ตอนที่ 24 แสดงความเคารพต่อศพ(อ่านฟรี)
ตอนที่ 24 แสดงความเคารพต่อศพ
หัวของซอมบี้ซากศพที่โดนตัดกลิ้งไปตามพื้นซึ่งเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน แต่แม้หัวจะขาดจากร่างกายแล้ว แต่หัวของซอมบี้ทั้งสองก็ยังไม่ตาย ปากของซอมบี้ซากศพทั้งสองยังเคี้ยวชิ้นเนื้อในปากอยู่แบบนั้นชวนให้เรย์รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“พวกตัวเหม็น!” โบเวนจัดการสับไปอีกหลายทีเพื่อระบายความโกรธ
ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็เดินสำรวจในห้องต่อว่ามีใครหลงเหลือรอดอีกหรือไม่
เรย์เดินมาหยุดอยู่หน้าศพหญิงสาว...จังหวะที่เขามองไปที่ดวงตาของเธอ ในตอนนั้นเองชายหนุ่มก็สังเกตว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเธอ
เรย์รู้สึกตกใจจนนิ่งไป
แต่ก่อนจะได้กล่าวอะไร แววดวงตาของหญิงสาวจะหม่นแสงลงไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิตอย่างชัดเจน
เธอโดนกินทั้งเป็น...
นี่สิความตายที่น่ากลัวยิ่งกว่าของกวิน...
เรย์กลืนน้ำลาย ในใจครุ่นคิดว่ากว่าเธอจะสิ้นใจคงทรมานสุด ๆ ไปเลย ถ้าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเรย์ก็ไม่สามารถจินตนาการออกเช่นกันว่ามันจะทรมานแค่ไหน
บางทีอาจจะตั้งแต่หลังจากโทรไปขอความช่วยเหลือ ชายสองคนที่โดนกัดก็กลายร่างและเข้ามาทำร้ายเธอ แต่ที่ประตูมีโต๊ะขนาดใหญ่ขวางอยู่เธอจึงไม่สามารถเปิดประตูหนีออกไปด้านนอกได้ และดูเหมือนเธอจะพยายามทุบหน้าต่างหนีแต่ก็คงไม่ทัน อีกอย่าง...
เรย์มองไปทางกระจกหน้าต่างที่แตกนอกหน้าต่างนั้นมีกรงเหล็กดัดติดอยู่
กรงเหล็กดัดสวยงามที่ใช้กันขโมย กลับกลายเป็นกรงขังที่ฆ่าหญิงสาว ช่างเป็นตลกร้ายที่น่าเศร้า ถ้าเธอโดดออกไปได้บางทีอาจจะรอดก็ได้
ขณะที่เรย์สรุปข้อสันนิษฐานของตนในใจ ตอนนั้นเองอยู่ ๆ ศพของหญิงสาวที่ตายไปแล้วกลับเริ่มขยับอีกครั้ง ดวงตากลอกกลิ้งไปมาคล้ายกับมันจะหลุดออกมาจากเบ้าตาของเธอให้ได้ นิ้วมือของศพหญิงสาว ขยับกึกกักเคราะไปตามพื้นห้อง ก่อนที่ร่างกายเริ่มดิ้นชักกระตุกอย่างรุนแรงคล้ายกับปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจอยู่บนบก
โบเวนเดินเข้ามาก่อนจะส่งมีดให้กับเรย์ลงมือ
เรย์พยักหน้ารับมาก่อนจะฟันไปที่หัวของศพในทันที เนื่องจากยังกลายร่างไม่สมบูรณ์มากนัก หัวของซอมบี้จึงไม่ได้ทนทานเหมือนซอมบี้ซากศพทั่วไป ๆ
เรย์ฟันไปสองสามครั้งก็ทำลายสมองของศพได้
เลือดและสมองของศพหญิงสาวไหลหยดไปตามใบมีดในมือของเขา เรย์สะบัดมันเบา ๆ ให้หลุดออกไป ก่อนจะส่งมีดสปาต้าที่มีเลือดเหนี่ยวลื่นติดอยู่บางส่วนคืนให้กับโบเวน
“ในห้องไม่มีใครรอดอีกแล้ว ฟาริสช่วยไปแจ้งให้ผู้กองฟินทันเข้ามาช่วยเคลือสถานที่ ส่วนที่เหลือไปช่วยกันเก็บเลือดสีขาวจากศพซอมบี้” คอนราดกล่าวหลังจากเห็นว่าทุกอย่างถูกจัดการแล้ว
ฟาริสพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะออกไปเรียกผู้กองฟินทัน ส่วนคอนราด โบเวนและเรย์ก็ไปช่วยกันขนร่างของซอมบี้มาวางรวมกันในชั้นแรก ตรงแผนกต้อนรับของสำนักงาน
ศพซอมบี้มีทั้งหมด 21 ตัว เป็นซอมบี้นักกล้าม 1 ตัวและซอมบี้ซากศพ 20 ตัว โบเวนและคอนราดเริ่มลงมือผ่าร่างของซอมบี้ในทันที
“พวกนั้นไม่ต้อง มันไม่มีเลือดสีขาว นายมาช่วยฉันตรงนี้ดีกว่า” โบเวนห้ามเรย์ก่อนจะให้มาช่วยทางฝั่งตนเอง
“ทำไมถึงไม่มี” เรย์ถามด้วยความสงสัย เพราะยังไงก็ซอมบี้เหมือนกัน
“พวกมันพึ่งกายร่างจึงไม่มีเลือดสีขาว ถ้าจะมีก็ต้องรอให้มันเป็นซอมบี้นับสัปดาห์ซะก่อน” โบเวนอธิบายให้เรย์ฟัง
“อืม” เรย์พยักหน้าเข้าใจ นี่เป็นความรู้ที่ไม่มีสอน ใครจะไปคิดว่าซอมบี้ที่โดนกัดและพึ่งกายร่างจะไม่มีเลือดสีขาว นั้นยิ่งทำให้เลือดสีขาวดูลึกลับเข้าไปอีก
เรย์เดินเข้าไปช่วยโบเวนเก็บเลือดสีขาว โบเวนผ่าอกของซอมบี้ด้วยแรงที่มากเป็นพิเศษจากนั้นก็แหวกเอาอวัยวะภายในออก จนเหลือแต่หัวใจซอมบี้
เรย์ที่เคยเห็นมาแล้วจึงไม่รู้สึกอะไร อันที่จริงกลิ่นของซากศพซอมบี้นั้นเน่าเหม็นมาก แต่ต้องขอบคุณหมวกเกราะที่ช่วยกันกลิ่นได้เป็นอย่างดี เรย์นั่งลงเปิดกล่องเล็ก ๆ หยิบเอาเข็มฉีดยาแก้วจุ่มลงไปและดูดของเหลวสีขาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฉีดเข้าไปเก็บในขวดแก้วอย่างชำนาญ
โบเวนเห็นก็พยักหน้าเอ่ยปากชมในทันที
“นายทำเร็วมาก”
“แน่นอน”
เรย์ตอบกลับอย่างไม่ถ่อมตน แค่ดูดเอาเลือดสีขาวออกมาและใส่ไปในขวดมันคืองานง่าย ๆ มากเมื่อเทียบกับการนั่งวาดอักษรเวทมนตร์
ทั้งโบเวนและคอนราดช่วยกันทำงานอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดศพของซอมบี้นักกล้ามก็ได้รับการเก็บเกี่ยวทั้งหมด
ในศพของซอมบี้นักกล้ามมีเลือดสีขาวมากกว่าศพของซอมบี้ซากศพรวมกันซะอีก หลังจากใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ทำเสร็จแล้ว ก็เป็นจังหวะที่ฟาริสและผู้กองฟินทันเข้ามาพอดี
ผู้กองฟินทันไม่ได้พาตำรวจเข้ามาทุกคน แต่พามาเฉพาะคนที่รู้เรื่องบางอย่างแบบตนเองเท่านั้นส่วนคนอื่นได้แต่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
“เราก็ไปกันเถอะ” โบเวนกล่าวก่อนจะเดินไปหาหัวหน้าคอนราด ตอนที่เรย์และโบเวนเอาเลือดสีขาวอยู่นั้นหัวหน้าคอนราดก็ทำบางอย่างกับศพของกวินอยู่
เรย์เดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าหัวหน้าคอนราดเก็บเข็มแหลมกลับไปแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนและจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็กน้ำมันสีเงินแวววาวที่ดูจะหม่นแสงลงไปพอควร ก่อนที่จะสูบบุหรี่ไปเต็มปอด
“หัวหน้ากำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ” เรย์ถามด้วยความสงสัย เขาต้องการเรียนรู้ให้มากขึ้น
“คนที่ตายในการต่อสู้ต้องทำลายสมองก่อนจะเก็บศพ เพราะพวกเขาอาจจะลุกขึ้นมาได้”
“ไม่ใช่ว่าต้องโดนกัดอย่างนั้นเหรอ”
“นั้นส่วนหนึ่ง แต่มีซอมบี้บางตัวสามารถแพร่เชื้อได้โดยไม่ต้องโดนกัด แน่นอนว่าการทำแบบนี้เป็นเพียงระเบียบอย่างหนึ่งของหน่วยนักล่าความตายเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ศพกลายเป็นซอมบี้” คอนราดอธิบาย
“ช่วยกันยกศพเถอะ”
“ครับ”
เรย์ช่วยยกศพของกวินขึ้นก่อนจะใส่ลงไปในห่อพาสติกสีดำที่เตรียมมา เมื่อรูดปิดปากถุงเรย์และโบเวนก็ช่วยกันยกศพของกวินขึ้นและพากันเดินออกมาทางประตู
“นี่คือ...” ผู้กองฟินทันเห็นว่ามีศพถูกยกออกมาและคนของหน่วยนักล่าความตายหายไปคนหนึ่งก็อั้มอึ้งไป
“ทุกคนทำความเคารพ!”
ฟินทันตะโกนออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ ที่วุ่นอยู่กับการเก็บศพลุกขึ้นยืนทำความเคารพศพของกวิน
ผู้กองฟินทันและทุกคนรู้ว่าคนในหน่วยนักล่าความตายคือผู้เสียสละ พวกเขาเสี่ยงตายทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจจัดการกับสัตว์ประหลาดซอมบี้ เพื่อให้ พ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมียและญาติ รวมถึงพวกเขาเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่อย่างปลอดภัยภายในเมืองเรซี
ดังนั้นพอมีหน่วยนักล่าความตายเกิดเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับรู้เรื่องของพวกเขาจะแสดงความเคารพออกมาอย่างสุดหัวใจ
คอนราดพยักหน้าขอบคุณก่อนจะพาศพของกวินกลับออกไป
รถหุ้มเกราะหกล้อขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนมาพวกเขามากัน 5 คน แต่ตอนกลับมีเพียง 4 คนและอีกหนึ่งศพ
พอมาถึงโรงแรมนักล่าก็เป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่มแล้ว ตอนนี้คนส่วนใหญ่เลิกงานไปแล้ว ลุงคอนเนอร์ก็เช่นกัน ดังนั้นพอรถจอดสนิทก็มีคนเจ้าหน้าที่ทั่วไปอีกคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่แทนลุงคอนเนอร์ หญิงสาวคนนี้มีรูปร่างผอมสูง สวมแว่นตาหนา เส้นผมหยิกเล็ก เธอดูเหมือนหนอนหนังสือซึ่งนั้นก็คือความจริง เพราะในมือของเธอมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง
“นายน่าจะพึ่งเคยเจอเธอ เธอคืออันนา และอันนานี่คือเรย์” ฟาริสบอกกับทั้งสองคน
“สวัสดีคุณอันนา”
“สวัสดีคุณเรย์”
เรย์และอันนาทักทายกันพอเป็นพิธีในฐานะเพื่อนร่วมงาน
“อันนาฝากเอาศพกวินเข้าไปเก็บด้วย เดี๋ยวเรื่องรายงานผู้จัดการซีน่อนผมจะทำเอง ฟาริสไปช่วยอันนาแล้วอย่าลืมเอาเลือดสีขาวไปส่งด้วย ที่เหลือไปรอที่ห้องพักทีม” คอนราดพูดกับทุกคนก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไปที่ห้องผู้จัดการคนเดียว
“เราเอาศพไปเก็บกันเถอะ”
อันนาพูดกับฟาริส แต่น้ำเสียงดูเย็นชาเล็กน้อย ฟาริสไม่กล้าพูดอะไรก้มหน้าแล้วไปยกศพของกวินคนเดียวเดินตามหลังอันนาไป
เรย์สังเกตเห็นท่าทีของฟาริสที่ดูจะเงียบผิดปกติ เรย์จึงหันไปถามโบเวนที่อยู่ข้าง ๆ “ทั้งสองคนเขาเป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ”
“ฟาริสและอันนาทั้งสองเป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้มันยากจะอธิบายนะ”
โบเวนและฟาริสมองกันสักพักก็เข้าใจ จึงได้แต่ยิ้ม ๆ เรื่องนี้ดูเหมือนฟาริสจะไปทำให้อันนางอลขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้ฟาริสจัดการเองก็แล้ว
เรย์และโบเวนขึ้นมาที่ห้องพักทีม เขาจัดการถอดชุดเกราะเก็บของและล้างตัวก่อนจะนั่งรอหัวหน้าคอนราดและคนอื่น ๆ
ผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมงในที่สุดทุกคนมาก็รวมกันในห้อง คอนราดให้ฟาริสหยิบกล่องที่ใส่เลือดสีขาวออกมาและพูดว่า
“วันนี้ได้เยอะกว่าปกติเพราะมีซอมบี้นักกล้ามด้วย เลือดสีขาวส่วนของกวินทางหน่วยจะรับผิดชอบเปลี่ยนเลือดสีขาวเป็นเงินส่งให้กับญาติหรือคนที่อยู่กับเขาเอง ส่วน 25 ขวดที่จะแบ่งกันนี้เป็นส่วนของพวกเรา” คอนราดเดินเข้ามาหยิบและแบ่งเลือดสีขาวออกเป็นส่วน ๆ
“ของผมต้องการแค่ 6 ขวด โบเวนและฟาริสก็เช่นกัน ส่วนเรย์นายเอาไป 7 ขวดก็แล้วกัน มีใครคัดค้านอะไรไหม” โบเวนและฟาริสส่ายหัว พวกเขาเข้าใจว่าเรย์ควรจะได้รับมัน ทุกคนหยิบส่วนของตนเองออกไปในทันที
เรย์ก็เช่นกัน เขารู้ว่าที่หัวหน้าให้เขามากขึ้นอีก 1 ขวดนั้นก็เพราะต้องการใช้เขาพัฒนาขึ้นไปอีกระดับโดยเร็วที่สุด เรย์ไม่ได้คิดค้านเขาก็คิดว่าตัวเองควรจะรีบยกระดับโดยเร็วที่สุดเช่นกัน
“หัวหน้าอันที่จริงผมพร้อมที่จะพัฒนาไประดับ 2 แล้ว แต่ว่าต้องการให้หัวหน้าช่วย”
“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้การเลื่อนระดับควรจะเริ่มตอนที่พักผ่อนเพียงพอแล้ว”
“ได้ครับหัวหน้า”
เรย์ตอบตกลง ตอนนี้สีหน้าของทุกคนเหนื่อยพอสมควร
“นายจะกลับไปที่บ้านเลยไหม หรือจะค้างที่นี่” โบเวนถามเรย์
“ตอนนี้ยังไม่ดึกมากผมควรจะกลับไปที่บ้านก่อน ส่วนชุดเกราะคงต้องไว้ที่นี่”
“ฉันขอตัวก่อนนะ” ฟาริสพูดและเดินออกไปทันทีโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีกคล้ายกับมีเรื่องต้องไปทำ
“ฟาริสเป็นอะไร” คอนราดถาม โบเวนและเรย์ยกมือขึ้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ช่างเถอะ” คอนราดพูดจบก็เดินเข้าไปล้างตัวก่อนจะทิ้งตัวนอน ในวันนี้ที่ห้องพักทีมมีแค่คอนราดเท่านั้น ส่วนโบเวนและเรย์นั้นออกจากโรงแรมนักล่าไปพร้อมกัน