ตอนที่แล้วตอนที่ 52 ฉันแค่อยากใช้เงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 54 มุมมองของเซียวยวี่เยียนต่อความรัก

ตอนที่ 53 เซียวยวี่เยียนมาเยี่ยม


กำลังโหลดไฟล์

เย่เทียนเดินจากไปและทิ้งให้เซียวหรงยืนหว่าเว้อยู่ตรงนั้น

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรู้สึกขอบคุณหรือเกลียดเย่เทียนกันแน่ แต่อย่างหนึ่งที่เธอมั่นใจคือเย่เทียนไม่ใช่แป้งที่คนอื่นจะมานวดได้อีกแล้ว ท่าทางของเขามีความเป็นผู้นำ แสงระยิบระยับบนตัวเขาทำให้เธอรู้สึกละอายใจ

“หรงหรง...เย่ ประธานเย่รังแกเธออีกแล้วเหรอ?” หวงอิงถามด้วยความระมัดระวัง ตอนนั้นเธออยู่หน้าประตูจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องประชุม

เซียวหรงยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าเขารังแกฉัน...ฉันคงไม่ยืนงงอยู่ตรงนี้หรอก เขา...ลงทุนกับบริษัทเราห้าร้อยล้าน”

“เอ่อ...ว่าไงนะ?” แม่เซียวรีบตามออกมาเมื่อเห็นเย่เทียนจากไป เธออดไม่ได้ที่จะบ่นกับลูกสาว “หรงหรง ทำไมลูกถึงโง่แบบนี้นะ เขาลงทุนขนาดนั้นอย่างน้อยลูกต้องชวนเย่เทียนไปทานข้าวด้วยกันสิ”

“เสี่ยวเทียนเป็นเด็กดีจริงๆ ดูเหมือนเขายังมีใจให้ลูกอยู่นะ ลูกต้องกอดขาเขาไว้ให้แน่นๆล่ะ”

“ลูกมัวรออะไรอยู่รีบตามเขาไปเร็ว บอกเขาว่าแม่จะทำอาหารเย็นคืนนี้เลยมาชวนไปทานด้วยกันที่บ้าน”

เมื่อมองพ่อแม่ที่หักหลังเธอ หน้าเซียวหรงเลยดูเศร้าลง “แม่รู้ได้ยังไงว่าเขายังมีความรู้สึกดีๆกับหนู เขา...มันก็แค่ตู้เงินไร้ความรู้สึก”

“ประธานเซียว ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก!”

“ประธานเซียว สามีคุณเยี่ยมมาก!”

“น่าอิจฉาจริงๆที่มีสามีแบบนี้!”

ผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่งออกมาแสดงความยินดีกับเธอ

แต่การแสดงความยินดีสำหรับเซียวหรงแล้วเป็นเหมือนมีดเล็กๆที่กรีดหัวใจของเธอ มันยากสำหรับเธอที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่ทำกับเย่เทียนก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียง

เธอละอายใจที่ต้องไล่ตามเขาไปแบบนี้

ชั้นล่าง

เย่เทียนขึ้นรถสามล้อกำลังจะจากไป แต่เขากลับได้ยินเซียวหรงเรียกจึงหันกลับไปมอง “ว่าไง?”

เซียวหรงรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา “เย็นนี้...นายว่างไหม? ฉันอยากชวนนายไปทานอาหารเย็น”

เย่เทียนครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เอาสิ เย็นนี้เจอกัน”

แต๊กแต๊กแต๊ก...

รถสามล้อจากไป

แม่เซียวมาอยู่ข้างลูกสาวแล้วกระซิบกับเธอ “ยิ่งดูยิ่งถูกใจ...หรงหรง พ่อแม่แก่กันแล้ว ลูกเองก็ต้องเกษียณตัวเองหลังจากทำงานในบริษัทสองสามปี หากลูกมีหลานชายหรือหลานสาวได้คงจะดีมากเลย”

เซียวหรงมองพ่อแม่ด้วยอย่างหมดคำจะพูด “พ่อแม่ได้เจอพ่อแม่เย่เทียนหรือยัง? หนูยังไม่เคยเจอพวกเขาเลย ทำไมถึงคิดว่าเขายินดีจะมีลูกกับหนูล่ะ?”

“นี่...”

พ่อแม่เซียวหรงมองหน้ากันไปมา

ตอนที่เย่เทียนแต่งเข้าตระกูลเซียวมาใหม่ๆ เขาเคยพูดเรื่องนี้ครั้งหนึ่งบนโต๊ะอาหารเย็น :คุณลุง ผมก็แต่งงานกับเซียวหรงแล้ว ผมเลยอยากเชิญพ่อกับแม่มาทำความรู้จักกับลูกสะใภ้และผู้อาวุโสทั้งสองเพราะยังไงแล้วเธอก็เป็นสะใภ้ของพวกเขา ตอนนั้นพ่อเซียวแค่หัวเราะแล้วบอกว่าไม่ต้องทำให้ลำบากขนาดนั้น พวกเราค่อยมาพุดเรื่องนี้อีกทีตอนที่เซียวหรงอาการดีขึ้น

แต่แม่เซียวหนักไปกว่านั้นและพูดอย่างชัดเจน :พ่อแม่เธอเป็นชาวนาใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องรู้จักกันหรอก...เพราะพวกเราไม่มีอะไรเหมือนกัน

ตั้งแต่นั้นมาเย่เทียนก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อีกเลย

บางทีตั้งแต่นั้นมาเย่เทียนอาจขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเขากับตระกูลเซียวแล้ว

การแต่งงานของเย่เทียนเป็นแค่ธุรกิจ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

“ยามทุกข์ก็เลือกที่จะจากไป พอร่ำรวยทำไมต้องแบ่งปัน...” เซียวหรงพึมพำ “พวกเราทำให้หัวใจของเขาแตกและนั่นคงเจ็บปวดมาก เขาทำทุกอย่างจนได้มายืนอยู่ในจุดนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนก่อน”

“เฮ้อ...” พ่อแม่ของเซียวหรงถอนหายใจด้วยความเสียใจ

“แต่เขาบอกว่าจะกลับมาทานอาหารเย็นคืนนี้”

เซียวหรงหันหลังเดินกลับไปเงียบ ๆ

...

หลังออกจากบริษัทเซียวเย่เทียนก็ไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านเก่าตระกูลเซียว

ความชอบของเขาต่อคุณย่าค่อนข้างสูง

ในขณะที่พึ่งมาถึงหน้าบ้านเก่าตระกูลเซียว จู่ๆแลมโบกินี่โผล่พรวดออกมาจอดตรงประตู มีสาวน้อยแต่งตัวแฟชั่นลงมาจากรถและวิ่งมาหาเย่เทียน “เครปขายยังไง?”

“6 หยวน”

“เอาชุดหนึ่ง” สาวน้อยพูดต่อ “ไม่เอาผักชีนะ!”

“ได้”

เย่เทียนลงจากรถแล้วเริ่มทำเครป ชายวัยกลางคนได้ออกจากอีกด้านหนึ่งและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ากินของแผงลอยริมทางแบบนี้ ไม่ใช่แค่มันไม่สะอาดแต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วย ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างนะ”

“แต่หนูหิวนี่!” สาวน้อยเท้าเอวพูดด้วยอารมณ์โกรธ “อีกตั้งนานกว่างจะได้กินข้าวเย็น จะให้หนูหิวตายหรือไง?”

“นี่ก็อยู่หน้าบ้านคุณย่าแล้วไง” ชายวัยกลางคนมองอย่างช่วยไม่ได้ ดูจากรูปลักษณ์แล้วพวกเขาน่าจะเป็นพ่อลูกกัน

เย่เทียนพูดด้วยยิ้ม “เป็นอย่างคำที่กล่าวไว้ ถึงไม่สะอาดแต่กินแล้วก็ไม่ได้ป่วย นอกจากนี้วัตถุดิบพวกนี้ฉันเตรียมไว้ใช้วันต่อวันและมันเป็นของปลอดสารเคมี เชิญกินได้อย่างมั่นใจได้เลย”

ชายวัยกลางคน “ใครบ้างที่ทำธุรกิจแล้วบอกว่าของตัวเองไม่ดี”

สาวน้อยจ้องพ่อของเธอและหันไปพูดกับเย่เทียน “พี่ชายดูหนุ่มมากเลย ขายเครปแบบนี้ทำเงินได้ดีหรอ?”

“ก็ไม่ได้แย่นะ” เย่เทียนบอกตามความจริง “ถ้าโชคดี วันนึงจะได้ประมาณ 3-500”

“เยอะจัง” เด็กสาวนับนิ้ว “จากการใช้เงินของคนทั่วไป แค่นั้นก็น่าจะพอเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว”

“ใช่”

“พี่ชาย ฉันชื่อเซียวยวี่เยียน พี่ชื่ออะไรหรอ?” เธอเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาและคุ้นเคยที่ทำแบบนี้

“เย่เทียน”

“ยวี่เยียน พ่อบอกลูกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดกับคนแปลกหน้า! ลูกรู้หรือไงว่าใครเป็นคนดีใครเป็นคนเลว” ชายวัยกลางคนดุเธอ

เย่เทียนไม่ได้สนใจ เขายื่นเครปร้อนๆให้เซียวยวี่เยียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ค่อยๆกินนะ ระวังร้อน”

“อื้ม ขอบคุณนะพี่ชายเย่เทียน บ๊ายบาย”

เซียวยวี่เยียนและพ่อหันหลังเข้าบ้านเก่าตระกูลเซียว ในทางกลับกันเย่เทียนล็อคสามล้อและเดินเข้าประตูบ้านมา

“เอ๊ะ?”

เซียวยวี่เยี่ยนกำลังกินเครปอย่างมีความสุข และเมื่อเธอเห็นเย่เทียน ตาของเธอก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

ชายวัยกลางคนไม่แยแส “นายจะทำอะไร? ที่นี่คือบ้านเก่าตระกูลเซียว คนนอกไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามา”

“ฉันมาหาคุณย่า”

“มาหาคุณย่า? แล้วนายเป็นใคร?!”

“ฉันบอกไปแล้วว่าชื่อเย่เทียน​​และฉันป็นคนขายเครป”

“ความสัมพันธ์ของนายกับคุณย่าคืออะไร?”

“ว้าว ไม่มาตรวจทะเบียนบ้านด้วยเลยล่ะ? ฉันอยากถามเหมือนกันว่าคุณเป็นใคร?” เย่เทียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้พูดมากจริง

ชายวัยกลางคนเหยียดหลังตรง “ฉันคือเซียวยู่เหริน และนี่ลูกสาวของฉันเซียวยวี่เยียน”

“วันเกิดคุณย่าก่อนหน้านี้ พวกคุณไม่ได้มาใช่ไหม” เย่เทียนพูดตอบ ตราบใดที่มาเข้าร่วมงานวันเกิดวันนั้น ย่อมไม่มีทางไม่รู้จักเย่เทียนแน่นอน เพราะคืนนั้นเขาเป็นคนหล่อที่สุดในงาน

“นายรู้ได้ไงว่ามีงานเลี้ยงวันเกิดคุณย่า? ใช่ เพราะเกิดอุบัติเหตุเลยทำให้เรามาช้า” เมื่อเซียวยู่เหรินกำลังคุยกับเย่เทียน เซียวยวี่เยียนก็ไปกอดลูกท้อทองที่หน้าประตู “คุณพ่อมาดูนี่เร็ว! นี่เป็นลูกท้อทองขนาดหนักหนึ่งตัน ว้าวว้าวว้าว! สวยจังเลย!”