ตอนที่ 23 เคลียร์อาคารทุกชั้น(อ่านฟรี)
ตอนที่ 23 เคลียร์อาคารทุกชั้น
โบเวนและเรย์ข้ามซากศพซอมบี้ที่นอนตายอยู่บนบันไดเพื่อเดินไปที่ชั้นแรก เมื่อลงไปถึงทั้งสองก็เห็นว่าหัวหน้าคอนราดและฟาริสจัดการฆ่าซอมบี้นักกล้ามไปแล้ว
“แล้วพวกที่เหลือล่ะ” คอนราดเอ่ยปากถามถึงซอมบี้ซากศพที่เหลือ
“เรย์...ใช้เวทมนตร์ฆ่าพวกมันไปแล้ว” โบเวนตอบ
“คาถาแสงชำระล้าง การโจมตีแบบวงกว้างเลยจัดการพวกมันทั้งหมดได้ แต่ก็ต้องขอบคุณที่โบเวนช่วยด้วย” เรย์กล่าวอธิบายเพิ่ม ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและรูปแบบของคาถาเพื่อให้ทุกคนในทีมเข้าใจในคาถาของเขามากขึ้น
คอนราดได้ยินพยักหน้าให้กับเรย์ เพราะนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่เรย์สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดี ทำให้การโจมตีของทีมหลากหลายมากขึ้น
ฟาริสเองก็พยักหน้าให้เขาเช่นกัน
เรย์เดินเข้ามาดูตัวของกวินพร้อมกับคนอื่น ๆ
โบเวนยื่นมือออกไปถอดหมวกเกราะของกวิน แต่พอหมวกเกราะถูกดึงออกจากศีรษะของกวิน มันกลับชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
ทั้งใบหน้า กะโหลกศีรษะของกวินมีเลือดติดเต็มไปหมด สังเกตดี ๆ จะเห็นว่าผิวหนังของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว
นอกจากนั้น เมื่อมองดูบริเวณคอ จะเห็นว่าคอและกระดูกไหปลาร้าของกวินนั้นแตกหักทิ่มแทงเนื้อออกมาด้านนอกอย่างผิดรูป ซึ่งเป็นผลมาจากการโดนซอมบี้นักกล้ามหักคอ
โบเวนส่ายหัวเป็นการบอกว่าไม่รอดแล้ว
เมื่อเห็นสภาพของกวินทุกคนไม่พูดอะไรได้แต่นิ่งเงียบ เรย์เองก็สีหน้าที่หนักอึ้งไม่ต่างกัน
ไม่กี่นาทีก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ พวกเขายังพูดคุยกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกตื่นเต้นของการจะได้สู้ในสึกแรก แต่แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมากกวินกลับโดนฆ่าตายไปอย่างรวดเร็ว
เรย์นึกถึงคำพูดหนึ่งขึ้นมา “ให้ระลึกไว้ว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษก็ตายได้ไม่ต่างจากคนธรรมดาเมื่อเจอกับภัยพิบัติ”
ที่จริงแล้วตอนนี้พวกผู้มีพลังอย่างหน่วยนักล่าความตายแบบพวกเขายังมีโอกาสตายมากกว่าคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องอะไรและใช้ชีวิตกันอยู่ด้านนอกซะอีก
“ไปกันต่อ” คอนราดกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “อย่างไรคนตายก็ตายไปแล้วแต่ภารกิจยังต้องทำต่อให้เสร็จ”
“นายไม่เป็นอะไรนะ” ฟาริสหันมาถามเรย์
เรย์ส่ายหัว ที่จริงแล้วแม้จะเป็นเพื่อนร่วมทีมของกวินก็ตาม แต่มันก็แค่ไม่กี่วันเท่านั้น และเรย์ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือเศร้าอะไรกับการตายของกวิน แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกยินดีด้วยเช่นกัน
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือเรย์เฉยชากับมันมากกว่า เขาเคยเห็นโศกนาฏกรรมการตายของคนหลายสิบคนจากซอมบี้มาแล้วซึ่งเกิดกับครอบครัวตัวเองด้วย
การตายของกวินนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวหรือสะเทือนใจได้มากพอ
บางที่นี่อาจจะเป็นเหตุผลให้หน่วยนักล่าความตายเน้นเลือกคนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มา ถ้าเราสามารถก้าวข้ามความกลัวมาได้ครั้งหนึ่ง การเผชิญกับความกลัวและความเศร้าครั้งที่สองจะง่ายขึ้นมา
ต้องบอกว่าหน่วยนักล่าความตายคิดถูก
...
คอนราดและทีมเดินมาหยุดที่ช่องกำแพงผนังที่พัง ซึ่งลงไปยังชั้นใต้ดิน ข้างในนั้นมืดมากจนยากจะมองเห็นได้ไกล
เรย์เข้าใจถึงจุดนี้อยู่แล้วและได้ทำการควบคุมบอลแสงลูกหนึ่งลอยลงไปยังชั้นใต้ดินทันที ส่วนอีกลูกนั้นยังลอยอยู่ข้าง ๆ เรย์ เพื่อให้ความสว่างในชั้นแรกด้วย
เมื่อเห็นเส้นทางด้านล่างได้สะดวก โบเวนกระโดดลงไปในทันที การลงไปครั้งนี้ไม่อันตรายมากนัก เพราะซอมบี้แทบจะทั้งหมดโดนจัดการฆ่าไปแล้ว และถ้ายังเหลือตัวไหนอีกก็แสดงว่าพวกมันคงจะขยับเคลื่อนตัวไปไหนไม่ได้
หลังโบเวนลงไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงกลับมาส่งสัญญาณว่าปลอดภัย คอนราดและคนอื่น ๆ ก็ตามลงไปด้วยและช่วยกันตรวจสอบชั้นใต้ดิน
ที่นี่เป็นชั้นที่ใช้เก็บพวกเอกสารและพัสดุที่ใช้ในสำนักงาน มันมีแต่ชั้นวางของจงไม่ยากที่จะตรวจสอบ แสงสว่างของบอลแสงช่วยได้มาก ทำให้ทุกคนไม่ต้องใช้ไฟฉาย
บอลแสงลอยไปเรื่อย ๆ ผ่านทุกชั้นวางของโลหะ ด้วยระยะของบอลแสงที่ห่างจากตัวผู้ร่ายคาถาได้หลายเมตร ทำให้มันแทบจะเรียกว่าเป็นอุปกรณ์ตรวจสอบชั้นเลิศ เพราะถ้ามีซอมบี้จะเห็นได้จากระยะไกลทันที
ในตอนนั้นที่บอลแสงลอยห่างไปประมาณ 5 เมตรไปยังจุดหนึ่งซึ่งมีลูกกรงเหล็กกันอยู่ ก็มีเสียงครวญครางของซอมบี้ดังขึ้น
“อาก..กึก...” ซอมบี้เห็นแสงจากบอลแสงมันจึงรู้สึกลำคานจึงส่งเสียงออกมาแบบนั้น แต่พอสัมผัสว่ามีคนมามันก็พุ่งชนกรงเหล็กในทันที
เคล้ง!...
เสียงกระแทกกรงเหล็กดังอย่างต่อเนื่องปนกับเสียงโซ่ที่คล้องประตูไว้
“ดูเหมือนจะเป็นพนักงานในห้องเอกสารที่หนีซอมบี้และขังตัวเองไว้” ฟาริสกล่าว ขณะที่มองดูซอมบี้ร่างท้วมที่ตัวเขียวคล้ำและเส้นเลือดขึ้นตามตัว มีรอยแผลถูกกัดที่มือ ซึ่งตอนนี้เลือดที่หยดออกมาเป็นสีดำแล้ว แม้จะผ่านมาไม่นานก็ตาม
โบเวนไม่รอช้าเดินเข้าไปใกล้มันจากนั้นก็ชักมีดออกเสียบแทงเข้าที่หัวของซอมบี้ผ่านกรงเหล็กก่อนจะชักมีดกลับมา
“หัวหน้าข้างล่างไม่มีอะไรแล้ว เราไปจัดการด้านบนกันเถอะ อาจจะยังช่วยคนพวกนั้นทัน” โบเวนเสนอความคิดเห็น
“อืม ด้านบนชั้นสองน่าจะเหลือไม่กี่ตัวแล้ว”
ทั้งทีมเดินขึ้นมายังบันไดที่ไปชั้นสอง ฟาริสมองไปยังกองซอมบี้ที่ตายโดยไร้ซึ่งแผลก็มองไปยังเรย์ เรย์ได้แต่เพียงยิ้มตอบเท่านั้น
“เรย์ เหลือคาถาเวทมนตร์อีกเท่าไหร่” คอนราดถาม
“ลูกไฟ 3 แล้วก็แสงชำระล้างอีก 3 และที่เหลือคือคาถาบอลแสง” เรย์ตอบกลับขณะที่มือเปิดหน้าหนังสือทองคำ
“ผู้ใช้เวทมนตร์นี่น่าอิจฉาจริงเลย” โบเวนกล่าว
“แต่ก็สิ้นเปลือกสุด ๆ เลย” เรย์กล่าวสวนกลับไป
“นั้นก็จริง ได้ยินว่าใช้ทองคำเป็นสื่อนำเวทมนตร์” ฟาริสผงกหัวเห็นด้วย
“เอาละเลิกคุยเล่นได้แล้ว” คอนราดยกมือขัด ก่อนจะเดินนำทุกคนไป
“ครับหัวหน้า” ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน
“ซอมบี้พวกนี้น่าจะมารวมกันหลังประตูแล้ว ให้เรย์เป็นกำลังโจมตีหลัก ฟาริสและโบเวนช่วยกันพังประตูแล้วดันเข้าไปให้ซอมบี้กระเด็นไปไกลที่สุด จากนั้นก็ถอยกลับมา”
“ครับหัวหน้า”
ฟาริสและโบเวนเดินไปตั้งท่าที่หน้าประตู ส่วนคอนราดและเรย์ถอยออกมาสองก้าว คอนราดหันมากล่าวกับเรย์เป็นการส่วนตัว
“หลังประตูโดนพัง ผมจะโจมตีก่อนคุณจัดการตัวที่เหลือ”
“ครับ” เรย์พยักหน้าเปิดหนังสือเวทมนตร์รอ
“เอาเลย” เสียงของคอนราดดังขึ้น ฟาริสและโบเวนพุ่งชนประตูโลหะจนมันหลุดออกไปทั้งบานทำหน้าที่เป็นโล่กระแทกเข้ากับซอมบี้ด้านหลังจนกระเด็นกระดอนไปหลายสิบเมตร ร่างของซอมบี้กระแทกเข้าไปโต๊ะและเก้าอี้ในสำนักงานเสียงดังโครมคราม
เรย์ยกมือส่งบอลแสงเข้าไปลูกหนึ่งในชั้นสว่างวาบราวกับกลางวัน ทำให้ซอมบี้ต่างชะงักไปวินาทีหนึ่งเพราะอยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น
คอนราดจุดไฟแช็กน้ำมันสีเงินแวววาวรออยู่แล้ว ก่อนจะทำการขยายเปลวเพลิงจนกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ จากนั้นก็ควบคุมลูกไฟพวกนั้นให้พุ่งเข้าหาซอมบี้ซากศพสามตัวที่ไม่โดนประตูชน
ซอมบี้ซากศพเหล่านั้นโดนลูกไฟโจมตีไปเต็ม ๆ จนร่างหงิกงอไหม้เกรียม
เรย์ก็ลงมือเช่นกัน และมันก็คือคาถาบอลเพลิง
“คาเซเบธ (บอลเพลิง)”
“คาเซเบธ (บอลเพลิง)”
“คาเซเบธ (บอลเพลิง)”
อักษรเวทมนตร์ก่อขึ้นมาสามคาถาพร้อมกัน ก่อนจะกลายเป็นลูกบอลเพลิง บอลเพลิงทั้งสามพุ่งเข้าหาซอมบี้ที่กำลังลุกขึ้นมาจากการชนเมื่อสักครู่
“ว๊ากกก” ซอมบี้ทำได้เพียงอ้าปากคำราม แม้ความเร็วจะเท่ากับความเร็วของมนุษย์แต่ก็ยังช้ากว่าบอลเพลิงที่มีเป้าหมายดัง บึม!
ความแรงของบอลเพลิงนั้นด้อยกว่าลูกไฟของหัวหน้าคอนราด แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะคาถาบอลเพลิงต้องใช้เลือดสีขาวไปตั้ง 5 หยดต่อหนึ่งคาถา
เรย์คิดในใจขณะที่มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
การสังหารของหัวหน้าคอนราดและเรย์จบลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ฟาริสและโบเวนยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ
หลังจากฆ่าซอมบี้ในชั้นนี้ไปจนหมดเบื้องหน้าของทุกคนก็เหลือแต่รอยแยกมิติ
“ปิดรอยแยกมิติกันก่อนแล้วกัน” ไม่รอช้าคอนราดก็ลงมือดึงเอาดวงตามิติออกมา รอยแยกมิติที่เกิดขึ้นสลายไปอย่างรวดเร็ว คอนราดเก็บกล่องที่มีดวงตามิติอยู่ไว้ในทันทีอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเองฟาริสก็เรียกทุกคนให้มาดูบางสิ่ง
“เฮ้ ผมเจอประตูห้องประชุมแล้วทางนี้”
ทุกคนเดินตามเสียงของฟาริสมาไม่ไกลมาก ห้องประชุมที่ว่ามันอยู่สุดทางเดิน ซึ่งด้านพื้นมันทรุดตัวลงไปยังชั้นล่าง ซอมบี้ที่เหลือจึงไม่สามารถผ่านเข้าไปที่ห้องประชุมได้
เมื่อสังเกตดี ๆ ทุกคนก็พบว่าจุดที่กำแพงมันพังลงก็คือห้องที่ซอมบี้นักกล้ามมันออกมาลอบโจมตีกวิน ตอนนี้พวกเขารู้ได้แล้วว่าซอมบี้นักกล้ามทำไมมันถึงไปอยู่ในห้องสำนักงานชั้นแรก
ทุกคนข้ามพื้นที่พังไปอย่างไม่ยากมากนักก็มาถึงภายในห้องประชุกสำนักงานแล้ว
“มีใครอยู่ไหม พวกเราเป็นทีมช่วยเหลือ” โบเวนเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงการตอบกลับใด ๆ นอกจากเสียงครวญครางในลำคอและฝีเท้าที่เดินชนข้าวของในห้อง
คิ้วของคอนราดขมวดเข้าหากันพร้อมกับบอกว่า “เปิดประตูเข้าไปดูกัน”
กึก!
ด้านในประตูดูเหมือนจะมีโต๊ะขวางอยู่ แต่ก็ไม่อาจจะต้านแรงของโบเวนและฟาริสที่ช่วยกันดันประตูห้องเข้าไปได้
พอประตูเปิดเข้ามาด้านในภาพแรกที่เห็นคือความเละเทะของห้องประชุมแห่งนี้ นอกจากนั้นยังมีศพพนักงานออฟฟิศสาวนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เลือดไหลไปทั่วทั้งพื้นห้อง นอกจากศพแล้วยังมีซอมบี้ซากศพชายสองตัวที่แต่งกายด้วยชุดพนักงานของสำนักงานแห่งนี้กำลังกินศพพนักงานออฟฟิศสาวอย่างตะกละ
ซอมบี้ซากศพตัวหนึ่งกำลังแหวกช่องท้องดึงเอาอวัยวะภายในออกมากิน ส่วนอีกตัวนั้นมันดังเสื้อในออกและกัดกินฉีกก้อนเนื้อหน้าอกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยไขมันสีเหลืองใต้ผิวหนังด้วยความหิวโหย
ก่อนจะใช้สองมือยัดเข้าไปในปากและเคี้ยวอย่างเมามัน แสดงสีหน้าพึงพอใจในแบบของซอมบี้
“ไอ้เวรพวกนี้”
โบเวนทนไม่ไหวจับสปาต้าเดินไปหาซอมบี้ที่กินโดยไม่สนใจอะไร จากนั้นก็ตัดหัวซอมบี้ซากศพทั้งสองตัว