ตอนที่ 127 เหยี่ยวเฟอร์รุจินัส
ตอนที่ 127 เหยี่ยวเฟอร์รุจินัส
ที่ตั้งค่ายพักของคาราวานพ่อค้าฟลินต์
ดวงจันทร์และเคลควบม้ากลับมาที่ค่ายพักอย่างรีบร้อน นั้นทำให้พ่อค้าฟลินต์ที่ตอนนี้กำลังกังวลอยู่รีบเข้ามาถามทั้งสองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที
“เกิดอะไรขึ้น คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด?” ฟลินต์ถามทั้งสอง ขณะที่สายตากวาดไปรอบเพื่อหานักล่าค่าหัวเดวินและคนอื่น ๆ ที่ติดตามเขาไป
“ท่านพ่อค้าฟลินต์ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขายังคงปลอดภัยดี หลังจากพวกเราตัดหัวผู้นำกองโจรก็พากันถอยออกมา เพราะโจรพวกนั้นมีจำนวนมากเกินไป ท่านเดวินให้พวกเราแยกกลับมาคุ้มกันท่านก่อน เพราะพวกมันอาจจะแยกกันมาทางนี้ ส่วนที่เหลือพวกเขาพากันสู้กับโจรที่ตามมา” เคลอธิบายให้พ่อค้าฟลินต์ฟัง
“อืม”
พ่อค้าฟลินต์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรกันต่อ ตอนนั้นก็มีเสียงควบม้าตรงมาที่พวกเขา
“เจอแล้ว ที่คาราวานพวกมันไม่มีคนคุ้มกันมากนักนอกจากสองคนนั้น”
“รีบฆ่าพวกมันให้หมดเลย”
“แก้แค้นให้ผู้นำอาเร”
โจรทั้งสามที่ตามดวงจันทร์และเคลมานั้นเป็นนักรบฝึกหัด ระดับ 1 นั้นทำให้ทั้งสองแสดงสีหน้ากังวลออกมา เพราะการรับมือกับ NPC ในระดับเดียวกันนั้นยากพอสมควร แต่นี่ฝั่งนั้นมีมากกว่าพวกเขาหนึ่งคน
“รีบพาทุกคนไปหลบด้านในก่อน”
พ่อค้าฟลินต์และลูกน้องทั้ง 8 คนต่างพากันเข้าไปหลบในรถม้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาพร้อมที่จะขับรถม้าหนีในทันที แม้จะรู้ว่ารถม้าลากนั้นยากจะหนีความเร็วของม้าที่พวกโจรหนีไม่พ้นก็ตาม แต่ก็ดีกว่ายอมจำนนโดยที่ไม่ทำอะไร
ดวงจันทร์หยิบคันธนูของตนออกมา เคลก็ชักดาบออกมาจากฝักเช่นกัน ระยะห่างจากทั้งสองและโจรสามคนนั้นหดสั่นลงมาอย่างรวดเร็ว ระยะไม่เกิน 50 เมตร
ฟริ้ว!
ลูกศรของดวงจันทร์พุ่งเข้าหาโจรที่อยู่หน้าสุดในทันที แต่โจรคนนั้นก็กล่าวออกมาพร้อมกับปัดป้องลูกศรทิ้งอย่างง่ายดาย
“อ่อนหัด”
ฮี่ ๆ ๆ
แต่ตอนนั้นเองม้าของมันก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะศรดอกแรกเป็นเพียงการโจมตีเพื่อปิดบังศรอีกดอกเท่านั้น
ม้าตัวนั้นเสียหลักล้มลงในทันที ทำให้โจรคนนั้นไม่มีทางเลือกต้องกระโดดลงจากหลังม้ากลิ้งไปกับพื้น
“เวรแล้วไง ระวังมือธนูสาวผู้นั้น” โจรอีกร้องตะโกนออกมา
“ข้าจัดการเอง” โจรอีกคนตะโกนตอบ
แม้ดวงจันทร์จะทำให้โจรตกม้าไปหนึ่งแต่อีกสองก็ยังควบม้าเข้ามาปะทะกับทั้งสอง ดาบของโจรขี่ม้าฟันเข้าหาเคล เขาตวัดดาบยาวในมือเข้าปะทะกับดาบของโจรเช่นกัน
เสียงของดาบโลหะทั้งสองเสียดสีกันอย่ารุนแรง ทั้งโจรและเคลต่างมีพละกำลังพอ ๆ กัน
“ตายไปซะ” โจรออกแรงกดดาบไปด้านหน้า แต่เคลอาศัยความเร็วกว่าเบี่ยงตัวหลบใช้ดาบสองมือลุดไปกับใบดาบโค้งของโจรจนสุดโคนดาบก่อนจะผลักดาบเฉือนตัดเข้าที่คอหอยของโจรเลือดพุ่งกระฉูด
“อั๊ก ๆ” โจรขี่ม้ายกมือขึ้นกุมคอก่อนที่มันจะตกลงจากหลังม้าตะเกียกตะกายอยู่ไม่กี่วินาทีก็แน่นิ่งไป
เคลรีบพุ่งตรงไปหาโจรอีกคนที่ตกลงจากหลังม้าก่อนหน้า เพื่อจัดการปิดฉากมัน
ส่วนทางด้านดวงจันทร์ หญิงสาวยกคันธนูขึ้นมาเล็กลูกศรใส่โจรในระยะ 5 เมตร พร้อมกับยิงออกไป
ฟริ้ว!
ลูกศรยิงเข้าใส่โจร แต่โจรคนนั้นกับยกดาบขึ้นมาปัดป้องศรออกไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่มันจะเข้าประชิดตัวของหญิงสาว
“ตายซะ! นังสารเลว!!” โจรร้องคำรามออกไปดาบตวัดฟันเข้าใส่ดวงจันทร์ ทำให้เธอไม่มีทางเลือกต้องกระโดดลงจากหลังม้าตกลงไปที่พื้น
โจรขี่ม้าไม่รอช้าบังคับม้าให้มันใช้เท้ากระทืบดวงจันทร์ในทันที
“บ้าเอ๊ย” ดวงจันทร์จัดฟันพูดก่อนจะกลิ้งตัวหลบไปใต้รถม้าลากพร้อมกับความคันธนูและศรเข้าไปด้วย
“เจ้าจะหนีไปไหนพ้น” โจรกล่าวออกมา ก่อนจะกระโดดลงไปหมายจะเข้าไปจัดการกับดวงจันทร์ แต่ทันทีที่เท้าของมันถึงพื้น ก็มีลูกศรยิงออกมาจากใต้รถม้าลากเข้าไปที่หน้าขา ทำเอาโจรขี่ม้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ เจาะทะลวงขั้น 1” ดวงจันทร์ขั้นศรอีกดอกยิงเข้าใส่ปากของโจรที่ร้องออกมาอยู่ จนลูกศรทะลุออกหลังศีรษะกลายเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นมองทะลุด้านหลังได้
โจรที่ตายไปอย่างไม่ทันตั้งตัวหงายหลังล้มลง ตุบ! นอนจมกองเลือดตายอย่างน่าอนาถ
ดวงจันทร์หอบหายใจอย่างรุนแรง เธอรีบคลานออกจากใต้รถม้าลากด้วยสภาพที่เลาะไปด้วยฝุ่นดิน เธอวิ่งไปหยิบศรในซองที่ผูกกับม้าของตน ก่อนจะเล็งไปที่โจรที่สู้อยู่กับเคล
“ย๊าก” โจรยกดาบขึ้นมาหมายจะฟันใส่เคล แต่ก็มีลูกศรที่ดวงจินทร์ยิงออกมาใส่เข้าไปที่มือข้างที่มันถือดาบจนทุละ
โจรถึงกับเสียหลักและร้องออกมาเพราะความเจ็บ เคลอาศัยจังหวะนั้นใช้ศิลปะการต่อสู้
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ฟาดฟัน ขั้น 1”
ดาบของเคลฟาดฟันใส่เข้าไปที่ท้องของหโจรพร้อมกับร่างกายเคลที่เคลื่อนผ่านไปด้านหลัง
“อั๊ก ๆ” โจรยืนนิ่งค้างก่อนจะสำลักเลือดออกจากปาก ซึ่งเกิดจากการที่อวัยยะภายในโดนตัดเฉือนจนเลือดคลั่งทะลักออกทางหลอดลม
นอกจากนั้นลำไส้ของโจรยังไหลออกจากบาดแผลหล่นลงพื้นตุบ ๆ ๆ พร้อมกับร่างของโจรที่ฟุบหน้าทิ่มลงไปกับพื้น
“ฟู่...ในที่สุดก็จบ” เคลพ่นลมหายใจออกจากปาก
ผ่านไป 20 นาทีในที่สุดกาย หัวเหล็กและดาบสายฟ้าก็กลับมาถึง ดวงจันทร์และเคลก็จัดการศพของโจรทั้งสามคนและม้าหนึ่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนม้าอีกสองที่รอดตายมาพวกมันถูกรวมไว้กับม้าที่คาราวาน
“ท่านเดวิน โจรพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” พ่อค้าฟลินต์ถามออกมาด้วยความอยากรู้เป็นคนแรก
กายยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “พวกมันโดนจัดการแล้ว ส่วนที่เหลือน่าจะหนีไปกันหมด ช่วงสองสามวันนี้น่าจะไม่มีโจรมารบกวนการเดินทางอีก”
“ฮ่า ๆ ดีมาก ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็สบายใจขึ้นเยอะเลย” พ่อค้าฟลินต์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข การที่ไม่มีโจรนั้นถือเป็นข่าวดีกับพ่อค้าแบบเขา
“ท่านหิวหรือยัง คนของข้าเตรียมอาหารและเนื้อแกะรมควันไว้ให้ท่านแล้ว”
“แน่นอน แต่ข้าขอไปเก็บของก่อน” กายยกถุงที่มีเลือดหยดอยู่ในฟลินต์ดู
“ท่านรู้ไหมว่าเขาคือใคร” ฟลินต์หรี่ตามองไปในถุงและถามอย่างสงสัย เพราะนักล่าค่าหัวเลยบอกว่าจะล่าโจรที่มีค่าหัวหนึ่งพันเหรียญขึ้น นั้นหมายความว่าหัวนี่น่าจะเป็นโจรที่มีชื่อเสียงพอควร
“พวกมันเรียกเขาว่าอาเร”
“อาเร? อืมเหมือนข้าเคยได้ยิน” พ่อค้าฟลินต์พยายามนึกชื่อโจร ก่อนจะฉุกคิดขั้นได้และพูดขึ้นมา “ข้าจำได้แล้ว เขาคือโจรที่เห็นหัวหน้าของกองโจรเหยี่ยวที่โด่งดังในทุ่งหญ้า”
“ใช่ ค่าหัวเขามีค่าราว ๆ 1200 เหรียญทอง” กายหยิบเอกสารเกี่ยวกับรายชื่อค่าหัวโจรออกมาก่อนจะแสดงให้ฟลินต์ดู เอกสารพวกนี้กายได้มาจากสมาคมนักล่าค่าหัวตอนที่มาถึงเลมิสใหม่ ๆ
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น หัวเหล็กก็เดินเข้ามาหากายและยกบางอย่างขึ้นมาให้ดู “ท่านนักล่าค่าหัวเดวิน เราจะจัดการกับเหยี่ยวตัวนี้ยังไง”
“เหยี่ยวของอาเร”
“ใช่ ตอนที่เก็บของมีค่าของโจรที่พวกเราฆ่า ข้าเจอมันอยู่ในกรงกับม้าพวกมัน” ม้าที่หัวเหล็กกล่าวคือม้าที่ยังไม่ตาย ซึ่งก็ถูกเอากลับมาที่กองคาราวานด้วย
ม้าของโจรพวกนี้ แต่ละตัวสามารถขายได้ไม่น้อยกว่า 200 เหรียญทองเลยทีเดียว นั้นทำให้มันเป็นการเก็บเกี่ยวที่คุ้มค่ามากสำหรับกลุ่มมีดสั้นสีเงิน
“อืม...ข้าขอดูมันได้หรือไม่”
“แน่นอน” หัวเหล็กส่งเหยี่ยวในกรงให้กับกาย ก่อนจะถอยออกไปจัดการม้าที่นำกลับมาด้วยความยินดี
“ท่านจะเอาอย่างไรกับนกตัวนี้ มันเป็นนกที่ฝึกมาแล้ว ถ้าท่านไม่ต้องการสามารถขายให้ข้าได้ รับรองข้าให้ราคาที่ดีอย่างแน่นอน” ฟลินต์มองไปที่นกตัวนี้ด้วยสายตาที่เป็นประกาย
ต้องบอกว่าเหยี่ยวตัวนี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้นำกองโจรเหยี่ยวอาเร ดังนั้นมันจึงดูแข็งแรงและสวยงามมาก
กายที่ไม่ค่อยรู้เรื่องนกมาสักเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังคงไม่ตัดสินใจขายมันในทันที
บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนม้าที่สามารถฝึกฝนจนระดับพัฒนาได้ กายหันไปให้คำตอบกับฟลินต์ที่รออยู่ด้านข้าง
“ข้าขอศึกษามันก่อน ไว้จะให้คำตอบตอนเช้า” กายกล่าวตอบไปแบบยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป
“แน่นอน ข้าจะรอ” พ่อค้าฟลินต์ตอบกลับ ก่อนจะเดินกลับไปที่ของตนเช่นกัน
หลังกลับมาที่รถม้าคันที่สองที่พักและเก็บสัมภาระของเขา กายก็เก็บหัวของอาเรเข้าไปไว้ข้าง ๆ หัวของโจรก่อนหน้า จากนั้นก็โรยผงคงสภาพและปิดมันกลับเข้าที่
เขาวางกรงเหยี่ยวไว้ด้านหน้า ก่อนจะทำการตรวจสอบมันในทันที
“ตรวจสอบ”
“เหยี่ยวเฟอร์รุจินัส”
“ชื่อ : โคดี้”
“เพศ : ผู้”
“ระดับ : 1”
“หมายเหตุ : สามารถพัฒนาได้”
กายอ่านข้อมูลอย่างสนใจ แม้จะไม่รู้จักเหยี่ยวเฟอร์รุจินัสคืออะไร แต่เขาเห็นหมายเหตุที่ระบุว่ามันสามารถพัฒนาต่อได้ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
“ดูท่าแล้วแกคงมีชะตาต้องกันกับข้า” กายกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ถ้าหัวอาเรที่อยู่ในกล่องยังไม่ตายและได้ยินคำพูดของกาย มันคงก่นด่ากายยันโคตรเหง้าอย่างแน่นอน
กายยื่นมือเข้าไปดังผ้าที่ปิดตาของมันออกและคิดจะลูบหัวของเหยี่ยว แต่แล้วในตอนนั้นอยู่ ๆ เหยี่ยวก็คิดจะจิกมือโจมตีกายสุดชีวิต โชคดีที่กายนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วถอยยกมือถอยออกมาได้ทัน
เหยี่ยวอาศัยจังหวะที่กรงเปิดอยู่คิดจะบินหนีออกไป แต่โชคร้ายที่ขาของมันมีเชือกผูกไว้อยู่ มันร้องเสียงแหลมแสบแก้วหูดังกังวานไปทั้งหมดม้าลากพยายามดิ้นไปมาอย่างรุนแรง ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และปีกที่กว้างทำให้เกิดความวุ่นวายพอสมควร
กายขมวดคิ้วหรี่ตาจับจ้องไปที่เหยี่ยวเบื้องหน้าก่อนจะคว้าจับเข้าไปที่คอของมัน ก่อนจะเดินออกมานอกรถม้าลาก
พ่อค้าฟลินต์ หัวเหล็กและพรรคพวกต่างก็มองไปทางต้นเสียงร้องของเหยี่ยว เมื่อเห็นว่ากายเดินมาที่กองไฟ พวกเขาก็มองอย่างสงสัยว่านักล่าค่าหัวผู้นี้คิดจะทำอย่างไร
“เจ้าฉลาดดีนี่ ที่รู้ว่าข้าคือคนฆ่านายของเจ้าคนก่อน” กายหยุดอยู่เบื้องหน้ากองไปที่มีขาแกะรมควันถูกเอาออกมาอย่างรีดน้ำมันอีกครั้งเพื่อเพิ่มความหอม
กายยืนมือที่บีบคอเหยี่ยวที่ดิ้นไปมาไปด้านหน้าเหนือกองไฟที่ร้อนระอุ “เลือกเอาจะยอมสยบแก่ข้า หรือจะให้ข้ากินเจ้า”
ทุกคนที่อยู่รอบกองไฟถึงกับอึ้งไปสามวินาทีกับคำพูดของกาย พ่อค้าฟลินต์ที่เห็นสิ่งที่กายทำกับเหยี่ยวก็ถึงกับมุมปากกระตุกเบา ๆ คิดจะกล่าวห้ามออกมา แต่แล้วเขาก็กลื่นคำพูดและรอดูท่าทีต่อไป
“เอาเลือกข้าหิวแล้วเร็ว ๆ เข้า” กายเขย่านกในมือสองสามครั้งให้มันเลือก