WS บทที่ 316 พิชิต PART 3
ด้วยพลังอันดิบเถื่อน พลังของเมืองทารันก็พองโตอย่างบ้าคลั่ง ร่องรอยของพลังงานลึกลับมอบให้พ่อมดฟิเนลโล่จากระยะไกล เมืองทารันทั้งหมดดูเหมือนจะกลายเป็นทะเลเพลิง เต็มไปด้วยพายุเพลิงที่น่ากลัว
*พรึ่บ! พรึ่บ!*
ร่างสองร่างวิ่งจากระยะไกลมาหยุดที่เมืองทารัน พวกเขาเป็นนักเวทย์ชราน่าเกลียดสองคน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นสภาพที่น่าสะพรึงกลัวของเมืองทารัน ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นว่าพวกเขาตกตะลึงมากเพียงใด
“บัดซบ ฟิเนลโล่ได้เรียกพลังของโมโดย่ามาแล้ว! มันคือวงแหวนเวทย์ที่ฟิเนลโล่ได้รับมาโดยบังเอิญ การใช้งานมันซับซ้อนมากแต่หากใช้งานสำเร็จ มันจะรวบรวมพลังของนักเวทย์ภายในวงแหวนเวทย์และควบคุมพลังธาตุทั้งหมดให้แก่ผู้ใช้งานแต่เพียงผู้เดียวและพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันที”
นักเวทย์ชราสองคนดูตื่นกลัวอย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ การเข้าสู่เมืองทารันจะต้องพบกับความหายนะอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
บางทีหากพวกเขาปรากฏตัวในเมืองทารันก่อนหน้านี้ ฟิเนลโล่ก็อาจจะเกรงใจและไม่กล้าโจมตีเมอร์ลิน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้เรียกพลังทั้งหมดของวงแหวนเวทย์ออกมาแล้ว ดังนั้นฟิเนลโล่จึงไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน แม้ว่าองค์ชายแปดจะโกรธเคืองในภายหลัง ฟิเนลโล่ก็สามารถเข้าร่วมกองกำลังขององค์ชายองค์อื่น ๆ ได้
กระนั้น หากเมอร์ลินตายในลักษณะนี้ คนแรกที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ก็คือนักเวทย์ชราทั้งสองคน
“พวกเราทำได้แค่รอและสวดอ้อนวอนขอให้เมอร์ลินไม่ตายอย่างรวดเร็ว เรายังมีโอกาสที่เรารอดอยู่ เราต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่างูเดี๋ยวนี้!”
นักเวทย์ชราทั้งสองคนไม่มีพลังอะไรไปรับมือพ่อมดฟิเนลโล่ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งอักษรรูนลึกลับที่จมไปในอากาศและบินออกไปในระยะไกลในชั่วพริบตา เป็นข้อความที่ส่งถึงผู้เฒ่างูในปราสาทวิลสัน
…
*ฟึ่บ!*
รูนกระพริบเล็กน้อยและกลายเป็นลำแสงสีขาวปรากฏตรงเบื้องหน้าผู้เฒ่างู
ใบหน้าที่สงบในตอนแรกของผู้เฒ่างูเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่เขาเห็นแสงสีขาว
*โครม!"
โต๊ะและเก้าอี้รอบ ๆ ผู้เฒ่างูถูกพายุรุนแรงบดเป็นผงละเอียด กระท่อมทั้งหลังโยกเยกไปมาราวกับกำลังจะพังทลาย
“ให้ตายเถอะ ฟิเนลโล่! ถ้าแกทำลายแผนการขององค์ชายแปดล่ะก็ ต่อให้แกตายนับหมื่นครั้ง มันก็ไม่พอ!”
ใบหน้าซีดของผู้เฒ่างู ตอนนี้ได้แดงก่ำ ในตอนแรก ร่างกายของผู้เฒ่างูมีเพียงเกล็ดสีเขียวที่คอของเขาแต่ตอนนี้มีเกล็ดสีเขียวเกิดขึ้นรอบตัวเขาและเกล็ดที่สลับซับซ้อนก็พันรอบใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาดูน่าสะพรึงกลัว
“หวังว่า มันจะไม่สายเกินไป!”
ในพริบตา ร่างของผู้เฒ่างูหายตัวไปจากห้องและเปลี่ยนเป็นลมกรดสีเขียวอย่างรวดเร็วและบินสู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น
…
ในเมืองทารัน เมอร์ลินมองดูอย่างสงบในขณะที่พลังของพ่อมดฟิเนลโล่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพลังของนักเวทย์ระดับสี่ มันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งบุกทะลวงไปถึงระดับห้าและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เมืองทารันทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูน เมอร์ลินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเมืองทารันอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อมดฟิเนลโล่ผ่านการก่อตั้งวงเวทย์รูน นักเวทย์ทุกคนในพื้นที่ถูกควบคุมโดยพ่อมดฟิเนลโล่ ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ถึงตอนนี้ ร่างกายของพวกเขาไม่ได้เป็นของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว พลังเวทย์ พลังธาตุ และส่วนที่เหลือทั้งหมดถูกถอดออกและกลายเป็นพลังรูนซึ่งซึมซับเข้าสู่ร่างกายของฟิเนลโล่
นี่คือพลังของวงแหวนเวทย์ซึ่งเป็นพลังที่ไม่เคยลดลงตั้งแต่ยุคทองของนักเวทย์ ครั้งหนึ่งศาสตร์อักษรรูนเป็นสิ่งที่นักเวทย์ทรงพลังต้องเชี่ยวชาญ
“ฮ่าฮ่า เมอร์ลิน ฉันหาแกไม่พบในตระกูลวิลสันก่อนหน้านี้ เนื่องจากคุณซ่อนตัวอยู่ในดินแดนมนต์ดำมาโดยตลอดและไม่มีใครสามารถทำอะไรแกได้แต่น่าเสียดายที่แกแสดงตัวออกมาและมาที่เมืองทารันแล้ว! นี่คือวงแหวนโมโดย่าที่ฉันค้นคว้ามาหลายสิบปี เป็นไงบ้าง? มันไม่เลวใช่มั้ย ฉันสามารถต่อกรกับนักเวทย์ของดินแดนมนต์ดำที่เชี่ยวชาญด้านอักษรรูนได้มั้ย? แต่ฉันเกรงว่าจะไม่มีใครประสบความสำเร็จในศาสตร์นี้มากไปกว่าฉัน…”
พ่อมดฟิเนลโล่ถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนลึกลับหนาทึบตั้งแต่หัวจรดเท้าและถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีสดใสเป็นชั้น ๆ ในก้าวเดียว เขาเดินข้ามเป็นระยะทางหลายเมตรและหลังจากก้าวสั้น ๆ ไม่กี่ก้าว เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเมอร์ลินจ้องมองมาที่เขาอย่างสุขุม
“ไม่ว่าอย่างไรพ่อมดพเนจรก็เป็นได้แค่พ่อมดพเนจร…”
เมอร์ลินส่ายหัวเบา ๆ และรอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แม้ว่าตอนนี้พ่อมดฟิเนลโล่จะดูมีพลังมากด้วยพลังของวงแหวนโมโดย่าแต่เทคนิคของด้านอักษรรูนของเขา มันไม่ได้เทียบเท่ากับดินแดนมนต์ดำ
หอคอยสูงตระหง่านในดินแดนมนต์ดำเป็นตัวแทนของความเข้าใจในศาสตร์อักษรรูนที่ลึกซึ้งที่สุดของนักเวทย์ ตัวอย่างเช่น แม้ว่าหอคอยของพ่อมดลีโอดูเหมือนจะไม่มีพลังใด ๆ แต่เมอร์ลินรู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่นักเวทย์ระดับเจ็ดจะบุกเข้ามา
หอคอยแห่งดินแดนมนต์ดำเป็นส่วนที่น่ากลัวอย่างแท้จริงขององค์กร เนื่องจากดินแดนมนต์ดำเชี่ยวชาญด้านอักษรรูน พวกเขาจึงใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของรูนในการสร้างหอคอยเหล่านั้น
เมอร์ลินยังมีความคิดที่ว่าหากตระกูลวิลสันกลายเป็นตระกูลนักเวทย์ในอนาคต เขาสามารถสร้างหอคอยรูนในปราสาทวิลสันโดยใช้วิธีการสร้างหอคอยของดินแดนมนต์ดำ
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงแผนคร่าว ๆ สำหรับตอนนี้เท่านั้น มีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องพิจารณาและดินแดนมนต์ดำอาจไม่เห็นด้วยที่จะเปิดเผยวิธีการสร้างหอคอยของพวกเขา
ดังนั้น เมื่อเขามองไปที่พ่อมดฟิเนโล่ที่พยายามแสดงอักษรรูนของเขา เมอร์ลินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ฟิเนลโล่เป็นพ่อมดพเนจรที่รู้มากกว่าคนอื่นเท่านั้น เขาคงคิดว่าศาสตร์อักษรรูนที่เขาศึกษามาทั้งชีวิต มันจะเทียบเท่าดินแดนมนต์ดำแต่จริงแล้วมันเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว!
“เมอร์ลิน แกช่างดื้อรั้นจริง ๆ ฉันได้ยินมาว่าแกได้ฆ่าไวส์กับบลูเบิร์ดแห่งออสมูและได้รับพลังปีศาจแพนโดร่ามา หึหึ…ดังนั้นแกคงหลงคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะโดยแท้จริงซึ่งแกจะสามารถดูถูกทุกคนได้งั้นรึ? พวกเขาเป็นนักเวทย์ระดับสาม ส่วนฉันเป็นนักเวทย์ระดับสี่ที่ทรงพลังจะมาเทียบกันได้อย่างไร
และตอนนี้ฉันได้รับพลังแห่งวงแหวนโมโดย่าซึ่งรวบรวมพลังของเหล่านักเวทย์กว่าร้อยชีวิตคนในเมืองทารัน ตอนนี้ฉันเปรียบได้กับนักเวทย์ระดับห้า! ฮ่าฮ่า แกรู้หรือไม่ว่านักเวทย์ระดับห้าแข็งแกร่งเพียงใด”
ใบหน้าของฟิเนลโล่เป็นสีซีด การดูถูกของเมอร์ลินเมื่อครู่ก่อนทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้า ในเวลานี้ พลังที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็ยิ่งดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการยกมือขึ้นอย่างเรียบง่าย ลมกระโชกแรงพัดวนกลายเป็นพายุขนายักษ์ส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหาเมอร์ลิน
“ม่านธรณี”
แสงสีเหลืองหม่นปรากฏขึ้นเหนือเมอร์ลินในทันที ล้อมรอบตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา พลังป้องกันของม่านธรณี หลังจากผสานเข้ากับผสานผืนพิภพ มันสามารถป้องกันคาถาระดับห้าทั่วไปได้สบาย ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรฝ่านตรงข้ามเลย
*ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!*
อักษรรูนลึกลับซึ่งบรรจุพลังแห่งพายุในตัวพวกมัน ชนเข้ากับเมอร์ลินแต่เมอร์ลินไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียวและดูสงบมาก
“มีดีแค่นี้เหรอ” เมอร์ลินส่ายหัว แล้วยกศีรษะขึ้นทันที ลและยื่นมือไปข้างหน้า
“พลังปีศาจแพนโดร่า เพลิงวินาศ!”
เปลวเพลิงสีขาวพุ่งออกมาจากเมอร์ลินอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหายักษ์พายุแต่ละตน ยักษ์พายุทั้งหมดเมื่อเผชิญหน้ากับเปลวไฟสีขาว ก็แตกเป็นเสี่ยงทันทีและกระจัดกระจายไปในสายลม
“อ่อนแอ ช่างอ่อนแอเหลือเกิน”
เพลิงวินาศของเมอร์ลินทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่มีอักษรรูนตัวใดสามารถยับยั้งมันได้ เปลวเพลิงรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและเริ่มพุ่งเข้าหาพ่อมดฟิเนลโล่ซึ่งอยู่กลางอากาศ
ใบหน้าของพ่อมดฟิเนลโล่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเปลวเพลิงสีขาว เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และอักษรรูนเริ่มปรากฏเหนือร่างกายของเขาและแข็งตัวอย่างรวดเร็วกลางอากาศ
“ด้วยจิตวิญญาณแห่งโมโดย่า ข้าขออัญเชิญรูปเคารพของท่าน!”
อักษรรูนส่วนใหญ่บนฟิเดลโล่หายไปอย่างรวดเร็วและพลังรอบ ๆ ตัวของเขาลดลงอย่างมากแต่อักษรรูนเหล่านั้นเริ่มลุกไหม้และกลายเป็นไฟลุกโชน เปลวไฟเหล่านี้ค่อย ๆ บรรจบกันกลางอากาศและก่อตัวเป็นยักษ์เปลวไฟสีทอง
ยักษ์เปลวเพลิงสีทองไร้หน้าและทั้งตัวของมันถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง เมื่อมันเผชิญหน้ากับเฟลิงวินาศของเมอร์ลิน ยักษ์เปลวเพลิงสีทองก็เอื้อมมือใหญ่ออกไปและตบมันลงอย่างแรง ธาตุเปลวไฟที่อยู่รอบ ๆ ถูกลบออกไปอย่างกะทันหันและได้ยินเสียงหวีดแหลมสูง
*ครืน! ครืน!*
เปลวเพลิงสีขาวของเมอร์ลินที่โดนยักษ์เพลิงสีทองฟาดลงอย่างรวดเร็วก็หายวับไป เพลิงวินาศไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
เมอร์ลินหรี่ตาลงเล็กน้อย นับตั้งแต่เขาได้ฝึกฝนเพลิงวินาศ มันก็ไม่เคยล้มเหลว ถึงแม้จะเป็นแค่รูปแบบแรกเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่แม็กซิมแห่งไฟถูกรวมเข้ากับคาถา พลังของเพลิงวินาศก็ยิ่งใหญ่ขึ้นและเป็นภัยคุกคามต่อนักเวทย์ระดับห้า
เนื่องจากเพลิงวินาศไม่มีผลอีกต่อไป เมอร์ลินจึงถอยหนึ่งก้าวและความเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“พลังปีศาจแพนโดร่า ดัชนีเยือกแข็ง!”
อากาศที่เย็นเฉียบพุ่งเข้าหายักษ์เปลวเพลิงสีทองอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่มันจะไปถึงมัน ความเย็นก็ระเหยไปเนื่องจากอุณหภูมิสูง มันก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน
ปัจจุบัน ในบรรดาพลังปีศาจแพนโดร่าของเมอร์ลิน ดัชนีเยือกแข็งจัดว่าอ่อนแอที่สุดและสามารถใช้ได้เฉพาะกับนักเวทย์ระดับสี่เท่านั้น หากเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมันก็ไร้ประโยชน์ เนื่องจากมันไม่สามารถรวมเข้ากับคาถาอื่นได้
“ฮ่าฮ่า เมอร์ลิน ตอนนี้แกติดอยู่ในวงแหวนเวทย์แล้ว แกทำอะไรไม่ได้นอกจากรอความตาย!”
เมื่อฟิเนลโล่เห็นว่ายักษ์เปลวเพลิงสีทองทรงพลังมากแค่ไหน เขาจึงร่ายยักษ์เพลิงทีละตัว ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะไร้ขีดจำกัดและเขาได้ปลดปล่อยยักษ์เปลวเพลิงสีทองออกมาห้าตัวติดต่อกัน
เพียงพริบตา ยักษ์เปลวเพลิงสีทองก็ได้ล้อมรอบเมอร์ลินไว้ตรงกลาง ยักษ์เพลิงเหล่านี้เปรียบได้กับนักเวทย์ระดับห้าและมีผสานผืนพิภพ เขาก็ไม่กล้าลดการป้องกันลง
ขณะที่เขามองไปที่ยักษ์เพลิงที่กำลังใกล้เข้ามา เมอร์ลินก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเสื้อคลุมสีดำที่เขาสวมอยู่ก็กระพือปีกเล็กน้อย เขาจ้องไปที่พ่อมดฟิเนลโล่และมีแสงเย็นวาบในดวงตาของเขา
“เล่นมามากพอแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะจบเรื่องนี้!”
แม้หลังจากที่เมอร์ลินพูดจบ พ่อมดฟิเนลโล่ก็ยังคงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านบนใบหน้าของเขา
*ครืน...*
ทันใดนั้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนฟ้า ความมืดประหลาดที่ดูเหมือนคลื่นยักษ์กำลังเคลื่อนตัวลงมา...