ตอนที่ 115+116 คิดถึงเขา
“เอ่อ พวกเธอจะว่าอะไรไหม ว่าเราจะขอเลี้ยงสัตว์ไว้ในห้องพัก” เวินเสวี่ยฮุ่ยช่วยเจียงเหยาถามอย่างระมัดระวัง
“มันน่ารักมากเลยนะ ตัวเล็กแค่ฝ่ามือเอง ทั้งยังอ่อนโยนด้วย ไม่ส่งเสียงดัง ไม่กัดคนอื่น และยังสะอาดมากด้วย!”
ขณะที่เธอกำลังพูด เวินเสวี่ยฮุ่ยก็คว้าตัวมัวที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม แล้ววางมันลงบนฝ่ามือ “นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเจียงเหยา มีชื่อว่ามัว!”
สี่สาวชำเลืองมอง ทุกคนต่างตกใจ “ว้าว! ตัวเล็กมากเลย! น่ารักมาก ๆ ด้วย!”
พวกเขาทั้งหมดเป็นวัยแรกรุ่นอายุสิบแปดสิบเก้า พวกเขาจะต้านทานความน่ารักของมัวได้อย่างไร?
“ไม่ถือ! พวกเราไม่ถือ!” หลี่อี้เป็นคนแรกที่เริ่มพูดขึ้น “ฉันเองก็จะช่วยเลี้ยง”
อีกสามคนส่ายหน้าในเวลาต่อมา ใครจะรังเกียจการมีสัตว์เลี้ยงตัวน้อยน่ารักเช่นนี้ได้? ดวงตาของสาว ๆ กลายเป็นรูปหัวใจ และแย่งกันลูบตัวมัว
“เชื่องมากเลย มันไม่วิ่งหนี ไม่เสียงดังด้วย” โจวเสี่ยวเซียยิ้มในขณะที่กล่าวชมมัว จากนั้นเธอก็พูดว่า “ไม่มีใครในนี้ไปบอกเรื่องนี้กับคนอื่นหรอก ถ้าไม่มีใครมีพิรุธจนโปะแตกนะ คนนั้นจะต้องถูกปฏิบัติด้วยเหมือนคนทรยศในห้องพักของเรา”
คำพูดของโจวเสี่ยวเซีย ทำให้สาว ๆ ทั้งหกคนหันหน้ามองกัน ทุกคนต่างพยักหน้าหนักแน่น เพื่อแสดงความมั่นใจ
ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนสาว มัวจึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเจียงเหยาอย่างเป็นทางการ แล้วยังเป็นหัวข้อสุดฮิตของสาว ๆ ในห้องพักอีกด้วย สุดท้าย มัวก็ได้รับการปฏิบัติราวกับราชา ที่มีสาว ๆ ทั้งห้าคนต่างแย่งกันขอนอนด้วยตลอดเวลา
คืนนั้นมัวกำลังเพลิดเพลินกับอ้อมแขนของสาว ๆ ทั้งห้า ยกเว้นเจียงเหยา การปรากฎตัวชองมัว ช่วยขจัดความกระอักกระอ่วนและความวิตกกังวลทั้งหมดในการพบปะกันครั้งแรกระหว่างสาว ๆ ทั้งหก และทำให้การสนทนาของคนกลุ่มนี้เริ่มขึ้นได้ทันที
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะและการพูดคุยกันของสาว ๆ ริมฝีปากของเจียงเหยาก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ เธอไม่คาดคิดว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนร่วมห้องได้ด้วยซ้ำ
บรรยากาศในห้องพักของพวกเขากลมกลืนกันมากที่สุดในตึกนักศึกษาใหม่ พวกเขาต่างพูดคุยเกี่ยวกับบ้านเกิดและชีวิตในโรงเรียนมัธยมของแต่ละคน มีคนหยิบยกประเด็นเรื่องความรักตั้งแต่อยู่มัธยมขึ้นมาพูด ทำให้เวินเสวี่ยฮุ่ยหันไปมองเจียงเหยาและยิ้มให้กับเธอโดยไม่รู้ตัว แต่กระนั้นเธอก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เจียงเหยาได้แต่งงานแล้ว
เมื่อพูดถึงเพื่อนร่วมห้องอีก 4 คนในห้องพัก แม้ว่าเจียงเหยาจะไม่แน่ใจเกี่ยวกับพวกเขา แต่ในชีวิตที่แล้ว เธอเข้ากับพวกเขาได้ไม่ดีนัก แต่นั่นเป็นเพราะปัญหาของเธอเอง พวกเขาล้วนเป็นมิตร และเข้าถึงได้ง่ายมาก ทว่าเป็นเจียงเหยาเองที่มักจะขังตัวเองไว้ในจินตนาการของตัวเธอ จนสร้างกระจกกั้นระหว่างเธอกับพวกเขา และไม่เคยกล้าที่จะเข้าร่วมอะไรกับพวกเขาเลย
หลังจากที่เธอเรียนจบ เจียงเหยาก็ขาดการติดต่อกับพวกเขาทั้งหมด ยกเว้นเวินเสวี่ยฮุ่ย ที่ต่อมาทั้งสองคนได้เดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ และอาศัยอยู่ที่นั่นสองถึงสามปี
วันรุ่งขึ้นเจียงเหยาและกลุ่มเพื่อนเดินออกจากห้องพัก พร้อมกับหอบหนังสือที่ใช้เรียนในช่วงเช้า เมื่อเธออกไปแล้ว เธออยากจะโทรกลับบ้าน แจ้งให้พ่อและแม่ของเธอรู้เกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอ โดยที่ไม่ทำให้พวกท่านต้องคอยเป็นห่วง เธอยังอยากจะถามเรื่องราวของลู่ชิงสีจากพ่อและแม่ลู่ด้วย ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างหลังจากกลับไปที่กองทัพ
เจียงเหยาต้องยอมรับว่าเธอคิดถึงชายผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะห่างกันแค่คืนเดียว
เจียงเหยามองไปที่ทิศทางของร้านค้าเล็ก ๆ ในมหาวิทยาลัย เธอจำได้ว่ามีตู้โทรศัพท์อยู่นั่น เธอสามารถใช้โทรศัพท์จากที่นั่นได้ ขณะที่เธอกำลังจะบอกกับเวินเสวี่ยฮุ่ยและคนอื่น ๆ เธอหันกลับไปและเห็นชายคนหนึ่ง พยายามเรียกร้องความสนใจจากเธอ
“คุณผู้หญิงครับ คุณรู้จักนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ชื่อเจียงเหยาไหมครับ? รู้ไหมว่าหอพักของเธออยู่ที่ไหน”
เมื่อได้ยินคำถาม เด็กสาวทั้งห้าก็มองไปที่เจียงเหยาโดยไม่รู้ตัว เธอคือเจียงเหยาที่เขากำลังตามหาหรือไม่? แต่เธอก็ชื่อเจียงเหยาเพียงคนเดียวในนักศึกษาใหม่ทั้งหมดนี่
__
เจียงเหยาเดินไปทางชายที่กำลังถามหาเธอ จากวิธีที่เขาเริ่มพูด เช่นการเรียกนักศึกษาว่าคุณผู้หญิง ทำให้เจียงเหยารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นคนที่ทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว”
“ฉันเองค่ะ” เจียงเหยากล่าว
เจียงเหยาไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือใคร เธอประหลาดใจที่เขามาตามหาเธอที่มหาวิทยาลัย ทั้งที่เธอเป็นนักศึกษาใหม่ของที่นี่ แต่จากลักษณะของเขาแล้ว เจียงเหยาสังเกตเห็นเสื้อผ้าของเขาไม่มีรอยยับย่น ไม่มีแม้แต่คราบเหงื่อให้เห็นได้ชัดเจน เธอจึงเดาว่าเขาคงจะมาที่นี่ด้วยรถยนต์หรือแท็กซี่
ชายคนนั้นคือโจวเหวยฉี เขาสับสนในความบังเอิญเช่นนั้น มันวิเศษมากที่เจียงเหยาเป็นหนึ่งคนในกลุ่มสาว ๆ ที่เขาสุ่มถาม
ในขณะนี้โจวเหวยฉีต้องเหลือบมองเจียงเหยาอยู่หลายครั้งหลายคราก่อนที่เขาจะจำเธอได้ อันที่จริง เขาเคยพบกับเจียงเหยาในวันงานแต่งงานของเธอ แต่ตอนนั้นเธอแต่งหน้าเจ้าสาว มีเครื่องสำอางท่วมท้นอยู่บนใบหน้า ทว่าจากเคล้าโครงในตอนนั้น ทำให้เขายังพอจะจดจำเธอได้
“เจียงเหยา! นี่! พนันกันได้เลยว่าเธอต้องไม่รู้จักฉัน ฉันคือโจวเหวยฉี”
โจวเหวยฉีกล่าวอย่างตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฉันมาที่นี่เพื่อมอบของให้กับเธอตามคำสั่งของพี่ลู่!”
ตามจริงแล้ว เจียงเหยาจำชายที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้ แต่ด้วยการที่เขาพูดถึง ‘พี่ลู่’ ทำให้เธอนึกถึงเพื่อนของลู่ชิงสีในจินโด เธอจำได้ว่าแม่ลู่เคยเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ชื่อ โจวเหวยฉี
แม้ว่าเจียงเหยาจะจำเขาไม่ได้ แต่การที่โจวเหวยฉีมาพบกับเธอก็อยู่เหนือความคาดหมาย “เจียงเหยา พี่ลู่ให้ฉันนำโทรศัพท์มาให้เธอ กลับห้องพักแล้วก็อย่าลืมโทรหาเขาล่ะ ฉันลงทะเบียนซิมการ์ดให้แล้ว เธอสามารถใช้งานได้ทันที”
โดยไม่ลังเล โจวเหวยฉียัดถุงลงในมือของเจียงเหยา และถามว่า “เจียงเหยา ตอนนี้ยุ่งอยู่หรือเปล่า? ไปกินข้าวกัน!”
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็อ้าปากค้างและพูดหลังจากที่เพิ่งคิดได้ว่ามีเพื่อน ๆ มาด้วยกับเจียงเหยา “โอ้ เธอชวนเพื่อนของเธอมาด้วยกันสิ!”
“ไม่~ ไม่ล่ะ ขอบคุณค่ะ~” เฉินซีหยางกล่าวอย่างเขินอาย เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
หลังจากนั้นหลี่อี้และหลินเฉียวอยู่ก็ส่ายหน้าด้วยเช่นกัน จากนั้นก็หันหน้าไปมองโจวเสี่ยวเซียและเวินเสวี่ยฮุ่ย
“ไม่นะ~ ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่กินเธอ!” โจวเหวยฉีคร่ำครวญและหันไปมองเจียงเหยาด้วยท่าทางเศร้าโศก “เจียงเหยา บอกเพื่อนเธอหน่อยสิว่าฉันไม่ใช่คนน่ากลัวสักหน่อย”
“เอาล่ะ ฉันจะไปกลับพวกคุณ เสี่ยวเซีย แล้วเธอล่ะ?” เวินเสวี่ยฮุ่ยมองไปที่โจวเสี่ยวเซียแล้วถามเธอ
โจวเสี่ยวเซียเอียงศีรษะครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ไม่ดีกว่า มีหลายอย่างที่ฉันต้องจัดการในห้องพักน่ะ”
เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่ดูจากลักษณะที่ทั้งเรียบและมีสีสันของเขาแล้ว เขาอาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้
หลังจากที่สาว ๆ จากไปแล้ว โจวเหวยฉีก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “เจียงเหยา เพื่อนของเธอคิดว่าฉันเป็นคนไม่ดี!”
เวินเสวี่ยฮุ่ยยืนเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เธอมองดูชายคนนั้นอย่างลับ ๆ และบ่นกับตัวเองว่า “ใครบอกให้คุณแต่งตัวแบบนี้เล่า?”
เธอไม่แน่ใจว่าผู้ชายที่ใช้เสปรย์ฉีดผมและลงแว็กซ์มากขนาดไหน ทรงผมเขาถึงได้มันเยิ้มและเรียบขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอเดาไม่ผิด เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา กลิ่นหอมค่อนข้างน่าพอใจ เธอเดาได้เลยว่าคงไม่ใช่โคโลญจ์ราคาถูกแน่
พูดตามตรงโจวเหวยฉีไม่ได้เดินทางมาที่เจียงหนานเพียงเพื่อเอาโทรศัพท์มาส่งให้กับเจียงเหยา เขามาที่นี่เพื่อเดินทางมาทำธุรกิจ แต่เพราะติดหนี้โทรศัพท์กับลู่ชิงสี เขาจึงคิดที่จะแวะเอามาให้กับเจียงเหยาด้วยตัวเอง