1095-1096
1/10
Ep.1095
“มนุษย์! เจ้าเป็นใคร? ใครใช้ให้เจ้ามาที่นี่?” ยักษ์ไททันตวาดเสียงเย็น
ผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์สายพันธุ์อื่นๆต่างจับจ้องมาทางซูเฉินด้วยความโกรธเคือง
“ฉันแค่แวะมาเอาของ แล้วจะรีบออกไป พวกแกอย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า”
ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ ขยับเท้าเดินไปทางรูปปั้นหินต่อ
“แส่หาที่ตาย!”
เหล่าผึกตนต่างโกรธจัด
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ซูเฉินบุกเข้ามาโดยพลการ ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แต่ยังเหิมเกริมไม่ฟังใคร เหล่าผู้ฝึกตนทนไม่ไหวอีกต่อไป เริ่มพากันร้องโวยวาย
“ในเมื่อเจ้าไม่พูด งั้นก็ไปลงนรกซะ!”
ยักษ์ไททันแผดเสียงลั่น ย่ำสองเท้าพุ่งเข้าหาซูเฉิน ระหว่างทางกำหมัดใหญ่ ถึงที่หมายหวดทุบมันลงจากเบื้องบน
“ช่างไม่รู้จักที่ตาย!”
ซูเฉินยิ้มดูแคลน ตามด้วยหนึ่งหมัดชกสวนออกไป
เห็นซูเฉินกล้าแข็งข้อกับยักษ์ไททัน เหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ต่างเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ยักษ์ไททัน เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพละกำลังมากที่สุดในบรรดาหมื่นเผ่า แค่หมัดเดียวของเขา มีน้ำหนักเป็นหมื่นจิน มากพอที่จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ตรงกันข้ามกับซูเฉิน เขาเป็นเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอ จะเอาอะไรมาสู้กับยักษ์ไททัน?
ในมุมมองของพวกเขา ตราบใดที่หมัดของยักษ์ไททันถึงเป้าหมาย ทั้งร่างของซูเฉินต้องแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี
เปรี้ยงงงง!
วินาทีถัดมา สองหมัดปะทะกันอย่างรุนแรง บังเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่น
กระนั้น สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ ภาพเหตุการณ์ที่คาดไว้ ฉากที่ซูเฉินถูกกำปั้นทุบแหลกไม่ปรากฏขึ้น
ซู๊ดดดดดด!
เสียงสูดหายใจเย็นเยียบดังขึ้นรอบด้าน
เหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว
ทั้งหมดไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามนุษย์ที่อ่อนแอ เหตุใดจึงสามารถมีชัยเหนือพละกำลังของยักษ์ไททันได้
“อ๊ากกกกกก!”
ยักษ์ไททันสูญเสียแขนข้างหนึ่ง กรีดร้องด้วยความทรมาน ชักฝีเท้าถอยกลับ
หลังจากถอยหนีมาหลายสิบก้าว เขาถึงค่อยหยุด เหม่อมองซูเฉินด้วยอาการตื่นตระหนก
ซูเฉินหรี่ตาลง สบสายตายักษ์ไททัน หากมองลึกเข้าไป จะเห็นได้ถึงประกายวูบวาบในดวงตาเขา
ยักษ์ไททันเป็นฝ่ายลงมือก่อน ฉะนั้นเขาจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไป
ในพริบตา เท้าซ้ายขยับวูบ หายวับไปจากที่เดิมราวกับภูติผี
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ได้มาถึงเบื้องหน้าของยักษ์ไททันแล้ว
“ความเร็วของเจ้า ...”
หัวใจของยักษ์ไททันเต้นระรัว ยังไม่ทันตอบสนอง หมัดของซูเฉินก็บดบังทุกวิสัยทัศน์ตรงหน้าแล้ว
และหมัดนี้ ฉับไวดั่งสายฟ้าฟาด!
บังเกิดเสียงตูม! ดังกึกก้อง ยักษ์ไททันถูกซัดระเบิดเป็นผุยผง
ช่างเป็นกำลังรบที่น่าสยดสยองอะไรเช่นนี้!
ช่างเป็นการโจมตีที่โหดร้ายเสียนี่กระไร!
ผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ตะลึงลาน สายตาที่มองซูเฉิน เวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นของความหวาดกลัว
ซูเฉินเก็บชิ้นส่วน ยกเท้าเดินไปทางรูปปั้นหินอีกครั้ง
แต่เมื่ออยู่ห่างจากรูปปั้นหินสิบก้าว จู่ๆดวงตาที่ปิดสนิทของรูปปั้นหินก็เปิดขึ้นอย่างกะทันหัน ข้างในดวงตาเผยรังสีอำมหิต ยิงลำแสงชั่วร้ายพุ่งไปทางซูเฉิน
“มนุษย์! เห็นข้าเทพมารแล้วยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก!”
เมื่อประกายแสงชั่วร้ายปะทะร่างซูเฉิน รูปปั้นหินพ่นลมหายใจเย็นชาออกมา
“แกเป็นใคร ทำไมฉันต้องก้มหัวให้ด้วย?” ซูเฉินเบ้ปาก ผุดยิ้มหยาม
อีกฝ่ายคงนึกว่าแค่แสงชั่วร้ายก็สามารถควบคุมเขาได้งั้นสิ? ซื่อบื้อซะไม่มี
“ไม่ได้ผลงั้นหรือ?” ดวงตาของรูปปั้นเทพมารเบิกกว้างเป็นลูกปัด ข้างในเต็มไปด้วยความสับสนสงสัย
ปกติแล้วแสงชั่วร้ายสามารถแทรกแซงจิตใจของผู้คนได้
เมื่อใดก็ตามที่ถูกมันสัมผัส สติจะหลุดลอยออกไปทันที และกลายเป็นหุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของเขา
ในอดีตที่ผ่านมา ลำแสงชั่วร้ายใช้งานได้ดีไม่มีผิดพลาด แต่คนเช่นซูเฉินซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากมันแม้แต่น้อย เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย
“มอบศิลาดารามรกตมา แล้วฉันจะให้แกไปสบายแบบไม่ต้องทนเจ็บปวด!”
ซูเฉินจับจ้องรูปปั้นเทพมาร เสียงน้ำเสียงเย็นยะเยือก
2/10
Ep.1096
“ช่างฝันเฟื่อง!”
รูปปั้นหินเทพมารโพล่งออกมาด้วยความพิโรธ แสงชั่วร้ายนับไม่ถ้วนฉายออกมาจากดวงตาเขา
อย่างไรก็ตาม แสงชั่วร้ายเหล่านี้ไม่ได้มุ่งไปที่ซูเฉิน แต่กลับตกไปทางเหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ที่อยู่รอบๆแทน
“มนุษย์! ไปลงนรกซะ!”
รูปปั้นเทพมารหัวเราะร่า ยกมือชิ้นไปทางซูเฉิน ออกคำสั่งแก่เหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์
“จงร่วมมือกันฆ่ามัน!”
ซูเฉินสามารถทนต่อแสงชั่วร้ายได้ นับเป็นอันตรายอย่างนิ่ง แต่ในที่นี้มีผู้ฝึกตนอยู่นับพัน และในหมู่พวกเขายังมีผู้ฝึกตนขั้น 10 มากถึงหลักร้อย
หากทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน ต่อให้ซูเฉินทรงพลังเทียมฟ้า ก็อย่าฝันว่าจะรอดชีวิตไปได้
“ก็บอกแล้วไงว่าความคิดแกมันซื่อบื้อเกินไป”
ซูเฉินส่งเสียงฮึในลำคอ เปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] และ [มิติสันโดษ] เรียกเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณและพวกฉีมู่เฟิงออกมา
“มีผู้แข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้เชียว?”
รูปปั้นเทพมารตกตะลึง เพราะเห็นๆกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหงส์เพลิง และเหล่าสัตว์ร้ายเลี้ยงวิญญาณ หรือฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ ทุกคนต่างมาถึงขั้น 10 กันหมดแล้ว
ฉะนั้นทต่อให้เหล่าผู้ฝึกตนของเขาร่วมมือกัน หากคิดสังหารซูเฉิน เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้
ได้ข้อสรุปเรื่องนี้ รูปปั้นเทพมารเริ่มเกิดความคิดหลบหนี เพราะซูเฉินทําให้เขารู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง
ที่ว่ามานี้ไม่ใช่แค่เฉพาะด้านกำลังรบเท่านั้น แต่อีกฝ่ายสามารถเพิกเฉยต่อแสงชั่วร้ายได้ นี่สร้างแรงกดดันแก่เขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะรับมือกับซูเฉินได้
“ฆ่าพวกต่างเผ่าในที่นี้ให้หมด!” ซูเฉินออกคำสั่ง ระหว่างนั้นเบนสายตากลับมามอง รูปปั้นเทพมาร รอยยิ้มหยอกเย้าผุดขึ้นบนมุมปากเขา
หัวใจของ รูปปั้นเทพมารสั่นสะท้าน หันหลังวิ่งหนีทันที
เพียงแต่ว่า ความเร็วของเขาเทียบจะเทียบกับซูเฉินได้อย่างไร?
วิ่งได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกซูเฉินไล่ตามทัน
“มนุษย์! เจ้าอยากตายไปพร้อมกับข้าๆจริงน่ะหรือ?”
เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้น รูปปั้นเทพมารคํารามใส่ซูเฉินด้วยความโกรธ
“ตายพร้อมกัน? แกมีความสามารถพอจะทำแบบนั้นหรอ?”
ซูเฉินเยาะเย้ย จากนั้นปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณ อำนาจที่มองไม่เห็นม้วนเป็นเกลียวคลื่น ถล่มทับจากเหนือหัวรูปปั้นเทพมาร
“ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!” รูปปั้นเทพมารกัดฟันแน่น ทันใดนั้นรังสีแสงสว่างจ้าทอประกายออกมาจากตามจุดต่างๆบนร่างกายเขา
คลื่นพลังจิตที่โถมทับ เพียงสัมผัสกับแสงนี้เบาๆ ก็ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... มนุษย์! ทีนี้เจ้ารู้ยังว่าข้าร้ายกาจแค่ไหน?”
รูปปั้นเทพมาร หัวเราะ เมื่อพลังแห่งศรัทธาถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เขาก็นึกว่าซูเฉินคงไม่มีทางเอาชนะเขาได้อีก
“รอบที่สาม แกมันซื่อบื้อ! ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง”
ซูเฉินยิ้มบาง โยนเมืองขนาดเล็กที่ทอแสงสีทองออกไป
[เมืองแห่งศรัทธา]!!
[เมืองแห่งศรัทธา] คือดาวข่มของพลังแห่งศรัทธา ทันทีที่ปรากฏขึ้น มันปลดปล่อยแรงดูดมหาศาล
ชั่วพริบตาเดียวเริ่มสูบกลืนพลังแห่งศรัทธาที่รูปปั้นหินเทพมารยิงใส่เขาจนสะอาดสะอ้านไม่มีหลงเหลือ
“นี่มันบ้าอะไรกัน?”
ดวงตารูปปั้นเทพมารเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พลังแห่งศรัทธาคือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เมื่อสูญเสียมันไป ก็ไม่เหลืออะไรใช้สู้กับซูเฉินอีก
ซูเฉินเก็บ [เมืองแห่งศัรทธา] แสงสีม่วงกระพริบไหวใต้ฝ่าเท้าเขา ทั้งคนทั้งร่างหายวับไปจากที่เดิม
วินาทีถัดมา ก็เข้าประชิดรูปปั้นเทพมารได้สำเร็จ
รูปปั้นเทพมาร ไม่ทันตอบสนอง ดาบคมเดียวก็ถูกฟาดฟันออกไปแล้ว
ฟัฟฟฟฟฟฟฟ!
หัวของ รูปปั้นเทพมาร กระเด็นลอยขึ้นฟ้า กลิ่นอายแห่งชีวิตเหือดหายจากร่างอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ซูเฉินชำแหละร่างของรูปปั้นเทพมาร ขุดอัญมณีในดวงตาอีกฝ่ายออกมา หลังจากเพ่งมองอย่างตั้งใจ ก็สื่อสารกับนกสำรวจ เอ่ยถามว่า “เสี่ยวซุ่น นี่ใช่ศิลาดารามรกตรึเปล่า?”
“ใช่” นกสำรวจ ช่วยตอบยืนยัน
ได้ยินแบบนั้น มุมปากของซูเฉินยกยิ้มทันใด เขาเรียกอสูรเทพปลุกพลังเข้ามา และมอบศิลาดารามรกตให้กับมัน
“ขอบพระคุณเจ้านาย!” อสูรเทพปลุกพลังรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
ซูเฉินพยักหน้า จากนั้นเข้าร่วมสังหารหมู่เหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์