ตอนที่ 9 ฉันไม่ชอบกิน 2
โทรศัพท์มือถือที่ซื้อมาใหม่นั้น มีแอพพลิเคชั่นมากมาย หลินชิงหยินพยายามเล่นมันและพบว่ามันสนุกมากอย่างคาดไม่ถึง
เธอพยายามนึกถึงกฎของการสะกดตัวอักษรจากความทรงจำของตนเอง
หลังจากคลำหาอยู่นาน ในที่สุดเธอก็สามารถพิมพ์ตัวอักษรจีนและส่งให้หวังอ้วนทางไลน์เป็นข้อความแรก:
'คุณต้องท่องจำหนังสือเล่มนั้นทั้งหมดให้ได้เสียก่อน'
หวังอ้วนที่กำลังนอนตากเครื่องปรับอากาศและเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงจับมือถือของตนเองขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า
เมื่อเห็นประโยคนี้แล้ว โทรศัพท์มือถือในมือก็ร่วงหล่น และตกลงบนใบหน้าที่อ้วนกลมของตนเองทันที
หวังอ้วนปิดจมูกของเขาด้วยความรู้สึกเสียใจ และนั่งร้องไห้ด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
ถ้าเขามีสมองขนาดนั้น เขาคงเข้าเรียนในวิทยาลัยในช่วงต้นปีนั้นไปแล้ว!
หลินชิงหยินจ้องมองไปยังสติ๊กเกอร์ที่มีสีสันสดใสและน่าสนใจ ซึ่งหวังอ้วนส่งมาและอดมิได้ที่จะยิ้มด้วยความชอบใจ
ตอนนี้ในโลกที่ความตายมีอยู่จริงใบนี้ แม้ว่าจะมีพลังงานที่เบาบางและยากต่อการฝึกฝนวิชา แต่ผู้คนมีความเฉลียวฉลาดมาก และสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเหล่านี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งรสชาติของอาหารบางมื้อก็อร่อยมากด้วยเช่นกัน!
มีเสียงเปิดกุญแจนอกประตู หลินชิงหยินจึงวางโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอน จากนั้นได้เปิดประตูห้องและเรียกผู้หญิงที่ถือถุงผักคนนั้นว่า 'แม่'
บิดามารดาดั้งเดิมในชาติที่แล้วและบิดามารดาของหลินชิงหยินในชาตินี้นั้น ใบหน้าของพวกเขาเหมือนกันมาก
แม้ว่าหลินชิงหยินจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับเจ้าของร่างเดิมคืออะไรกันแน่
แต่เธอสามารถบอกได้เลยว่า การมีพ่อแม่ที่มีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะเช่นนี้ ช่วยให้เธอมีความสนิทสนมกับครอบครัวได้เร็วขึ้น
อย่างน้อยก็ไม่มีแรงกดดันที่จะเรียกพวกเขาเหล่านั้นว่า "พ่อ" และ "แม่"
เมื่อมารดาของชิงหยินเห็นบุตรสาวของตนเองออกมาทักทายโดยสมัครใจ จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ช่วงเวลาส่วนใหญ่ หลังจากหลินชิงหยินกระโดดแม่น้ำ เธอจะขังตัวเองอยู่ในห้องและทั้งพ่อและแม่ของเธอต่างก็ยุ่งอยู่กับการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพ
ทั้งสามคนพ่อแม่และลูกมีเวลาพบกันน้อยมาก และไม่มีเวลาสำหรับการสนทนาที่อบอุ่นร่วมกัน
มารดาของชิงหยินวางผักในมือเอาไว้ในครัว และหยิบแตงโมครึ่งลูกออกมาอย่างระมัดระวังแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นจึงยื่นให้หลินชิงหยิน:
"วันนี้แม่ไปทำงานตั้งแต่เช้า และไปตลาดผักเพื่อซื้อของ นอกจากต้มผักแล้วหนูอยากกินอะไรอีกหรือเปล่า?"
เมื่อหลินชิงหยินนึกถึงรสชาติของต้มผักที่กินอยู่เป็นประจำแล้ว เธอก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับฝีมือของมารดาของชิงหยินมากนัก ในตอนแรกเธอคิดเสมอว่า อาหารที่ทุกคนในยุคนี้กินนั้นมีรสชาติเป็นเช่นนี้
แต่หลังจากกินอาหารในตอนเที่ยงของวันนี้แล้ว
ทำให้รู้ว่าอาหารนั้นมีความแตกต่างกัน อีกทั้งยังมีมากมายหลายชนิด ซึ่งฝีมือของมารดาของชิงหยินนั้นแย่มากเช่นกัน
เมื่อมองไปที่หลินชิงหยินที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงง ขณะที่มารดาของชิงหยินกระตุ้นเบา ๆ :
"กินแตงโมสิ แม่หยิบมันมาจากตู้เย็นเมื่อครู่นี้เอง ตอนนี้มันยังเย็นอยู่เลย"
ในชาติที่แล้ว ผลไม้ที่ไม่มีจิตวิญญาณชนิดนี้จะไม่ถูกส่งมายังหลินชิงหยิน นางจึงมิมีโอกาสที่จะได้ลิ้มรสของมัน
ในความทรงจำของร่างเดิมมีไม่กี่ครั้งที่จะได้กินแตงโมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลไม้และสิ่งที่คล้ายกันอยู่ในอันดับสินค้าฟุ่มเฟือยมาก
เป็นการดีที่จะได้เสื้อผ้าชุดใหม่หรือได้ร่วมรับประทานอาหารกันสามคนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่ยากลำบากเช่นนี้ ครอบครัวของหลินชิงหยินจึงหาโอกาสเช่นนี้ยาก
หลินชิงหยินเช็ดมือสามครั้งก่อนที่จะหยิบแตงโมหวานฉ่ำนั้นกิน และรสชาติก็ค่อนข้างดี จากนั้นจึงหันไปมองหน้ามารดาของตนเองพร้อมกับเอ่ยถามว่า:
"หนี้สินของครอบครัวเราจ่ายหมดแล้วหรือยัง?"
มารดาของชิงหยินที่กำลังจัดโต๊ะอาหารเงยหน้าขึ้นและเผชิญหน้ากับบุตรสาวของตนเองที่นั่งอยู่บนโซฟา
ผู้เป็นมารดากล่าวขณะที่วางจานอาหารลง และมานั่งที่ม้านั่งตัวเล็กตรงข้ามหลินชิงหยิน
“หยินหยินแม่และพ่อต้องขอโทษลูกด้วย”
มารดาของชิงหยินจ้องมองบุตรสาวที่สวมชุดเก่าต่อหน้าเธออย่างรู้สึกผิดและดวงตาของเธอก็แดงระเรื่อเล็กน้อย:
"ถ้าไม่ใช่เพราะเราต้องจ่ายหนี้สิน หนูคงจะได้ไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมจงเตี้ยนแทนที่จะไปโรงเรียนปัจจุบันที่เต็มไปด้วยคนพาล"
เสียงของแม่ของชิงหยินรู้สึกว่าจะสำลักเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเธอกลัวที่จะกระตุ้นหลินชิงหยิน
ดังนั้นเธอจึงสงบสติอารมณ์ลงและพยายามฝืนยิ้มขณะที่กล่าวว่า
"แม้ว่าหนูจะสอบไม่ผ่านในปีแรกก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ เพราะหนูยังมีเวลาอีกตั้งสองปีก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตราบใดที่หนูมีความตั้งใจ ก็สามารถตามพวกเขาได้ทัน
ชิงหยินสัญญากับแม่นะว่าหนูจะไม่ยอมแพ้!”
หลินชิงหยินมึนงงเล็กน้อย:
"จะให้หนูกลับไปเรียนต่อหรือ?"
เธอนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ซึ่งมันบอกว่าหญิงสาวไม่ต้องการเรียนหนังสืออีกแล้วก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เหรอ?
“ไม่ต้องเครียด!”
แม่ของชิงหยินกล่าวทันที:
"ตอนโรงเรียนเปิด แม่จะไปปรึกษากับคุณครูของหนู เกี่ยวกับนักเรียนที่กลั่นแกล้งหนู
แม่ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะนั่งเฉย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย
แม่คิดว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจ แม่ไม่อยากให้ลูกยอมแพ้…
มารดาของชิงหยินอดไม่ได้ที่จะร้องไห้:
"เมื่อคิดว่า หนูทำลายความฝันที่จะเข้ามหาวิทยาลัยของตัวเอง
สำหรับเรื่องนี้ แม่ยอมตายซะดีกว่าที่จะให้ลูกทำแบบนั้น
แม่และพ่อต้องขอโทษลูกด้วย!"
ชิงหยินจ้องมองไปที่หลังโค้งของมารดา และยกมือขึ้นอย่างไม่คาดคิดขณะที่ตบหลังเธอเบา ๆ :
"แม่หนูรู้"
เนื่องจากความฝันของเจ้าของร่างเดิมคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี แม่ของเธอจึงต้องการให้ชิงหยินทำตามความฝันนี้ให้สำเร็จ
มารดาของชิงหยินร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งและเมื่อผ่อนคลายขึ้นมากแล้ว เธอจึงไปห้องน้ำและล้างหน้า
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอยิ้มให้หลินชิงหยินด้วยเปลือกตาสีแดงที่บ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจ:
“วันนี้พ่อกับแม่จ่ายหนี้ก้อนสุดท้ายของครอบครัวเรียบร้อยแล้ว แม่จะใช้เวลากับหนูให้มากขึ้น
หากถูกรังแกหนูต้องบอกเรา แม้ว่าเราจะจนและไม่มีอำนาจ แต่เราก็มีเหตุผลและเราไม่กลัวพวกเขา "
หลินชิงหยินยิ้มอย่างนุ่มนวล:
"แม่มั่นใจได้เลย ต่อไปนี้หนูจะไม่ให้ใครมารังแกหนูได้อีก!"
ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่ยากจนในเมืองนี้ บิดาและมารดาของชิงหยินมีการศึกษาน้อยจึงต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ อีกทั้งยังได้รับค่าตอบแทนที่น้อยมาก
โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมเข้าใจว่าบิดาและมารดาของตนเองต้องทำงานหนัก และตัวเธอก็พยายามตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่
ในการสอบระดับมัธยมต้น หญิงสาวสามารถสอบได้ที่หนึ่งในทุก ๆเทอม และผลการเรียนของเธอก็ยังเป็นอันดับหนึ่งของเมืองนี้ด้วย
หลังจากผลการเรียนของเทอมสุดท้ายในระดับมัธยมต้นของนางประกาศออกมา คุณครูจากโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีในเมืองได้มาหาเธอที่บ้าน
ตราบใดที่หลินชิงหยินเต็มใจที่จะไปเรียนต่อยังโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมฟรีเป็นเวลาสามปี แต่ยังมีทุนการศึกษาหนึ่งแสนเหรียญด้วย
หลินชิงหยินได้ยินว่า เธอจะได้รับทุนการศึกษาจำนวนหนึ่งแสนเหรียญ ซึ่งเงินสัญญานี้จะได้รับทั้งหมดในคราวเดียว เธอจึงตอบตกลงทันที และตั้งใจว่า จะใช้เงินจำนวนนี้ชำระหนี้ให้กับครอบครัวของตนเอง
เพราะเมื่อสามปีก่อนพ่อของหลินชิงหยิน ใช้เงินออมทั้งหมดเพื่อเปิดร้านร่วมกับเพื่อน ๆ เพื่อพัฒนาชีวิตครอบครัวของเขา
แต่กล่าวตามตรงว่า เขาไม่ต้องการทำธุรกิจนี้เลย จากนั้นหุ้นส่วนได้ถอนหุ้นทั้งหมดภายในหนึ่งปี จึงทำให้ธุรกิจของเขาล้มเหลว
และบิดาของชิงหยินมีมูลค่าหนี้สินทั้งหมดประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญ
ทำให้บิดามารดาของหลินชิงหยินต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
และหากเธอได้รับทุนการศึกษาหนึ่งแสนเหรียญ หนี้สินของครอบครัวจะได้รับการชำระเพื่อที่จะได้เบาบางลงไปบ้าง