ตอนที่แล้วWS บทที่ 317 พิชิต PART 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 319 สำแดงพลัง PART 2

WS บทที่ 318 สำแดงพลัง PART 1


กำลังโหลดไฟล์

งูยักษ์ที่บินวนอยู่เหนือเมฆ ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยแสงสีเลือดแดงที่น่าสยดสยอง ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านด้วยความกลัว!

ในตอนนี้ เกือบทุกคนในเมืองทารันแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า ปากของพวกเขาอ้าปากค้างและใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแบบที่พวกเขาไม่สามารถปกปิดได้

*พรึ่บ! พรึ่บ!*

ร่างสองร่างเข้าสู่เมืองทารันอย่างรวดเร็ว นักเวทย์ชราขี้เหร่สองคนที่รออยู่นอกเมืองมาโดยตลอด เมื่อเห็นงูหลามยักษ์บนท้องฟ้า ใบหน้าของพวกมันก็มืดลง พวกเขาเปิดปากพูดออกมาเบา ๆ ว่า

“ท่านผู้เฒ่างู ในที่สุด ท่านก็มา พวกเราไม่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับเรื่องนี้ ได้โปรดลงโทษพวกเราด้วย!”

"ฮึ! สำหรับพวกแก ฉันจะลงโทษพวกแกหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องนี้เสร็จ!”

งูยักษ์ในอากาศคือผู้เฒ่างูแห่งปราสาทวิลสัน เมอร์ลินรู้ดีว่าผู้เฒ่างูมาจากเผ่าชาวงูบนเทือกเขาอัลไพน์ แต่เขาไม่เข้าใจว่าพวกเขามีพลังพิเศษอะไร แม้แต่ในบันทึกของดินแดนมนต์ดำก็ไม่ได้กล่าวถึงพวกเขามากนัก

แต่ด้วยร่างของผู้เฒ่างูที่เขาเห็นในตอนนี้ ทำให้กระจ่างเลยว่าเหล่าชาวงูบนเทือกเขาอัลไพน์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงนักเวทย์เท่านั้น วิถีชีวิต กายวิภาค และอื่น ๆ ของพวกเขาแตกต่างจากคนส่วนใหญ่

ทางด้านผู้เฒ่างู เขาจับจ้องไปที่วงแหวนเวทย์ซึ่งแผ่ขยายไปทั่วเมืองทารัน จากนั้น เขาก็ขยายร่างยาวของเขาออกจากเมฆเล็กน้อย

*ปัง!*

ร่างของงูพุ่งเข้าหาวงแหวนเวทย์ในเมืองทารันด้านล่างอย่างโหดเหี้ยม

วงแหวนเวทย์ซึ่งเพิ่งได้รับการโจมตีของเมอร์ลินก็ไม่สามารถป้องกันได้ในขณะนี้และถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แสงของแผ่นวงเวทย์รูนที่เมอร์ลินได้รับก็ดูเหมือนจะหรี่ลงเช่นกัน

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของผู้เฒ่างูได้ทำลายวงแหวนเวทย์ที่ฟิเนลโล่ออกแบบไว้ พลังของผู้เฒ่างูไปไกลเกินกว่านักเวทย์ระดับสี่อย่างเห็นได้ชัด

บางทีผู้เฒ่างูอาจเป็นแค่นักเวทย์ระดับสี่แต่เมื่อเขาแปลงร่างเป็นงูขนาดมหึมา ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าและไปถึงขั้นของนักเวทย์ระดับห้าหรือสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์ชายแปดให้ความสนใจชาวงูอัลไพน์มาก ด้วยความพิเศษของพวกเขา ทำให้เมอร์ลินก็แอบเฝ้ามองพวกเขาด้วยความระมัดระวัง

หลังจากการพังทลายของวงแหวนเวทย์ ดูเหมือนว่าผู้เฒ่างูเพิ่งจะสังเกตเห็นเมอร์ลินกับพ่อมดฟิเนลโล่ด้านล่าง หลังจากนั้น งูขนาดมหึมาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยและเขาก็เปลี่ยนร่างเป็นชายชราผู้แปลกประหลาดอีกครั้งในชุดคลุมสีดำ

“พ่อมดเมอร์ลิน คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

ผู้เฒ่างูลงมาจากเมฆและไปหาเมอร์ลินทันที เขารีบกวาดพลังจิตของตนสำรวจเมอร์ลินและเห็นว่าเขาไม่เป็นอันตราย เขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขารีบร้อนมากเพราะกลัวว่าเขาจะสายเกินไป

"พ่อมดฟิเนลโล่ คุณรู้ว่าพ่อมดเมอร์ลินเป็นแขกผู้มีเกียรติขององค์ชายแปดแต่คุณยังกล้าที่จะเปิดใช้งานวงแหวนโมโดย่า คุณคิดว่าแค่ไปหาองค์ชายองค์อื่น ๆ ได้โดยไม่สนใจองค์ชายแปดอย่างนั้นหรือ?”

การจ้องมองของผู้เฒ่างูนั้นรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เมื่อจับจ้องไปที่พ่อมดฟิเนลโล่ คำเตือนในสายตาของเขาเผยออกมาอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม พ่อมดฟิเนลโล่ทำได้เพียงเปิดปากของเขาโดยไม่พูดอะไรออกมา ใบหน้าของเขาเป็นสีเทาเหมือนขี้เถ้าและเต็มไปด้วยการแสดงออกที่ไร้อำนาจ

เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้เฒ่างูรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามองไปรอบ  ๆ ตัวเขาและเห็นว่าเมืองทารันที่ดูโกลาหล อาคารบ้านเรือนพังทลาย แม้แต่กำแพงเมืองขนาดมหึมาก็ยังพังทลายลงจนหมด ยิ่งกว่านั้น เขาจำได้ว่าที่เมืองนี้มีนักเวทย์จำนวนมาก แต่ตอนนี้ นอกจากพ่อมดฟิเนลโล่แล้วก็ไม่มีนักเวทย์คนอื่น ๆ อีก

แถมพ่อมดฟิเนลโล่ไม่ได้สวมเสื้อคลุมด้วยซ้ำ เขายืนอยู่ในที่เหมือนถุงกระสอบหุ้มกระดูกที่ผอมแห้งด้วยท่าทางที่สิ้นหวังและน่าสังเวช นี่เป็นความแตกต่างที่น่าตกใจจากพ่อมดฟิเนลโล่ที่แข็งแกร่งและแสนภาคภูมิใจในอดีต

“ผู้เฒ่างู!”

ในที่สุดก็เป็นเมอร์ลินที่พูด เขาจ้องไปที่พ่อมดฟิเนลโล่อย่างสงบและพูดว่า “ผู้เฒ่างู คุณมาทันเวลาพอดี ฉันกำลังจะมอบของขวัญให้องค์ชายแปด!”

“ของขวัญ?” ผู้เฒ่างูขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ใช่ ของขวัญ มันคือเมืองทารัน!”

เมอร์ลินชี้ไปที่เมืองทารันขนาดมหึมา รวมถึงเคานต์ทารันที่ซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเคานต์ทารันได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเมอร์ลินและพ่อมดฟิเนลโล่ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเสียใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อฟิเนลโล่พ่ายแพ้ เขายังมีความหวังอะไรอีก?

อย่างไรก็ตาม หลังจากการมาถึงของผู้เฒ่างู ดูเหมือนว่าเคานต์ทารันจะมีความหวังกลับมาอีกครั้งและรีบพูดกับผู้เฒ่างูว่า

“ท่านผู้เฒ่างู เมืองทารันยินดีสวามิภักดิ์ต่อองค์ชายแปด”

เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ แม้ว่าผู้เฒ่างูจะมีความรู้สึกช้าแค่ไหน เขาก็รู้ตัวในที่สุด ดูเหมือนเขามาช้าไปจริง ๆ ยกเว้นว่าจุดจบไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้ แต่เป็นการพิชิตเมืองทารันอย่างง่ายดายของเมอร์ลิน

จากสภาพที่น่าสมเพชของพ่อมดฟิเนลโล่ เขาไม่มีเจตจำนงที่จะต่อสู้อีกต่อไปและยอมมอบทุกอย่างให้เมอร์ลิน เมอร์ลินใช้กำลังของตัวเองเพื่อจัดการกับเมืองทารัน

“ผู้เฒ่างู ฉันยังเต็มใจจะสวามิภักดิ์ต่อองค์ชายแปดด้วยเช่นกัน”

พ่อมดฟิเนลโล่ก็รีบพูดเช่นกัน เขาสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเมอร์ลินที่จะฆ่าเขา ดังนั้นการแปรพักตร์ต่อองค์ชายแปดจึงเป็นชะตากรรมที่ดีที่สุดของเขา

*พรึ่บ!!!*

ก่อนที่ผู้เฒ่างูจะพูดอะไร เมอร์ลินก็ชี้ไปที่พ่อมดฟิเนลโล่จากระยะไกล แล้วเปลวเพลิงสีขาวปกคลุมร่างพ่อมดฟิเนลโล่ทันที เปลวดพลิงแผดเผาเขาอย่างเดือดดาล

ในขณะนี้ พ่อมดฟิเนลโล่ไม่มีแม้แต่เสื้อคลุมหรือแผ่นวงเวทย์รูน เขามีเพียงแค่ร่างเนื้อที่เป็นนักเวทย์ระดับสี่ เขาจะสามารถต้านทานเปลวไฟเผาไหม้ของเพลิงวินาศได้อย่างไร

ภายใต้เปลวไฟสีขาว ร่างกายของพ่อมดฟิเนลโล่ถูกลดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ผู้เฒ่างูหันไปมองไปที่เมอร์ลินด้วยท่าทางที่ซับซ้อนและไม่พูดอะไร ใครจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่?

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมอร์ลินก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดกับผู้เฒ่างู “ท่านผู้เฒ่างู เมืองทารันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ฉันจะมอบให้กับองค์ชายแปด ต่อจากนี้ไป จะมีของขวัญเพิ่มขึ้นแต่ฉันต้องการให้คุณช่วยส่งคนไปรับของขวัญเหล่านี้ มิฉะนั้น ฉันเกรงว่าสิ่งต่าง ๆ จะเข้าสู่ความโกลาหลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

หลังจากหยุดชั่วคราว ความผันผวนของพลังธาตุลมก็ปรากฏขึ้นรอบ ๆ เมอร์ลิน

*หวู่ม!*

เมอร์ลินบินขึ้นไปในอากาศทันที ร่างของเขาเป็นประกายระยิบระยับเมื่อมันหายไปในระยะไกล สิ่งที่เหลืออยู่คือเสียงที่ไม่แยแสของเขาที่พูดว่า

“ต่อไป เมืองควินโนมิ!”

พ่อมดแบมมูติดตามเมอร์ลินด้วยความเคารพและจากเมืองทารันไปในชั่วพริบตา

หลังจากรอให้เมอร์ลินจากไป นักเวทย์ผู้น่าเกลียดทั้งสองก็ถามผู้เฒ่างูอย่างระมัดระวังว่า “ท่านผู้เฒ่างู เมอร์ลินไปที่เมืองควินโนมิแล้ว ความสามารถของเขาเหนือความคาดหมายของเรามาก เราควรตามเขาไปหรือไม่?”

ผู้เฒ่างูเหลือบมองร่างที่หายไปของเมอร์ลินอย่างลึกซึ้งและครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าองค์ชายแปดจะเข้าใจผิดบางอย่างผิดไป นักเวทย์หกธาตุที่ทางดินแดนมนตร์ดำดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษซึ่งเป็นที่รู้ว่าเป็นอัจฉริยะมากกว่าไคลส์ จะถูกจัดการได้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่นักเวทย์พ่อมดลีโอซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์ชายแปด เขาก็ยังเอาใจใส่เมอร์ลินอย่างใกล้ชิด…”

หลังจากหยุดไปสักพัก ดูเหมือนว่าผู้เฒ่างูจะตัดสินใจได้แล้ว เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “พวกคุณทั้งคู่อยู่ในเมืองทารันและเข้าควบคุมกิจการ อย่าทำผิดพลาดอีกต่อไป มิฉะนั้น เมื่อพวกคุณกลับไปที่เผ่า พวกคุณจะไม่ถูกอนุญาตให้ออกไปอีก หึหึ ช่างเป็นโอกาสที่ไม่คาดคิดอะไรเช่นนี้ บางทีพ่อมดเมอร์ลินเองก็อาจคุ้มค่ากับความพยายามชักจูงของเรา ฉันต้องการไปที่นั่นและดูว่าเมอร์ลินแข็งแกร่งเพียงใดเพื่อที่ฉันจะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่องค์ชายแปดเพื่อช่วยให้พระองค์ตัดสินใจในเรื่องนี้อีกที”

แสงประหลาดที่ส่องประกายในดวงตาของผู้เฒ่างูและรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่แปลกประหลาด หลังจากนั้น เขาก็ทะยานขึ้นไปในอากาศและมุ่งหน้าไปยังที่ที่เมอร์ลินไป

“นายท่าน ผู้เฒ่างูกำลังตามเรามา”

ข้างเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูพูดเบา ๆ ขณะนี้พวกเขากำลังเดินทางไปยังเมืองควินโนมิซึ่งถือว่าอยู่ค่อนข้างไกล แม้ว่าพวกเขาจะบินไป พวกเขาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

“อย่าไปสนใจเขา”

เมอร์ลินเดาไว้แล้วว่าผู้เฒ่างูจะติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากองค์ชายแปดเพียงต้องการเอาชนะใจพ่อมดลีโอผ่านเมอร์ลิน แต่ตอนนี้เมื่อเมอร์ลินได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมาซึ่งเกินความคาดหมายขององค์ชายแปดไปมาก ดังนั้นผู้เฒ่างูจึงตามมาเพื่อยืนยันความจริง

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นสิ่งที่เมอร์ลินต้องการเช่นกัน เขาต้องการให้ตระกูลวิลสันกลายเป็นตระกูลนักเวทย์โดยปราศจากปัญหาใด ๆ การได้รับอิทธิพลจากรางวงศ์แถมยังมีชื่อของดินแดนมนต์ดำคุ้มครองอีก มันจะยิ่งทำให้ตระกูลของเขาปลอดภัยและได้รับการยอมรับจากนักเวทย์ส่วนใหญ่

เมื่อเขาฆ่าไวส์กับบลูเบิร์ดอิทธิพลของเขาได้เติบโตขึ้นภายในวงเล็ก ๆ เท่านั้น ท้ายที่สุด มีเพียงพ่อมดที่อยู่ในองค์กรนักเวทย์เท่านั้นที่รู้ว่าบลูเบิร์ดกับไวส์เป็นใคร

นอกจากนี้เรื่องที่เขาฆ่าทั้งสองคนนั้น นักเวทย์บางคนคิดว่ามันเป็นผลงานของดินแดนมนต์ดำ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเขา เมอร์ลินเป็นเพียงผู้โชคดีที่ได้รับประโยชน์จากสิทธิพิเศษของการอยู่ในดินแดนมนต์ดำและอยู่ภายใต้พ่อมดลีโอ

ดันนั้นคราวนี้ เมอร์ลินต้องการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของเขา เขาจะกวาดล้างสิ่งกีดขวางทั้งหมดให้พ้นทาง เพื่อสร้างชื่อเสียงของเขาและทำให้ชื่อตระกูลวิลสันเป็นที่รู้จักกันดีในโลกของนักเวทย์

“เราอยู่ห่างจากเมืองควินโนมิไกลแค่ไหน?”

หลังจากบินได้ครู่หนึ่ง เมอร์ลินรู้สึกว่าพลังเวทย์ธาตุลมใกล้จะหมด ท้ายที่สุด เขาบินได้ด้วยอุปกรณ์เวทมนต์แบบบินซึ่งใช้พลังงานเวทย์มนตร์จำนวนมหาศาล แน่นอนว่าคลังพลังเวทย์ของเขาที่เป็นเพียงนักเวทย์ระดับสองเท่านั้นจึงไม่สามารถใช้งานมันได้นานนัก

พ่อมดแบมมูครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เรายังต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งหรือสองชั่วโมงก่อนจะถึงเมืองควินโนมิ”

เมอร์ลินพยักหน้า ด้วยการเดินทางที่ยาวนานเช่นนี้ เขาไม่ต้องรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอีกต่อไป แต่เขาชะลอความเร็วลงและเริ่มจัดเรียงของที่เก็บได้จากเมืองทารัน

ในหมู่ของที่เก็บได้จากเมืองทารัน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือแผ่งวงเวทย์รูนของพ่อมดฟิเนลโล่ เขาจะต้องเชี่ยวชาญในอักษรรูนเพื่อดึงพลังของแผ่งวงเวทย์รูนออกมาและความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แน่นอนว่าแผ่งวงเวทย์รูนนี้ต้องการความช่วยเหลือจากนักเวทย์หลายคน หากล้มเหลวพลังของมันจะลดลงอย่างมาก

“แบมมู คุณเข้าใจอักษรรูนมากแค่ไหน?” เมอร์ลินไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูนเขาจึงนึกถึงพ่อมดแบมมูเป็นลำดับแรก

พ่อมดแบมมูส่ายหัวด้วยท่าทางหดหู่ “นายท่าน ศาสตร์ด้านอักษรรูนนั้นลึกซึ้งและกว้างขวาง นักเวทย์ส่วนใหญ่สามารถดึงพลังของมันมาใช้ได้เพียงส่วนเดียว ข้าไม่ใช่อัจฉริยะในศาสตร์นั้น ดังนั้นข้าจึงไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องรูนมากนัก”

เมอร์ลินรู้สึกท้อแท้ เขาต้องการมอบแผ่งวงเวทย์รูนให้กับตระกูลวิลสันเพื่อเป็นไพ่ลับของตระกูล เพื่อพวกเขาพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง แผ่งวงเวทย์รูนก็สามารถเปิดใช้งานเพื่อปกป้องตระกูลได้

'ดูเหมือนว่าในอนาคตเมื่อฉันเลือกคนที่มีคุณสมบัตินักเวทย์เข้าตระกูล ฉันจะต้องคอยจับตาดูความสามารถใด ๆ ก็ตามในด้านอักษรูน หรือการเล่นแร่แปรธาตุ'

ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของเมอร์ลิน เพื่อให้ตระกูลของเขาสงบสุขในระยะยาวตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง จะต้องได้รับการสนับสนุนจากพรสวรรค์ทุกประเภท

ผ่านไปครู่ใหญ่ เมอร์ลินได้เงยหน้าขึ้นมองดูเมืองใหญ่โตที่มีการออกแบบเฉพาะตัว ตัวเมืองมันดูคล้ายกับป้อมปราการมากกว่าที่จ้เป็นเมือง

เสาหินกว้างเอียงขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูราวกับว่ามันจะโค่นล้มได้ทุกเมื่อ มันเป็นภาพแปลก ๆ แต่นี่เป็นจุดสังเกตของเมืองควินโนมิซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและจดจำได้ง่าย

“นายท่าน พวกเรามาถึงเมืองควินโนมิแล้ว!” พ่อมดแบมมูมองไปยังเมืองที่แปลกประหลาดตรงหน้าเขาขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด