1109-1110
5/10
Ep.1109
เหล่าสัตว์ร้ายมิติและอสูรร้ายหวาดกลัวจนคิดอะไรไม่ออก พากันหันหลังหนีเอาชีวิตรอด
ดวงตาของซูเฉินทอประกายเย็นยะเยือก ชักดาบและฟาดฟันออกไป
เห็นแค่เพียงยามคมดาบกวาดไปเบื้องหน้า คลื่นความผันผวนของพลังเวทย์อันน่าสยดสยองกระพือในคราเดียว อวกาศโดนรอบเกิดการสั่นสะเทือน
“ช่างเป็นพลังเวทย์ที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!”
เหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์บนเกาะต่างตัวสั่นงันงก ในดวงตาของพวกเขาฉายแววประหวั่นพรั่นพรึง
การโจมตีผสานเวทมนต์สามธาตุของซูเฉิน สร้างความตื่นตกใจแก่พวกเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เวทมนต์สามธาตุผสาน! ซูเฉินมีกระบวนท่าสังหารเช่นนี้ด้วย!” ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวนบน [รถศึกอัจฉริยะ] ร้องอุทาน เขาก็ตกใจไม่แพ้คนอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ ในตอนที่ซูเฉินใช้พันกระบี่คืนสู่หนึ่ง นั่นก็ทำให้เขาตกใจมากแล้ว ไม่นึกฝันเลย ว่าซูเฉินจะยังมีกระบวนท่าสังหารเช่นนี้อีก อีกทั้งอำนาจทำลายของมัน ยังเทียบชั้นได้เลยกับพันกระบี่คืนสู่หนึ่ง หากให้ระบุชัดๆ คือมันด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ระหว่างนี้ เขายิ่งมายิ่งตื่นเต้น ด้วยไพ่ตายทั้งสองใบในมือ ซูเฉินอาจสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าได้จริงๆ
ฉีชิงเฉวียนที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าท่าทีของผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน ก็อดหัวเราะไม่ได้
กำลังรบของซูเฉิน มากกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างแน่นอน อย่างน้อย เขาก็รู้ว่าซูเฉินยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์วิชาหมัดอยู่
วันนั้นใน [มิติสันโดษ] เขาเคยเห็นซูเฉินใช้มันครั้งหนึ่ง คำเดียวที่เหมาะกับมันคือ ‘สามารถทำลายได้ทั้งสวรรค์และปฐพี’
นอกจากนี้ ซูเฉินยังไม่ได้ใช้วิชาแปลงร่างเลย
หากเขาใช้มัน สามอาชีพหลักจะทะยานขึ้นไปอีกขั้นในคราเดียว นั่นต่างหากไพ่ตายที่แท้จริงของซูเฉิน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากคลื่นพลังสามสีพัดหายไป เหล่า สัตว์ร้ายมิติและอสูรร้าย นับพันถูกกำจัด บนอวกาศเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนวาววับ กะคร่าวๆน่าจะมีจำนวนเกิน 100,000 ชิ้น
เห็นภาพนี้ มุมปากของซูเฉินยกขึ้นเล็กน้อย
หลังจากจบศึกนี้ เขาสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่งแล้ว นั่นคือการฆ่าอสูรร้ายสามารถดรอปชิ้นส่วนได้เช่นกัน อีกทั้งจำนวนที่ดรอปยังมากกว่าชาวต่างเผ่าและสัตว์ร้ายมิติ
ต่อมา ซูเฉินเก็บชิ้นส่วนทั้งหมด บินไปร่ำลาผู้ฝึกตนหมื่นเผ่าพันธุ์บนเกาะ แล้วกลับมายัง [รถศึกอัจฉริยะ]
จากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] ก็บินออกจากที่นี่ทันที มุ่งหน้าต่อไปยังเกาะซิงหยวน
[รถศึกอัจฉริยะ] จากไปเนิ่นนานแล้ว แต่สีหน้าตกใจของเหล่าผู้ฝึกตนยังไม่จางหายไป ยังคงมีเสียงสะท้อนอยู่ในใจเสมอ ใจความสั้นๆว่า
‘ซูเฉินผู้ไร้พ่าย!’
...
ระหว่างทาง ซูเฉินเอนตัวลงบนเก้าอี้คนขับเพื่อจัดการชิ้นส่วน เขาใช้เวลาทั้งวัน ถึงค่อยคัดแยกชิ้นส่วนเสร็จสิ้น
หลังจากแปลงเป็นแต้มพลังงานแล้ว พบว่าแต้มสะสมทั้งหมดเกือบถึง 400,000 จุด
แม้ดูเหมือนไม่น้อย แต่หากต้องการแลกเปลี่ยน [คุณสมบัติเลเวล 22 อย่างเต็มรูปแบบ] เพื่อยกระดับสู่ขอบเขตเทพเจ้า ระยะทางยังห่างไกลเกินเอื้อมถึง
เนื่องจากไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในขณะนี้ ซูเฉินจึงคิดไปถึงอย่างอื่น
เขานึกขึ้นได้ว่าจนถึงตอนนี้ ยังมีอีกสองรายการที่ราคา 10,000 แต้มพลังงานยังไม่แลกเปลี่ยน
หนึ่งคือ [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] และสุดท้าย [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา]
ซึ่งสำหรับเขาในตอนนี้ นั่นเป็นแค่จำนวนแต้มน้อยนิดเท่านั้น ซูเฉินจึงแลกทั้งสองในคราวเดียว และได้ข้อมูลว่า
[ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] คือพลังศักดิ์สิทธิ์ธาตุสายฟ้าชนิดหนึ่ง เมื่อปลดปล่อยออกมา จักครอบคลุมรัศมีนับหมื่นไมล์ และเป้าหมายใดก็ตามที่ถูกล็อคเป้า จักถูกฟาดผ่าโดยสายฟ้าจากทุกทิศทางอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
หากเป็นในขั้นเดียวกัน แล้วโดนการโจมตีนี้เข้าไป จักถูกทำลายลงอย่างไม่มีวันหวนคืน
สำหรับศัตรูที่เหนือกว่าหนึ่งขั้น แม้ยังไม่ตาย แต่หากโดนการโจมตีนี้เข้าไป ก็สาหัสเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอำนาจของ [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] จะไร้ที่เปรียบ แต่หากต้องการสำแดงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมา มันมีข้อจำกัดมากมาย
อย่างแรกเลย คือผู้ใช้มันต้องเป็นผู้ฝึกตนสองอาชีพ นั่นคือผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราธาตุสายฟ้า
อย่างที่สอง ปรมาจารย์ธาตุสายฟ้าต้องมีความเชี่ยวชาญในเวทย์สายฟ้าห้าชนิด
เงื่อนไขทั้งสองต้องครบถ้วน จึงอาจกล่าวได้เลย ว่าในโลกใบนี้ ผู้ที่สามารถใช้งาน [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] นอกจากซูเฉินแล้ว เกรงว่าคงไม่มีคนที่สองอีก
6/10
Ep.1110
ซูเฉินไม่เพียงเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพเท่านั้น แต่เขายังเคยกินผลสายฟ้าห้าสายมาแล้วหลายครั้ง นั่นเท่ากับบรรลุเงื่อนไขในการฝึกฝน [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ]
ในส่วนของ [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] เมื่อแลกเปลี่ยนสำเร็จ มันก็ถูกส่งเข้าไปใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] โดยอัตโนมัติ
[มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] รูปลักษณ์คล้ายเป็นการผสมผสานระหว่างมังกรตะวันออกกับมังกรตะวันตก ร่างที่ยาวกว่าร้อยจั้งปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองคำ อีกทั้งยังมีปีกคู่หนึ่งที่ยามสยาย จะสามารถกลบแผ่นฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ได้ ดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้คนที่พบเห็นต้องก้มหัวให้ด้วยความยำเกรง
แต่น่าเสียดาย ที่ปัจจุบันมันมีฐานฝึกตนอยู่แค่ 10 เท่านั้น เวลานี้ไม่อาจใช้ประโยชน์ใดๆได้
อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่ได้รับมา บ่งบอกว่า [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] มีศักยภาพที่จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นอสูรเทพ ตราบเท่าที่มีทรัพยากรในการฝึกฝนเพียงพอ ไม่ช้าก็เร็วมันจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นอสูรเทพได้
ซึ่งดูจากรูปร่างอันใหญ่โตของมันในเวลานี้ สามารถคาดการณ์ได้เลย ว่ายามก้าวเท้าสู่ขอบเขตเทพเจ้า กำลังรบย่อมสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดินอย่างแน่นอน
ตรงจุดนี้เป็นอะไรที่สัตว์เลี้ยงวิญญาณตนอื่นๆไม่สามารถเทียบได้
ต่อมา ซูเฉินสลายความคิด ออกจาห้วงภวังค์ จากนั้นเข้าสู่ [มิติสันโดษ]
เขายังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงเกาะซิงหยวน เลยตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ฝึกฝนควบคุม [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ]
...
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในวันที่ห้า ซูเฉินได้ออกจาก [มิติสันโดษ] และ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็แจ้งเตือนเขาพอดิบพอดี
“เจ้านาย พวกเรากำลังจะถึงเกาะซิงหยวนแล้ว”
ใบหน้าของซูเฉินเริ่มกระชับ สั่งการว่า “เสี่ยวจือ ตรวจสอบเกาะซิงหยวน”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] สแกนเข้าไปทันที
ไม่นาน เกาะขนาดใหญ่ก็ถูกฉายขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง มันใหญ่โตราวกับทวีปๆหนึ่งไม่มีผิด
ซูเฉินกวาดสายตาสำรวจมอง แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวจือ ค้นหาตำแหน่งของผู้แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะซิงหยวน”
เกาะซิงหยวนเป็นอาณาเขตของผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตเทพเจ้า หวูซางเคยบอกว่าจะรับมือพวกเขา ซูเฉินเลยสันนิษฐานว่าหวูซางคงกำลังเผชิญหน้ากับเหล่าขอบเขตเทพเจ้าบนเกาะ
ภาพบนหน้าจอสับเปลี่ยนอีกครั้ง ไม่ช้าก็ปรากฏฉากพื้นที่ราบ
เวลานี้เหนือพื้นที่ราบ ฉายให้เห็นถึงภาพของคลื่นลูกใหญ่ เมฆ ลม และฝนกำลังอาละวาด สำแดงอำนาจกันมั่วซั่วไปหมด
ณ ใจกลางความโกลาหล เห็นแค่เพียงชายชราคนหนึ่งที่เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาจากร่างกาย กำลังหลับตานั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ
โดยเหนือหัวของเขา มีแผ่นจานแปดเหลี่ยมที่ให้ความสว่างไสวราวกับดวงจันทร์กำลังทอแสงอยู่
บนแผ่นจานแปดเหลี่ยมด้านนอกสาดประกายไปด้วยแสงเจิดจ้า ก่อตัวเป็นม่านพลังงาน ปกคลุมรางชายชราไว้อย่างสมบูรณ์
“นั่นผู้อาวุโสหวู!”
ซูเฉินเลิกคิ้ว ร้องเสียงหลง
เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าชายชราที่กำลังลุกโชนไปด้วยแสงเจิดจรัสผู้นี้คือหวูซาง และรอบๆหวูซาง มีผู้ฝึกตนอีกหลายสิบคนยืนอยู่
ในหมู่พวกมันมีสัตว์ร้ายมิติสองตัวและผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ที่มีใบหน้าดั่งเมฆครึ้ม ส่วนที่เหลือล้วนสวมชุดคลุมสีเทา หน้าตาน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้านาย ทั้งหมดที่เห็นล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้า!” [รถศึกอัจฉริยะ] ร้องเตือน
ทั้งหมดนั่นคือขอบเขตเทพเจ้า?
ซูเฉินตกใจมาก ไม่นึกเลยว่าจะมีขอบเขตเทพเจ้ามากมายปรากฏตัวขึ้นบนเกาะซิงหยวน และสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ พวกชายชุดคลุมเทาเหล่านั้นมาจากไหน? หรือว่าจะเป็นร่างจำแลงของอสูรร้าย?
นอกจากนี้ หากมองอีกมุมหนึ่ง กำลังรบของหวูซางใช่แข็งแกร่งโอเวอร์ไปหน่อยกระมัง?
เพราะลำพังแค่เขาคนเดียว กลับสามารถรับมือกับเหล่าขอบเขตเทพเจ้าได้นับสิบคน มันออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไป
“ซูเฉิน แผ่นจานแปดเหลี่ยมนั่นคือกงล้อดาราหมื่นปีแสง เป็นสิ่งประดิษฐ์สายป้องกัน”
ในตอนนั้นเอง ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนเอ่ยปากออกมา
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ซูเฉินค่อยเข้าใจ เวลานี้ เขารู้แล้วว่าเหตุใดหวูซางถึงสามารถรับมือกับขอบเขตเทพเจ้านับสิบคนได้ ที่แท้ก็อาศัยการป้องกันของกงล้อดาราหมื่นปีแสงนี่เอง
แต่ขณะเดียวกัน ใครๆก็สามารถจินตนาการได้ ว่าหากสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนั้นพังทลายลง นั่นคือเวลาที่หวูซางจักถูกรุมทึ้งเป็นเศษเนื้อ!