ตอนที่1 หายนะสามครั้ง
ขณะนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง แต่มีผู้คนมารวมตัวกันในบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นจำนวนมากและส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาผู้สูงอายุที่มาเพื่อเต้นแอโรบิคในยามเช้าตรู่เช่นนี้
และบริเวณริมสระน้ำ จะเป็นสถานที่ซึ่งหนุ่มสาวมักจะนัดพบเพื่อทำความรู้จักซึ่งกันและกัน
หลินชิงหยินถือกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งและเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบภายในบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่เป็นเวลานาน
และในที่สุดเธอได้นั่งลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีอายุหลายร้อยปีแล้ว
จากนั้นเธอได้วางกระดาษแข็งแผ่นนั้นลงตรงหน้า ซึ่งบนนั้นมีตัวอักษรอยู่สองคำซึ่งมีขนาดที่ใหญ่พอสมควร
ตัวอักษรสองคำนั้นคือ 'หมอดู'และตามมาด้วยตัวอักษรเล็กๆที่เขียนไว้ข้างใต้ว่า 'ค่าดูดวงหนึ่งพันเหรียญ'
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้นส่วนใหญ่อดมิได้ที่จะหันมามองด้วยความสนใจ แต่พวกเขาทำเพียงแค่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับถอนหายใจเมื่อได้เห็นข้อความในกระดาษแผ่นนั้น
จากนั้นมีเสียงกระซิบกระซาบมากมายดังแว่วเข้ามาที่หูนาง
"เด็กสมัยนี้ไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้อะไรกัน? แทนที่จะไปเรียนหนังสือหนังหากลับมาต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่น!
"ดูสิ! เธอยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย คุณครูของเธอไม่ได้อบรมเรื่องศีลธรรมบ้างหรืออย่างไร?"
"เมื่อวานครอบครัวของฉันได้รับแผ่นพับจากทางราชการแจ้งว่า ให้พวกเราอยู่ในโลกของความเป็นจริงและเชื่อหลักการทางวิทยาศาสตร์ และให้เลิกงมงายเรื่องการดูดวงเสียที
ฉันอยากจะกลับไปเอามาให้เด็กคนนี้ดูเสียจริง ๆ เด็กสมัยใหม่อย่างเธอไม่เชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ได้ยังไงกัน?"
"โอ้! ค่าดูดวงตั้งหนึ่งพันเหรียญเชียวหรือ? แค่พูดเรื่องไร้สาระไม่กี่คำก็ได้เงินตั้งหนึ่งพันเหรียญเชียวหรือ?ถ้าอย่างนั้นเห็นทีข้าจะต้องเปลี่ยนอาชีพเสียแล้ว”
"... …"
"... …"
เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้น หลินชิงหยินจึงจ้องมองไปยังกระดาษแข็งแผ่นนั้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
หากตอนนี้เธอมีเงิน ทำไมเธอจะต้องลดตัวลงมาเป็นหมอดูในสวนสาธารณะแบบนี้ด้วย?
ใช่สิ! ก็เพราะตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก
เธอ 'หลินชิงหยิน' เป็นผู้นำของสำนักพยากรณ์ในดินแดนที่มีผู้วิเศษมากมาย
ส่วนสถานะของเธอคือ นักพยากรณ์ที่มีอำนาจและมีความเก่งกาจมากที่สุด
ถ้ามีใครมาขอคำทำนายจากเธอ คนผู้นั้นจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นอาวุธวิเศษที่ดีที่สุดให้กับเธอ
และต้องรอคำตอบจากเธอด้วยว่าเธอเต็มใจที่จะทำนายให้หรือไม่
แต่ในขณะนี้ เธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับกระดาษแข็งที่เขียนคำว่า'หมอดู'และต่อท้ายด้วยประโยคที่ว่า'ค่าดูดวงหนึ่งพันเหรียญ' และในตอนนี้เธอกำลังถูกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา
สิ่งนี้เป็นเพราะ…
แต่ถึงอย่างไร ในตอนนี้นางก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ แม้ว่าจะเรียกร้องอะไรได้ไม่มากนักก็ตาม
หลินชิงหยินก้มลงจ้องมองปานสีแดงที่ข้อมือขวาของตัวเอง ขณะที่ความรู้สึกทั้งหมดจมดิ่งลงไปในห้วงของความคิด
ในตอนที่เธอฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตัวเองกำลังอยู่บนโลกที่แปลกประหลาดใบนี้ แต่รูปร่างหน้าตาของเธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่ปานแดงที่ข้อมือก็ยังคงเหมือนเดิม
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่แตกต่างออกไปคือ ความสามารถขั้นสูงสุดในการพยากรณ์โชคชะตาของเธอได้ลดน้อยถอยลงไปมาก
แต่มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเริ่มฝึกฝนใหม่อีกครั้ง หลินชิงหยินยังไม่ได้ไร้ทักษะและประสบการณ์ซะทีเดียว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอเป็นเด็กมัธยมแต่ต้องกลับมาเรียนอนุบาลใหม่อีกครั้ง
เธอสามารถทำตัวตามสบายขณะที่จะเรียนและเล่นไปด้วยก็ยังไหว
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาในตอนนี้สำหรับเธอคือ เธอขาดแหล่งพลังงานที่จะใช้ในการฝึกฝน เพราะโลกปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในตอนนี้มีพลังงานที่เบาบางมากจนเกินไป จึงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเธอในการฝึกฝน
ในวันนั้นหลังจากหลินชิงหยินเดินเตร็ดเตร่ไปมารอบเมืองและได้ค้นพบว่า มีไอพลังเต็มเปี่ยมบางอย่างจากหยกชิ้นหนึ่ง
แต่ราคาหยกชิ้นนั้นมีราคาที่แพงมาก ซึ่งเด็กมัธยมที่ยากจนอย่างเธอไม่มีปัญญาที่จะซื้อมันได้อย่างแน่นอน
หลังจากคิดทบทวนอยู่นานเธอจึงตัดสินใจที่จะหาเงินด้วยตัวเอง!
ตอนนี้ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ และความหนาวเย็นในตอนเช้าได้อันตรธานหายไปแล้ว ขณะที่แสงอาทิตย์ได้สาดส่องแสงแดดที่ร้อนแรงออกมา
หลินชิงหยินใช้ด้ามพัดในมือของตนเองเขี่ยก้อนหินก้อนเล็ก ๆ บริเวณด้านข้าง และหยิบก้อนหินเหล่านั้นมาวางเรียงในตำแหน่งที่แตกต่างกัน
หลังจากวางหินก้อนสุดท้ายลงไปแล้ว ปรากฏว่าอุณหภูมิบริเวณรอบตัวเธอมีการลดลงจนน่าแปลกใจ
หญิงสาวเงยหน้าจ้องมองดูดวงอาทิตย์และคาดคะเนว่า ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง
เธอมานั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีลูกค้าแม้สักรายเดียว และนางยังคงนั่งอยู่อย่างสบายอกสบายใจราวกับว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีความสำคัญสำหรับเธอเลย
จากนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"คุณตำรวจ นั่นไงเธอ!"
ป้าจางผู้กว้างขวางประจำสวนสาธารณะแห่งนี้ดึงตัวตำรวจหนุ่มมา และทั้งคู่กำลังเดินมาทางหลินชิงหยินพร้อมกับชี้นิ้วมาที่เธอ
"คุณปล่อยให้เด็กนักเรียนหญิงมานั่งดูดวงในนี้ได้ยังไง?"
ตำรวจคนนั้นจ้องมองมายังหลินชิงหยิน จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า
"สาวน้อยจำฉันได้หรือเปล่า?"
หลินชิงหยินเงยหน้าขึ้นมองเขาและพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าของร่างที่เธออาศัยอยู่นี้รู้สึกเศร้าใจที่ตนเองสอบตก และถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนเยาะเย้ยถากถางอย่างหนัก
เธอรับไม่ได้เลยต้องการที่จะกระโดดแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตาย และนายตำรวจคนนี้กระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยชีวิตเธอเอาไว้
และเมื่อหลินชิงหยินฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างของหญิงสาวคนนี้แล้ว
"ต้องขอบคุณคุณตำรวจมากสำหรับเรื่องวันนั้น! การพบกันของเราสองคนเป็นเรื่องของโชคชะตา คุณเคยช่วยชีวิตหนูเอาไว้ ดังนั้นหนูจะดูดวงให้คุณฟรี เพื่อเป็นการตอบแทน"
หลินชิงหยินจ้องมองหน้าเขาด้วยแววตาที่อ่อนโยนลงกว่าเมื่อครู่ขณะที่กล่าวว่า
"สิ่งที่หนูเห็นคือชะตาชีวิตของคุณช่างสับสนวุ่นวาย สีเขียวในร่างของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เกรงว่าคุณจะเป็นโรคร้าย
และลิ้นของคุณเป็นสีแดงเหมือนงู ซึ่งแสดงว่าอาการป่วยของคุณอยู่ที่บริเวณช่องท้อง"
เมื่อเห็นว่าตำรวจหนุ่มคนนั้นมีอาการนิ่งเงียบไป หลินชิงหยินจึงกล่าวเตือนด้วยความหวังดีว่า
"ชีวิตของคุณจะต้องเจอกับหายนะครั้งใหญ่ถึงสามครั้ง
ครั้งแรกเกิดขึ้นในตอนที่คุณคลอดออกมา ครั้งที่สองตอนวันเกิดครบสิบแปดปี และครั้งที่สามคือเรื่องเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณ
ตราบใดที่หายนะทั้งหมดได้ผ่านไปแล้ว คุณจะปลอดภัยและมีความสุขไปจนชั่วชีวิต"
หลังจากหลินชิงหยินกล่าวจบ เธอได้ลุกขึ้นและหยิบกระดาษแข็งแผ่นนั้นขึ้นมาจากนั้นจึงเดินตัวตรงจากไป
ป้าจางจ้องมองตามหลังเธอไปและหันมาสะกิดที่เอวของตำรวจหนุ่มพร้อมกับกล่าวว่า
"หมอดูคนนี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน!คุณตำรวจ ถ้าเห็นเธอครั้งหน้าคุณต้องสั่งสอนเธอนะ!ว่าแต่ตอนนี้ทำไมคุณถึงปล่อยตัวเธอไปง่ายดายนัก?"