ตอนที่5 หมอดูผู้น่าสงสาร
หลังจากทราบราคาทำนายโชคชะตาของหลินชิงหยินแล้ว คุณป้าท่านนั้นก็ตกลงที่จะดูดวงทันที โดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่นิดเดียว: “ตกลง หนึ่งพันเหรียญก็นับว่าสมเหตุสมผลดี!”
หลังจากยกนิ้วให้เด็กสาวแล้ว เธอกล่าวอีกว่า: “เป็นเด็กสาวที่ตรงไปตรงมา!”
ดวงตาของอาจารย์หวังเบิกกว้างในขณะที่ยกมือขึ้นปิดหน้าผากของตนเองทันที เขาขอเงินเพิ่มเพียงแค่สองร้อย เหรียญ แต่คุณป้าท่านนี้ไม่ยอมจ่ายให้ ซ้ำยังบอกว่าเขาเป็นคนหลอกลวง ?
แต่ทำไมคนที่ขอหนึ่งพันเหรียญกลายเป็นคนตรงไปตรงมาได้?
หญิงชราใช้ตรรกะอะไรคิดกันนี่? ในความเป็นจริงอาจารย์หวังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำนายโชคชะตาของหลินชิงหยินเลย
ในมุมมองของเขา การทำนายดวงชะตาคือการใช้จิตวิทยาจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วน ๆ โดยพิจารณาจากทัศนคติ การแสดงออก การแต่งกายและน้ำเสียงของลูกค้า
จากนั้นจึงทำการหลอกลวงลูกค้าอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ โดยไม่ได้ใช้หลักการดูดวงที่แท้จริงเลย ดังนั้นเมื่อเขาเป็นหมอดูจึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก ถ้าเขาสามารถเดาถูกเกินกว่าครึ่ง
ส่วนเรื่องราคานั้นสามารถต่อรองได้ขึ้นอยู่กับผลงาน หลังจากนั้นมันก็ไม่มีอะไรมาก เขาเพียงแต่เปิดปากของเขาก็เท่านั้น แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า เด็กสาววัยรุ่นคนนี้จะกล้าขอเงินถึงหนึ่งพันเหรียญ
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงชราคนนี้ซึ่งดูเหมือนผู้ที่ชอบต่อรองราคาสินค้าก็เต็มใจที่จะจ่ายมัน มันน่าแปลกใจมาก! มุมมองของอาจารย์หวังที่มีต่อหลินชิงหยินจึงเปลี่ยนไป หรือสิ่งนี้คือพรสวรรค์!
เมื่อพ่อค้าเร่เห็นใบหน้าของอาจารย์หวังที่เต็มไปด้วยน้ำตาและความตื่นเต้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะตีแขนเขาและกล่าวว่า: “คุณคิดว่า การทำนายของเด็กสาวคนนี้จะแม่นยำหรือเปล่า?”
หลังจากที่อาจารย์หวังครุ่นคิดอยู่สักครู่ เขาก็กระซิบที่ข้างหูของพ่อค้าเร่ว่า: “ประมาณว่าเด็กสาวคนนี้เห็นความตื่นเต้นในตัวหญิงชรา เธอจึงกล่าวคำเหล่านั้นออกมา แต่จากประสบการณ์หลายปีของผมในโลกแห่งการทำนายดวงชะตา เด็กสาวคนนี้ต้องเคยได้ยินบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับหญิงชราคนนี้มาก่อนอย่างแน่นอน วันนี้ผมเพิ่งเจอกับเธอ คิดว่าเธอน่าจะเดินตามผมมา”
พ่อค้าเร่พยักหน้าเห็นด้วย เขาไม่เคยเห็นอาจารย์หวังเชื่อมั่นในศาสตร์ของการทำนายโชคชะตาอย่างแท้จริงเลย อาจารย์หวังจ้องมองไปที่คุณป้าที่ร้องไห้ทั้งน้ำตา และกล่าวกับพ่อค้าเร่ขณะที่ใช้มือป้องที่ปากว่า
“ตอนที่ผมไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือ ผมได้พบกับเด็กสาวคนนี้ เธอพูดจาไม่ดีกับผม โดยบอกว่าผมจะต้องเลือดตกยางออก ให้ผมระวังเพราะอาจจะได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าผาก…”
หลังจากที่เขากล่าวประโยคสุดท้ายจบลงแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของอาจารย์หวังก็แข็งกระด้างขึ้นทันที
เขาถอนกระดาษเช็ดมือที่ปิดหน้าผากออก ทำให้เลือดไหลหยดลงมาอีก พ่อค้าหาบเร่เงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดที่เขาถูกเจาะให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ แล้วมองไปยังกระดาษเช็ดมือที่เปื้อนเลือดและถามอย่างลังเลใจว่า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญด้วยหรือ?”
อาจารย์หวังรีบยัดกระดาษเช็ดมือใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อ และหยิบเครื่องช่วยรัดขนาดใหญ่ออกมาติดไว้ที่หน้าผากของเขา
จากนั้นจึงจ้องมองไปยังใบหน้าที่เฉยเมยของหลินชิงหยิน และอดไม่ได้ที่จะกระซิบว่า: เธอสามารถทำนายดวงชะตาได้จริงหรือ? สิ่งลี้ลับมีอยู่จริงหรือ?
เขาพลิกดูหนังสือของบรรพบุรุษที่ขาดรุ่งริ่ง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย: เธอสามารถทำนายดวงชะตาได้อย่างไร? คุณป้าท่านนั้นเชื่อใจหลินชิงหยิน แม้ว่าเธอจะเห็นรูปลักษณ์ที่ด้อยประสบการณ์ของเด็กสาว เด็กสาวผู้นี้สามารถบอกความคิดที่ฝังใจมาตลอดสามสิบปีของเธอได้เพียงแค่มองหน้าเท่านั้น
เธอทั้งตื่นเต้นและตกใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าอาจารย์คนนี้จะดูเด็ก แต่เธอก็มีความสามารถมากจริง ๆ ไม่เหมือนกับคนลวงโลกเมื่อครู่นี้ เขาทำนายไม่ถูกเลยสักเรื่อง แล้วยังกล้าที่จะมาขอเงินสามร้อยเหรียญอีก สมควรแล้วที่จะถูกทุบตีอย่างนั้นด้วยความคิดนี้
คุณป้าจึงหันกลับมาและจ้องไปที่อาจารย์หวังอีกครั้ง ทำให้อาจารย์หวังเกิดความรู้สึกกลัวและรีบก้าวถอยหลังทันที พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าผากตัวเอง
เขากลัวเหลือเกินว่า หญิงชราคนนี้ที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงจะเข้ามาทุบตีเขาอีกครั้ง
หลังจากได้สัมผัสกับกระบวนการทำนายโชคชะตาโดยอาจารย์หวังคุณป้าได้รู้ว่า จะต้องจ่ายเงินให้หมอดูก่อนเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเปิดแอปของธนาคารพร้อมกับกล่าวว่า: “ตอนนี้ฉันจะโอนเงินให้หนู!”
หลินชิงหยินจ้องมองไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของคุณป้าท่านนี้ เนื่องจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม จึงรู้ว่า วัตถุที่อยู่ในมือนี้เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ
มันเป็นเครื่องมือสื่อสารในสังคมยุคปัจจุบัน และผู้คนสามารถสนทนาและเห็นหน้ากันได้ และสิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือผู้คนเพียงพิมพ์ตัวเลขลงไปในเครื่องนี้ แทนที่จะจ่ายเป็นเงินสด หลินชิงหยินแตะกระเป๋ากระโปรงที่ว่างเปล่าของตนเอง
ตอนนี้เธอมีความคิดว่า อยากจะทำนายดวงชะตาของตัวเองจริง ๆ เพราะอยากรู้ว่า ทำไมเธอต้องเกิดมามีชีวิตที่น่าสงสาร คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่เธอต้องมาเกิดในครอบครัวที่ยากจนถึงสองช่วงชีวิตเช่นนี้! “หนูไม่มีโทรศัพท์มือถือค่ะ”
หลินชิงหยินหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าของตนเอง และเขียนต่อท้ายลงไปบนกระดาษแข็งแผ่นนั้นอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงส่งให้คุณป้าท่านนี้ดู: เงินสดเท่านั้น
คุณป้าเหลือบตามองไปที่กระดาษแผ่นนั้นเป็นเวลานาน หลังจากที่เธอเห็นตัวอักษรทั้งหมดบนกระดาษแผ่นนั้นแล้ว เธอจึงเหยียดหลังของตนเองและกล่าวด้วยความหดหู่เล็กน้อยว่า:
“ตอนนี้ฉันมีเงินสดติดตัวเพียงแค่สามร้อยเหรียญเท่านั้น คราวหน้าฉันค่อยเอามาให้หนูได้หรือเปล่า?”
อาจารย์หวังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหลินชิงหยิน
ในเวลานี้เขาอยากรู้ว่า เธอโชคดีที่เดาถูก หรือเธอมีทักษะอย่างแท้จริง
เมื่อมองไปที่ความลำบากใจของทั้งสองคน อาจารย์หวังจึงเสี่ยงที่จะถูกทุบตีและเดินเข้าไปใกล้ ๆ “คุณป้า ถ้าคุณโอนเงินให้ผม ผมจะเอาเงินสดให้คุณ” คุณป้าท่านนั้นมองไปที่อาจารย์หวังพร้อมกับคิดอยู่ในใจว่า 'ฉันไม่เชื่อคุณหรอก':
“คุณทำนายไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องการหาเงินด้วยวิธีนี้หรือ? จะมากไปแล้วนะ!”
“คุณป้าว่ายังไงนะ? คุณป้ามองว่าผมเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?!” อาจารย์หวังคร่ำครวญขณะที่รีบหยิบกระเป๋าเงินออกมาและนับเงินจำนวนหนึ่งพัน้หรียญแล้วยื่นให้คุณป้าคนนั้นทันที: “ตกลง อย่างนั้นผมจะให้เงินคุณป้าก่อนก็ได้! ตรวจนับให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยโอนให้ผมก็ได้”
คุณป้ารับเงินด้วยความลังเลใจ จากนั้นได้ตรวจนับทีละใบอย่างรอบคอบ แล้วมอบให้หลินชิงหยินทันที: “อาจารย์ ท่านดูสิว่าเป็นธนบัตรจริงหรือเปล่า?”
แม้ว่าหลินชิงหยินจะไม่รู้ว่า ความแตกต่างระหว่างธนบัตรจริงและธนบัตรปลอมเป็นอย่างไร แต่เธอสามารถล่วงรู้ความคิดของผู้คนได้เพียงแค่มองหน้าพวกเขา และเพียงแค่แวบเดียวเธอก็สามารถเห็นความคิดที่แท้จริงของคน ๆ นี้ได้ หลินชิงหยินเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่อาจารย์หวังเป็นครั้งที่สองจากนั้นเธอได้เอื้อมมือไปรับเงิน: "ธนบัตรนี้เป็นของจริง"
เมื่อได้ยินดังนั้น คุณป้าจึงโอนเงินให้อาจารย์หวังและลากหลินชิงหยินไปยังพื้นที่ร่มเงาขนาดใหญ่ที่อาจารย์หวังครอบครองอยู่ เธอยกเก้าอี้ทั้งสองตัวของเขามานั่งด้วยซ้ำ
หลังจากที่วิ่งออกมาร้านหนังสือที่มีเครื่องปรับอากาศ หลินชิงหยินก็ยืนอยู่ใต้แสงแดดเป็นเวลานาน และตอนนี้แก้มของเธอแดงขึ้นเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว
ขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้อย่างใจเย็น เธอไม่ได้สนใจที่จะเอ่ยถามคุณป้าท่านนั้น แต่กลับหยิบก้อนหินออกมาหนึ่งกำมือจากกระเป๋าของตนเอง และสุ่มโยนมันไปด้านข้างระหว่างเธอและคุณป้า คุณป้าท่านนี้เก็บซ่อนความลับมานานกว่าสามสิบปี แต่ทันใดนั้นหญิงสาวผู้นี้กลับล่วงรู้ความลับทั้งหมด และตอนนี้หลินชิงหยินนั่งนิ่งโดยมิได้เคลื่อนไหวร่างกายเลยแม้แต่น้อย
หญิงชราจึงเอ่ยถามอีกครั้ง: “อาจารย์น้อย โปรดให้คำแนะนำแก่ฉันด้วยค่ะ”
……………………