ตอนที่ 109+110 อย่าได้กังวลไป
“ทันทีที่เขาตาย เธอก็เตรียมตัวสมองพิการได้เลย เพราะคน ๆ นั้น เธอเป็นคนฆ่านี่ โปรแกรมก็จะเรียกใช้ระบบทำลายล้างอัตโนมัติ”
เจียงเหยารู้สึกกระวนกระวายใจมากจนเธออยากจะกระโดนขึ้นไปทับมัวและทำให้มันหายใจไม่ออก มัวกระโดดไปที่ชั้นบนอย่างรวดเร็วและพูดว่า “เฮ้! เฮ้! เจ้ามนุษย์! เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่พูดไม่จบ ผ่อนคลายหน่อย!”
“ได้ ได้ พูดไปสิ! ฉันจะฟังไปด้วย บีบคอเธอไปด้วย! ไม่ได้รบกวนอะไรฉันหรอก!” เจียงเหยากัดฟันของเธอ ขณะที่พุ่งเข้าหามัน “ดูสิว่าจะวิ่งเร็วขนาดไหน! ฉันถือว่าการฆ่าเธอ จะไม่ทำให้ระบบทำลายล้างทำงานหรอก”
“พระเจ้า โลกของเธอเขาอยู่กันอย่างสันติไม่ใช่หรือไง? อย่าทำอะไรบ้า ๆ น่า” มัวดีดกรงเล็บของเขาและโบกไปรอบ ๆ
“ทำไมมนุษย์ถึงได้โหดร้ายขึ้นทุกวัน? นี่โกรธเพราะรู้ว่าตัวเองไม่สามารถฆ่าได้เหรอ? มนุษย์นี่นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย”
“ขออภัยด้วยก็แล้วกัน ใครมันจะอยากเป็นฆาตรกรเล่า? แล้วใครจะร่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต? ถ้าเจอกับโจรฉันจะทำยังไงหะ? ฉันไม่สามารถสู้กลับได้เลยใช่ไหม?” เจียงเหยากระทบเท้าของเธออย่างขุ่นเคือง
“ก็เพราะอย่างงี้ไง เธอถึงต้องการมีความสามารถในการป้องกันตัว เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องติดกับดักเมื่อตกอยู่ในอันตราย” มัวกระโดดกลับไปที่ด้านหลังของเจียงเหยา
“นอกจากนี้ เธอเป็นผู้หญิง ต่อให้ในอนาคตจะเจอกับศัตรู ก็ไม่เห็นต้องหันไปฆ่าแกงกับพวกนั้นเลยนี่น่า? มีอีกตั้งหลายวิธีที่จะทำให้ศัตรูไม่มีทางมาทำร้ายเธอได้ หรือถ้าเธออยากจะแก้แค้น จะเปิดเผยความลับบางอย่างให้เธอ – มีสูตรยาตั้งมากมายในหมวดยาให้เธอได้อ่าน อีกวิธีหนึ่งคือการจ้างคนคุ้มกันเพื่อปกป้องเธอ ถ้าได้เป็นหัวหมา เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองใช่ไหมล่ะ?”
เจียงเหยารู้สึกสงบลง หลังจากได้ฟังคำพูดของมัว เขาพูดถูก เธอไม่ต้องใช้วิธีรุนแรงและโหดเหี้ยมเพื่อตอบโต้ใคร มียาหลายชนิดที่เธอสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
อีกอย่าง ดูเหมือนเธอจะเข้าใจข้อมูลเพิ่มเติมจากคำพูดของมัว
“นี่ มัว ระบบการแพทย์ของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าฉันกลายเป็นหมออันดับต้น ๆ ในวงการแพทย์ ฉันจะต้องพบกับชะตากรรมที่แตกต่างออกไปในอนาคตใช่ไหม จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีคนร้ายข่มขู่ฉัน โดยการจ่อปืนมาที่ฉันเพื่อให้ฉันทำรักษาเขา? เธอจะว่าไง? แล้วถ้าพวกนั้นไล่ตามมาจนจุดที่ ต้องมีใครสักคนต้องการ ไม่เขาก็ฉัน ฉันจะทำยังไง?
เจียงเหยาอุ้มมัวขึ้นมาแล้ววางไว้ข้างหน้าเธอ เธอแสยะยิ้มบนใบหน้า ท่าทางค่อนข้างหน้ากลัว
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ที่เธอบอกไปก่อนหน้านี้หมายความว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉัน ตราบใดที่ฉันไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง เพราะงั้น ถ้าฉันสั่งให้คนอื่นเป็นคนฆ่า ระบบทำลายล้างก็จะไม่ทำงานใช่ไหม?”
มัวจ้องไปที่เจียงเหยาอย่างเงียบ ๆ ดวงตาเบิกกว้าง ในขณะที่เจียงเหยายิ้มและปล่อยมัวลง
หลังจากเกิดใหม่อีกครั้ง เจียงเหยาไม่มีความทะเยอะทะยานอยากจะทำอะไรนอกจากการได้อยู่ร่วมกับลู่ชิงสีอย่างมีความสุขตลอดไป พูดตามตรงความทะเยอทะยานเดียวของเธอคือการเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนที่เธอห่วงใยและหวังให้พวกเขามีชีวิตที่ดีเช่นกัน
ระบบการแพทย์ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่จำเจสำหรับเจียงเหยาในตอนนี้ จากการเรียนและประสบการณ์การทำงานของเธอ นานกว่าทศวรรษก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ ด้วยความรู้พวกนี้เธออาจกลายเป็นหมอที่ยอดเยี่ยม ถ้าเธอเต็มใจทำงานหนักด้วยความรู้เหลี้
แต่กระนั้น แม้จะขาดความโลภและความปรารถนา ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเพิกเฉยต่อระเบิดที่มองไม่เห็น ที่ได้ฝังอยู่ในร่างกายของเธอในตอนนี้ อย่างน้อยเธอก็สามารถมั่นใจได้ว่าตอนนี้เธอได้เรียนรู้แล้ว่าระบบจะไม่ยุ่งกับเธอไปเสียทั้งหมด
เมื่อมองไปที่มัว ที่ปรากฏตัวจากไหนก็ไม่รู้ เจียงเหยาคาดเดาว่าเขาคงจะติดตามเธอตั้งแต่วินาทีที่เธอสามารถเข้าใจที่เขาพูด และในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างในวันนี้
สำหรับเธอการเป็นหมอที่ดีคตงจะเป็นเรื่องไม่ยากเย็นนัก เพราะเธอมีประสบการณ์หลายปีในชีวิตที่แล้ว อีกทั้งตัวเธอยังเป็นนักศึกษาแพทย์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
__
นอกจากนี้ ค่าความโปรดปรานคืออะไร? ทำไมถึงทำอะไรให้คนอื่นเพื่อแลกกับผลประโยชน์? ที่ผ่านมา เธอทำงานหนักเพราะอยากทำและไม่อยากให้ชีวิตว่างเปล่าก็เท่านั้น
“เฮ้ ทำไมเธอถึงไม่ตื่นเต้นเล่า”
มัวสังเกตเจียงเหยาอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากสำรวจระบบแล้ว เขาเห็นเธอนั่งบนพลิกหนังสืออยู่บนเก้าอี้ ดูจากลักษณะแล้ว เธอดูไม่ตื่นเต้นที่ได้ครอบครองระบบนี่เอาเสียเลย เธอรู้หรือไม่ว่าความรู้ทางการแพทย์ที่อยู่ในระบบนั้นมากมายกว่าหนังสือที่อยู่ในมือของเธอถึงหลายแสนเท่า?
“ทำไมฉันต้องตื่นเต้นด้วยเล่า? ฉันต้องทำประโยชน์ให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันเพียงเพื่อให้ได้รับค่าอะไรนั้น บอกฉันทีสิว่าทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น” เจียงเหยากลอกตาของเธอ เธอเป็นพวกยึดมั่นถือมั่นและดื้อรั้นอยู่เสมอ ซึ่งนิสัยนี้ทำให้เธอพลาดโอกาสมากมายกับลู่ชิงสีในชีวิตก่อนหน้านี้
“ไม่ใช่ว่าจำยอมทำ ก็แค่เป็นความใจดีน่ะ เข้าใจไหม? ค่าความนิยมน่ะ มันไม่ยากอย่างที่เธอคิดหรอก” มัวกล่าวพร้อมกับเริ่มฉุนเฉียว “ดูสิ คนที่มีเกียรติและเป็นที่นับหน้าถือตาในอดีตจนถึงปัจจุบัน เธอก็รู้ใช่ไหมล่ะว่าพวกเขาเป็นคนดี ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนดีจริง ๆ หรืออะไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นที่ชื่นชมจากคนหลาย ๆ คน”
“นี่ เธอจะบอกให้ฉันเป็นคนเสแสร้ง...” เจียงเหยามองไปทางด้านข้างที่มัวอยู่และเยาะเย้ย “แน่นอนว่าเธอใช้เวลาอยู่บนโลกนี้มามาก ดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับมนุษย์อย่างเรามากทีเดียวนี่”
มัวพ่นลมหายใจและเกาจมูกน้อย ๆ ของมันอย่างรำคาญใจ “ฉันจะให้ระบบนั่นกับเธอไปทำไม ถ้าเธอไม่ใช้ประโยชน์จากมัน? ระบบการแพทย์ที่ทรงพลังขนาดนี้กำลังจะล่มสลายแล้ว”
“งั้นก็เอาคืนไปสิ... ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าเธอเอามันคืนไป ขอบคุณมากกว่าที่เธอช่วยฉันอีก!” เจียงเหยากล่าวอย่างจริงจัง
มัวถอนหายใจและบ่นกับตัวเอง “ถ้าฉันเอามันคืนได้ ฉันคงทำไปนานแล้ว แทนที่จะมอบมันให้กับคนโง่ ๆ ที่เอาแต่ใจอย่างเธอ!”
เวินเสวี่ยฮุ่ยผลักประตูเข้ามา เธอเห็นเจียงเหยานั่งอยู่คนเดียว
มัวเดินจากไปที่ระเบียงด้วยความโกรธ เธอไม่แน่ใจว่ามันหายไปที่ใด
“เธออยู่คนเดียเหรอ?” เวินเสวี่ยฮุ่ยถามเพื่อยืนยันเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ ยังไม่กลับมา เธอจึงดึงเจียงเหยาขึ้นมาและพาออกไปข้างนอกห้อง
เช่นเดียวกับฉากเดิมในชีวิตก่อนหน้านี้ เวินเสวี่ยฮุ่ยบอกกับเจียงเหยาเกี่ยวกับร้านอาหารจีนในถนนทางใต้ที่เพิ่งเปิดเมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้ ร้านอาหารถูกบอกเล่าปากต่อปากว่าอร่อยมาก
เจียงเหยารู้ว่าในชีวิตก่อนหน้านี้ เวินเสวี่ยฮุ่ยได้พบชายคนหนึ่งในร้านอาหารในวันแรกที่มามหาวิทยาลัย เมื่อเธอคิดได้เช่นนั้น เธอก็โพล่งออกมาเพื่อหาข้ออ้างที่จะไม่ไปถนนทางใต้นั่น “วันนี้ฉันเหนื่อยกับการเดินทางน่ะ ฉันไม่อยากไปไหนไกลแบบนั้น ทำไมเราไม่ไปทานอะไรใกล้ ๆ กันล่ะ? พรุ่งนี้หลังจากที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นมากันครบ ค่อยไปด้วยกัน หลายคนยิ่งสนุก”
เวินเสวี่ยฮุ่ยเป็นคนที่นี่ เธอไม่รู้ว่าเจียงเหยามาจากที่ไหนและใช้เวลานานแค่ไหนในการเดินทางมาที่นี่ เธอจึงไม่ยืนกรานที่จะไปถนนทางใต้ หลังจากได้ยินคำพูดนั้นของเจียงเหยา
เวินเสวี่ยฮุ่ยไม่รู้ว่าเจียงเหยากำลังนึกถึงเธออยู่ในตอนนี้
ขณะที่เจียงเหยานึกเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดใหม่ เธอจำได้ว่าเวินเสวี่ยฮุ่ยได้พบกับคนที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิงในร้านอาหารที่เพื่อนสนิทได้พูดถึงเมื่อกี้
เวินเสวี่ยฮุ่ยเป็นลูกรักของตระกูลเวิน พ่อของเธอเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง ในขณะที่แม่ของเธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ได้รับการยกย่องจากชนชั้นสูง และยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งแรกของเจียงหนานอีกด้วย เวินเสวี่ยฮุ่ยได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีและเต็มไปด้วยความรักเมื่อเธอเติบโตขึ้น
เวินเสวี่ยฮุ่ยได้เข้ามาเป็นน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เธอได้พบกลับหลี่หรงฮุย
พูดถึงหลี่หรงฮุย เขาเป็นนักศึกษาที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย เขามีประวัติการเรียนที่ยอดเยี่ยม หน้าตาหล่อเหลาและนิสัยสุภาพ สาว ๆ ในมหาวิทยาลัยต่างเรียกเขาว่าแสงแดดอันอบอุ่น และตามจีบเขาอยู่เสมอ