ตอนที่ 20 ระดับของรอยแยกมิติและชนิดของซอมบี้(อ่านฟรี)
ตอนที่ 20 ระดับของรอยแยกมิติและชนิดของซอมบี้
รอยแยกมิติ...คือเศษเสี้ยวของความผันผวนที่แปลกประหลาดที่ยังไม่อาจหาข้อสรุปได้ที่แน่ชัดได้
รอยแยกมิติ...คือการพยายามเชื่อมต่อของสองโลกเข้าด้วยกัน ส่วนผู้กระทำนั้นยังไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่าเกิดขึ้นเองหรือเกิดจากสิ่งใด
รอยแยกมิติ...จะมีสื่อกลางที่ใช้เชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกันคือ “ดวงตามิติ” มันจะสร้างรอยแยกที่เสถียรขึ้นมาให้ทั้งสองเชื่อมต่อกันและข้ามไปมาได้ และพื้นที่ซึ่งเกิดรอยแยกมิตินั้นจะเรียกว่า “มิติทับซ้อน” สภาพสิ่งของวัตถุจะเหมือนกับเสื่อมสลายลงในเวลาชั่วพริบตาเท่านั้น ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานจะขยายตัวออกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นก็จะมีซอมบี้ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ สร้างความเสียหายให้กับสถานที่นั้นแตกกต่างตามระดับไป
“0 อันตรายเล็กน้อย พบเห็นได้บ่อยที่สุด เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“1 อันตราย พบเห็นได้บ่อย แต่ไม่ถี่มากนัก”
“2 อันตรายร้ายแรง พบเห็นได้ไม่บ่อย หลายครั้งสร้างความเสียหายและคนตายจำนวนมาก”
“3 ทำลายล้างระดับเมือง พบเห็นยากมาก ทำลายทั้งผู้คนและธรรมชาติ แต่สามารถฟื้นกลับมาได้ถ้าเวลาผ่านไป”
“4 ภัยพิบัติร้ายแรง มิติผสานกัน ทำลายล้างถาวร ดินแดนแห้งแล้ง ผู้คนตาย ถ้าไม่รีบหยุดจะนำความตายมาสู่ทุกดินแดน”
“5 สูญสิ้นชีวิต ทำลายล้างถาวร ซอมบี้ไร้สิ้นสุด วันสิ้นโลก”
หมายเหตุ เป็นเพียงการคาดการจากผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด เรย์อ่านข้อความมาถึงตรงนี้ก็ถึงกับหวาดหวั่นในใจ “มิติผสานกัน ทำลายล้างถาวร ทำลายล้างโลก ซอมบี้ไรสิ้นสุด วันสิ้นโลก”
เรย์รีบตั้งสติก่อนจะบอกกับตัวเองว่านี่เป็นเพียงการคาดการเท่านั้นมันยังไม่เกิดขึ้นจริง พอคิดได้ดังนั้นก็ทำให้เรย์รู้สึกว่าตัวเขาเองช่างเล็กกระจ่อยแค่ไหน แม้จะมีพลังพิเศษแต่เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่อาจจะรอดพ้นจากภัยพิบัติพวกนี้ได้ ไม่ต่างจากคนธรรมดา
“นี่มัน...มันเป็นไปไม่ได้” กวินที่อ่านเอกสารฉบับนี้เหมือนกับเรย์พูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เฮ้! นายจะเสียงดังทำไม?” โบเวนที่นอนอยู่ถามออกมา
“ก็เอกสาร ไม่สิเรื่องรอยแยกพวกนี้มัน...มัน...”
“มันอะไรเล่า มันบ้าใช่ไหม ไม่เชื่ออย่างนั้นเหรอ ดีแล้วเพราะของพวกนี้มันแค่การประเมินเท่านั้น อย่าไปคิดมาก จริงสิ ถ้าจะคิดพวกนายควรเอามันมาเป็นแรงผลักดันก็ได้ ให้ระลึกไว้ว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษก็ตายได้ไม่ต่างจากคนธรรมดาเมื่อเจอกับภัยพิบัติแบบนี้” ฟาริสพูดด้วยเสียงที่จริงจัง
“นายเอาคำพูดของหัวหน้ามาใช้อีกแล้ว” ฟาริสพูดขัด
“เอาน่าใครพูดก็เหมือนกัน จริงไหม” โบเวนหันไปมองสองสมาชิกใหม่
“ขอบคุณรุ่นพี่ที่สอนสั่ง” กวินขอบคุณโบเวน ตอนนี้เขาเริ่มปรับอารมณ์ได้แล้ว
“ฮ่า ๆ นายได้ยินไหม ฉันกลายเป็นรุ่นพี่ที่สอนสั่งไปแล้ว” โบเวนหัวเราะชอบใจกับฟาริส
ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กับกวิน กวินยิ้มออกมาด้วยความยินดีที่ตนเองเริ่มเข้าขาได้กับโบเวนแล้ว
เรย์คิดตามสิ่งที่โบเวนพูด ไม่สิคำพูดของหัวหน้าคอนราดที่โบเวนยืมมาพูด “ให้ระลึกไว้ว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษก็ตายได้ไม่ต่างจากคนธรรมดาเมื่อเจอกับภัยพิบัติ”
ตอนนี้กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะใช่ว่าจะจริง แต่เราต้องแข็งแกร่งมากขึ้นจนเอาตัวรอดจากซอมบี้ให้ได้ เรย์เปิดเอกสารต่อไป
“ซอมบี้” ในที่สุดตัวหลักก็มาถึง เรย์ลงมืออ่านในทันที หลังจากอ่านไปสักพักเรย์ก็พึ่งเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าซอมบี้ที่เขาเจอทำไมถึงถูกเรียกว่าซอมบี้ซากศพ
ซอมบี้ซากศพ ระดับ1-2 คือซอมบี้จากศพมนุษย์ที่พึ่งกลายร่าง ผิวหนังเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น ความเร็วเท่ามนุษย์ปกติ แต่ไม่สติปัญญาหลงเหลืออยู่ การกัดสามารถทำให้ติดเชื้อได้ จุดอ่อนของมันคือศีรษะ ถ้าโดนโจมตีจะทำให้มึนงง แต่ถ้าต้องการฆ่าต้องทำลายสมองและถ้าต้องการความแน่นอนต้องตัดคอมัน
ข้อมูลที่เรย์อ่านทำให้เข้าใจซอมบี้ซากศพได้มากขึ้น เรย์ลองไล่ดูก็มีรายชื่อของซอมบี้อีกจำนวนหนึ่ง
ซอมบี้โครงกระดูก ระดับ 3-7 เป็นซอมบี้ที่ไม่มีผิวหนัง กล้ามเนื้อเปลี่ยนเป็นกระดูก ทำให้มีการป้องกันสูง มีกรงเล็บกระดูกแหลมคม ไม่สติปัญญาทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น โดดเด่นในเรื่องการป้องกัน พละกำลังและการสู้ระยะประชิดตัว จุดอ่อนคือข้อต่อต่าง ๆ และถ้าต้องการฆ่าต้องทำลายสมอง การกัดสามารถติดเชื้อได้
ซอมบี้นักล่า ระดับ 5-7 เป็นพวกที่เดินด้วยแขนขาทั้ง 4 ปากฉีกกว้างถึงหู ตาบอด อาศัยการดมกลิ่น สติปัญญามีในระดับต่ำ โดดเด่นในเรื่องของความเร็วการเคลื่อนที่และการตามล่าเหยื่อ นิสัยชอบซุ่มโจมตี เวลาหมายตาเหยื่อตัวใดแล้วมันจะตามไม่หยุด จุดอ่อนคือขาทั้ง 4 เพราะถ้ามันบาดเจ็บหรือสูญเสียขาจะทำให้การเคลื่อนที่เสียสมดุล นั้นหมายถึงมันจะเคลื่อนที่ช้าลงมาก ๆ การฆ่าให้ตายต้องทำลายสมอง ที่สำคัญการกัดและกรงเล็บของมันสามารถแพร่เชื้อได้
ซอมบี้นักกล้าม ระดับ 3-7 มีลักษณะใหญ่โตซึ่งมาจากมวลกล้ามเนื้อและกระดูก ร่างสูง 2.5-3 เมตร มีแขนยาว 2 เมตร กล้ามเนื้อใหญ่ ผิวหนา ทำให้มีร่างกายที่ทรงพลัง ความทนทานและการป้องกันสูง แต่แลกมาด้วยการเคลื่อนที่ไหวที่ช้าลง การกัดสามารถทำให้ติดเชื้อได้
ซอมบี้อาเจียน ระดับ 4-8 มีลำตัวบาง ร่างผอมแห้ง แต่ท้องป่อง ภายในบรรจุเชื้อซอมบี้สีเขียว กลิ่นเหม็นเน่า และสามารถละลายเหล็กได้ มีนิสัยชอบวิ่งเข้าประชิดเหยื่อและอ้วกใส่เหยื่อ ก่อนจะกินร่างที่ละลายของเหยื่อกลับไป สามารถติดเชื้อได้
ในรายชื่อเอกสารนั้นมีชนิดของซอมบี้อยู่แค่นี้ แต่เรย์เชื่อว่ามันน่าจะมีมากกว่านี้ เพียงแต่ชนิดอื่น ๆ คงยากจะพบเจอหรือไม่ข้อมูลพวกนี้ก็ไม่ใช่ระดับเขาที่สามารถรู้ได้
...
เวลา 6 โมงเย็นเรย์และคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายในโรงแรมนักล่า เมื่อไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทั้ง 4 คนจึงหันมานั่งเล่นไพ่เพื่อค่าเวลาจนกระทั่งในตอนนั้นเองคอนราดก็เดินเข้ามาในห้อง
“เตรียมตัวมีสายมาจากสำนักงานตำรวจมีเหตุที่เกี่ยวกับซอมบี้ห่างออกไปนอกระยะตรวจจับของหินตรวจจับ” คอนราดกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ฟาริสและโบเวนตอบสนองไวสุด เรย์และกวินรีบลุกขึ้นมาสวมใส่ชุดเกราะยุทธวิธีในทันที
หลังจากใส่ชุดเรย์ก็เอาซองปืนออกมาติดข้างเอวพร้อมกับแม็กกาซีนสำรองตามด้วยกระเป๋าของผู้ใช้เวทมนตร์เขาตรวจดูของอีกครั้ง
“เอาหมวกเกราะไปด้วย” ฟาริสหันไปบอกกับเด็กใหม่ทั้งสอง เรย์คว้าหมวกเกราะมาก่อนจะเดินตามคนอื่น ๆ ออกไปและลงลิฟต์ไปที่ชั้นใต้ดิน
“รถหุ้มเกราะขนาดใหญ่ขับเคลื่อนหกล้อ PWCM2-009” เรย์เคยเห็นในหนังสือพิมพ์ถึงรถแบบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นของจริง กระจกทั้ง 4 ด้านมืดทึบทำให้ยากจะมองจากข้างนอกเข้ามาได้
“รถหุ้มเกราะขนาดใหญ่ขับเคลื่อนหกล้อ PWCM2-009 ถูกพัฒนาเพื่อให้เราหน่วยนักล่าความตายใช้โดยเฉพาะ พวกคุณสองคนไปนั่งหลังแล้วกัน” คอนราดบอกกับเรย์และกวินทั้งสองพยักหน้าทำตามโดยไม่พูดอะไร
คอนราดขึ้นที่นั่งคนขับทันที ครั้งนี้เขาเป็นคนขับเอง มีฟาริสนั่งข้างคนขับ โบเวนเดินไปถอดสายชาร์จแบตเตอรี่ของรถออกก่อนจะกระโดดไปนั่งเบาะกลางคนเดียว โบเวนหันมาพูดกับเรย์และกวิน “ภารกิจแรกตื่นเต้นดีใช่ไหมล่ะ”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะตอบคอนราดก็เหยียบคันเร่งขับรถออกไปในทันที รถพุ่งออกมาจากทางประตูทางออกจากชั้นใต้ดินพุ่งขึ้นมาอย่างแรง ทำเอาคนในรถโยกตามกันไป ก่อนที่คอนราดจะหักดริฟและขับรถออกไปตามถนนในช่วงเย็นของวัน มุ่งหน้าสู้ทางตะวันตกของเมืองเรซี
เรย์ที่ตอนนี้หัวใจเต้นตูมตามเขาจับไปที่หมวกเกราะที่วางอยู่บนตักแน่น ด้านข้างกวินก็ไม่ต่างกัน
“ฟาริส คุณอธิบายที” คอนราดส่งเอกสารให้กับฟาริส
ฟาริสรับเอกสารมาก่อนจะอธิบายภารกิจของพวกเขา “เป้าหมายเป็นอาคารสำนักงานขนาดเล็กมีทั้งหมด 2 ชั้นและชั้นใต้ดินอีก 1 คาดการว่ามีคนอยู่ราว ๆ 10 คน ตอนนี้มีผู้รอดชีวิตติดอยู่ในห้องประชุมชั้นสองประมาณ 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นคนโทรมาแจ้งกับทางตำรวจ แต่ตอนนี้สายโทรศัพท์ภายในน่าจะเสียหายทำให้ไม่สามารถติดต่อเข้าไปได้ พื้นที่ตั้งของอาคารโดยรอบไม่มีที่อยู่อาศัยหรือผู้คนมากนัก สามารถมือได้อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องซอมบี้อาจจะออกจากนอกพื้นที่นั้นยังไม่มีรายงาน แต่คิดว่าน่าจะยังไม่มีเพราะโดยรอบสำนักงานมีกำแพงสูง 2.5 เมตรล้อมรอบ ส่วนประตูหน้าได้ปิดกั้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและกันคนออกไปจนหมดแล้ว”
ฟาริสอธิบายข้อมูลที่ได้มาอย่างรวดเร็ว
“ระวังตัวกันให้มาก ๆ เพราะที่นี่มีคนเยอะอาจจะมีซอมบี้เยอะตามไปด้วย ฟาริสประกบคู่กับเรย์ โบเวนกับกวิน อย่าให้คาดสายตากัน เตรียมหมวกเกราะไว้ด้วยเผื่อได้ใช้”
“ครับหัวหน้า” ทั้งสี่คนตอบรับพร้อมกัน
รถของพวกเขาใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงจุดหมาย ในตอนนั้นเองเรย์ก็สัมผัสได้ถึงการสั่นเบา ๆ มาจากหินตรวจจับที่พกมา เขาเอามันออกมา หินเรื่องแสงกะพริบถี่ ๆ เป็นการบอกว่ามีรอยแยกมิติเกิดขึ้นด้านหน้าจริง ๆ
เจ้าหน้าที่หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอให้กลุ่มคนปริศนามาด้วย แทนที่จะบุกเข้าไปช่วยผู้รอดชีวิตเลย
“ผู้กองเรากำลังคนตั้ง 15 นายน่าจะเข้าไปช่วยผู้รอดชีวิตได้ทำไมต้องรอพวกเขาด้วย”
“แกจะเอากระบองไม้ไปตีกับพวกผู้ก่อการร้ายหรือยังไง”
“ก็ไม่ใช่ว่าหัวหน้าเราสามารถเบิกปืนออกมาใช้ได้ไม่ใช่หรือไง”
“ทำตามคำสั่งไป พวกสองคนไปยืนเฝ้าป่าตรงนั้นไว้ นายสองคนไปเฝ้ารอบ ๆ” ผู้กองฟินทันสั่งการในทันที
ในตอนนั้นเองคนที่ฟินทันรอคอยก็มาถึง คอนราดเปิดประตูรถออกมา และเดินเข้าไปพูดฟินทัน ที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 นายยืนคุ้มกันอยู่หน้าประตูทางเข้าไปทางสำนักงานแห่งนั้นอยู่
“สวัสดีครับ ร้อยเอกพิเศษคอนราด ในที่สุดคุณก็มาถึง” หินตันยิ้มด้วยความยินดี
“ผู้กองฟินทันช่วยกันเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่เกี่ยวออกไปก่อน ส่วนที่รู้เรื่องให้เฝ้าอยู่ทางประตูทางเข้าสักสองถึงสามคนก็พอ” คอนราดพยักหน้าทักตามมารยาทก่อนจะสั่งการออกไปอย่างไม่เกรงใจ
ฟินทันทำตามที่คอนราดบอกในทันที แม้นับตามยศเขาและคอนราดอาจจะมียศเท่ากัน แต่ถ้าเทียบกับตำแหน่งแล้วของคอนราดสูงกว่าเขากึ่งหนึ่ง