ตอนที่ 7 เริ่มต้นมิตรภาพ
ในที่สุด ตอนนี้กระเป๋าเงินของหลินชิงหยินก็มิได้ว่างเปล่าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฝีเท้าของนางแผ่วเบาลงขณะที่มีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ชีวิตในชาติที่แล้วของเธอในโลกของผู้วิเศษนั้น หลายนิกายเรียกร้องให้สาวกของพวกเขาไปที่โลกเพื่อขัดเกลาจิตใจของตนเอง
แต่หลินชิงหยินกลายเป็นสาวกเอกทันทีที่เธอเข้าสู่นิกายเพราะความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเธอ
นอกเหนือจากการฝึกทำนายแล้วเธอยังศึกษาศาสตร์เกี่ยวกับตัวเลข และแม้ว่า เธอจะไม่ค่อยชอบการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวมากนัก แต่เพื่อไม่ให้สาวกแกนกลางล้มลงพวกเขาจะออกไปฝึกเรียน
หลินชิงหยินมีอายุน้อยในตอนที่เธอเริ่มเข้าสู่นิกาย แต่หลังจากเข้าสู่นิกายแล้วเธอมิค่อยสนใจใยดีกับเพื่อนร่วมนิกายมากนัก
เธอตั้งอกตั้งใจศึกษาศาสตร์ของตัวเลขและมีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษในบรรดาสาวกทั้งหลาย
ดังนั้นเธอจึงได้รับการยอมรับจากอาจารย์ของตนเองว่าเป็นศิษย์เอก
ต่อมาหลินชิงหยินได้กลายเป็นผู้นำของนิกาย เธอถ่ายทอดศาสตร์แห่งการทำนายและศาสตร์ทั้งหมดให้กับลูกศิษย์ในนิกายของเธอ
นอกเหนือจากการเก็บตัวฝึกฝนอย่างสันโดษในนิกายแล้ว ในบางครั้งเธอต้องฝึกฝนตนเองในถ้ำที่ห่างไกลผู้คน
มีเพียงคนที่มีตัวตนสูงกว่าหลินชิงหยินเท่านั้นที่สามารถเข้าพบและขอการทำนายได้ แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นของล้ำค่าที่เธอพึงพอใจ
จะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในการกลับชาติมาเกิดของเธอที่สามารถหาเงินด้วยตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอได้รับในชีวิตก่อนหน้านี้ แต่เธอก็พึงพอใจกับมันมาก
หลินชิงหยินคิดว่า โลกมนุษย์นั้นมีความน่าสนใจมาก ไม่น่าแปลกใจที่สาวกหลายคนชอบออกมาจากนิกายเพื่อมาฝึกฝนที่นี่
ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่มีปัญหากับเรื่องอื่นยกเว้นความยากลำบากในการรับประทานอาหารเท่านั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องการกินแล้ว หลินชิงหยินจึงใช้มือลูบท้องของเธอทันทีเพราะในตอนนี้นางเริ่มรู้สึกหิวแล้ว
ในตอนเช้าเธอกินบะหมี่มาแล้วหนึ่งชาม
แล้วทำไมตอนนี้เธอยังหิวอีก?
หลินชิงหยินเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า และตระหนักว่าถึงเวลาที่จะต้องกินอีกแล้ว
การกินสามมื้อต่อวันเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับหลินชิงหยิน หญิงสาวถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดและกำลังจะกลับบ้านโดยรถประจำทาง
ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงร้องโหยหวนอยู่ข้างหลังตนเอง:
“อาจารย์น้อยรอผมด้วย”
หลินชิงหยินหันไปมองทางต้นเสียงจึงเห็นอาจารย์หวังผู้หลอกลวงวิ่งเข้ามาหาพร้อมความเหนื่อยหอบ
เธอยืนอยู่ในที่ร่มข้างทาง ขณะที่เลิกคิ้วแล้วมองกลับมาที่เขา:
“มีอะไรเหรอ?”
หลังจากเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วใบหน้าของอาจารย์หวังก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส:
“ผมคงจะต้องเสียใจมาก ที่ปล่อยให้คุณจากไปแบบนี้ คุณเห็นไหมว่าวันนี้เราถูกกำหนดให้มาพบกัน แล้วคุณจะจากไปโดยไม่ทิ้งเบอร์โทรเอาไว้ได้อย่างไร!
ป้าเฉินบอกก่อนจากไปว่า ต้องการจะส่งของขวัญขอบคุณให้คุณหลังวันเกิดลูกสาวของเธอ
คุณไม่ได้ทิ้งข้อมูลติดต่อเอาไว้ แล้วผมจะแจ้งให้ทราบได้อย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว”
หลินชิงหยินเลิกคิ้วและเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า:
“ข้อมูลติดต่อคืออะไร?”
อาจารย์หวังไม่เข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังคำกล่าวของเธอเขาทำได้แค่เพียงเกาหัวและยิ้มแหย ๆ :
“แค่ให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือเพิ่มบัญชีวีแชทหรืออะไรก็ได้?”
โทรศัพท์มือถืออีกแล้วหรือ!
หลินชิงหยินจ้องมองใบหน้าของอาจารย์หวังด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และหันหน้าหนีขณะที่กล่าวว่า:
“ฉันไม่มีโทรศัพท์มือถือ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น อาจารย์หวังได้ชะงักไปครู่หนึ่งและเลยถามด้วยความสงสัยว่า:
“ทำไมคุณถึงไม่มีโทรศัพท์มือถือล่ะ? ตอนนี้แม้แต่นักเรียนชั้นประถมศึกษาก็ยังมีนาฬิกามือถือเลย!”
เมื่อเห็นหลินชิงหยินไม่ตอบสนองเลย อาจารย์หวังจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที
เขาเงยหน้าขึ้นและเอ่ยถามว่า
“อาจารย์ เราไปทานอาหารด้วยกันไหม?
อย่างไรก็ตาม เราถือได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกันแล้ว และสิ่งที่ดีที่สุดคือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน”
เมื่อได้ยินคำว่า 'อาหาร'หลินชิงหยินจึงเดินเร็วขึ้น เธอสามารถทนกินอาหารแย่ ๆ ที่บ้านได้ แต่เธอไม่มีทางใช้เงินที่เพิ่งหามาอย่างแน่นอน!
อาจารย์หวังเป็นผู้ที่มีรูปร่างอ้วนท้วมพอสมควร ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดในตอนบ่าย เขาจึงมีเหงื่อออกตลอดทางที่เดินมา
เมื่อเขาเดินไล่ตามหลินชิงหยิน เหงื่อก็ไหลย้อยลงมาที่ดวงตาของเขา ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังหลั่งน้ำตา
“อาจารย์เดินช้า ๆ หน่อยได้หรือเปล่า?”
อาจารย์หวังขยิบตาด้วยความสิ้นหวัง ก่อนที่จะกล่าวว่า:
“ตอนนี้มันเที่ยงแล้วนะ! คุณควรกินอาหารก่อนที่จะกลับบ้าน! ฉันรู้จักร้านอาหารดี ๆ แถวนี้หลายร้าน ฉันอยากเชิญชวนให้คุณลองไปกินดู”
หลินชิงหยินหยุดก้าวเดิน และหันกลับมามองเขา:
"คุณจะเลี้ยงหรือ?"
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
อาจารย์หวังพยักหน้าซ้ำ ๆ ราวกับไก่ที่กำลังจิกข้าว:
“คุณสั่งอะไรก็ได้ที่คุณชอบกิน ถือว่าเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพของเรา”
หลินชิงหยินคิดสักพักแล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
แม้ว่าทักษะการทำนายของอาจารย์หวังจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็มีความสามารถในการดึงดูดลูกค้าได้ดี
หลินชิงหยินจำได้ว่า เธอนั่งอยู่ในสวนสาธารณะเป็นเวลานานถึงสองชั่วโมงในตอนเช้า ไม่เพียงแต่เธอจะล้มเหลวในการทำธุรกิจตนเอง แต่กลับดึงดูดความสนใจของตำรวจเข้ามาแทน
เธอต้องการคำแนะนำของเขาเกี่ยวกับเคล็ดลับในการตั้งแผงลอยเพื่อต้องการหาเงินอย่างจริงจัง
เมื่อเดินเข้ามาใกล้บริเวณร้านขายหนังสือจะเห็นได้ว่ามีร้านอาหารมากมายเรียงรายอยู่บริเวณนั้น
อาจารย์หวังกวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ และเลือกร้านอาหารสไตล์ฮ่องกงที่เด็กสาวส่วนใหญ่ชื่นชอบ เขาจ่ายค่าบริการเพิ่มเพื่อขอห้องส่วนตัวเล็ก ๆ
“อาจารย์! โปรดมาทางนี้”
อาจารย์หวังผายมือออกเพื่อเชิญชวนและพาหลินชิงหยินไปที่ห้องส่วนตัวของร้านอาหารแหล่งนี้และเปิดประตูอย่างกระตือรือร้น
เมื่อลูกค้าหลายคนที่เดินผ่านไปมาเห็นชายวัยกลางคนก้มหัวให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ พวกเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ ปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ดูช่างแปลกประหลาด ราวกับว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
บริกรนำเมนูมาให้และอาจารย์หวังส่งให้หลินชิงหยินทันทีด้วยความนอบน้อม:
“คุณชอบกินอะไร?”
“อะไรก็ได้”
หลินชิงหยินโบกมือโดยไม่สนใจ:
“ฉันไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่!”
อาจารย์หวังหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของตนเอง คณะที่เปิดเมนูและเลือกอาหารจานเด่นหลายอย่างและสั่งของหวานที่สาว ๆ ส่วนใหญ่ชอบทาน
เมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินออกไปจากห้องส่วนตัวพร้อมกับเมนู อาจารย์หวังก็รินชาให้หลินชิงหยินทันที:
“ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเอง ผมชื่อ หวังหู มีชื่อเล่นว่า หวังอ้วน คุณสามารถเรียกผมได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ .”
หลินชิงหยิน หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาและมองไปที่ชาจากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอวางถ้วยน้ำชาไว้ข้าง ๆ และไม่ได้ลอง:
“ฉันชื่อหลินชิงหยิน”
“ชานี่รสชาติไม่ดีใช่ไหม?”
หวังอ้วนเอ่ยถามหลังจากตบหัวตนเอง:
"ผมลืมไปว่า เด็กสาวมักจะไม่ชอบเครื่องดื่มประเภทนี้! เดี๋ยวผมจะสั่งให้ใหม่!”