริง ๆ”
“ทำไมคุณถึงได้แต่งงานกับเหมาเยซื่อนะ? ผมไม่เคยสู้ ชนะเขามาก่อน”
เขาจะทำอะไรได้อีก?
แล้วถ้าเขาโกรธล่ะ?
แม้ว่าเฉียวเมียนเมียนจะไม่แต่งงาน แต่เขาน่ะเหรอจะสามารถเอาชนะเหมาเยซื่อได้?
...
เฉียวเมียนเมียนเลื่อนดูเว่ยป๋อ และพบโพสต์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่สองโพสต์ด้วยกัน
เรื่องหนึ่งพูดถึงซูเจ๋อ
ส่วนอีกเรื่องพูดถึงเฉียวอันซิน
ในบัญชีเว่ยป๋ออย่างเป็นทางการมีข่าวเรื่องการเงิน ข่าวเกี่ยวกับบริษัทซูที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักภายในชั่วข้ามคืน และทำให้ราคาหุ้นของเขาตก
ในเวลาเดียวกับ ในที่สุดเฉียวอันซินก็อัพเดทเว่ยป๋อของเธอ
เป็นโพสต์เกี่ยวกับการสิ้นสุดสัญญาของเธอกับทาง Star Splender
เฉียวอันซินV: ฉันได้ยุติสัญญากับทาง Star Splender แล้วค่ะ ฉันไม่ได้เป็นศิลปินภายใต้ Star Splender อีกแล้ว ฉันหวังว่าทุกคนจะยังสนับสนุนฉันต่อไปในอนาคต ในช่วงที่ผ่านมา ฉันอาจทำให้แฟน ๆ กังวลใจใช่ไหมคะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรคะ ฉันสบายดี
โพสต์ของเฉียวอันซินกลายเป็นประเด็นร้อนอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากถูกโพสต์ในช่วงเวลาเดียวกับโพสต์เกี่ยวกับบริษัทซู ที่กำลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลายคนคาดเดาว่าเหตุผลที่เธอบอกเลิกสัญญากับทาง Star Splender เป็นเพราะบริษัทซูกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก?
ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องที่บังเอิญจนเกินไป
เธอคงไม่บอกเลิกสัญญาอย่างกะทันหัน เธอคงยกเลิกสัญญาตอนที่บริษัทซูมีปัญหา
คนจำนวนมากแสดงความคิดเห็นในโพสต์เว่ยป๋อของเธอ โดยการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
หลายคนว่าเธอไม่ควรโพสต์บอกเลิกสัญญาในเวลานี้
เธอทำเกินไป ดูไร้หัวใจเกินไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็เคยได้รับการสนับสนุนอย่างดีเพียงคนเดียวจากทาง Star Splender
เธอไม่เพียงแต่ไม่ช่วยบริษัทตอนที่บริษัทเจอกับปัญหา เธอยังจะมาบอกเลิกสัญญากับทาง Star Splender อีก
แฟนคลับของเฉียวอันซินก็ยังคงสนับสนุนเหมือนเดิม พวกเขาแย้งว่าอันซินของพวกเขาไม่ได้บอกเลิกสัญญาเพราะบริษัทซูมีปัญหาหนัก ต้องมีเหตุผลอีกมากที่ทุกคนไม่รู้