340 - ความขัดแย้งจากของวิเศษ 2
340 - ความขัดแย้งจากของวิเศษ 2
ทุกคนที่ได้ยินเสียงของหลี่เต๋อซ่งต่างก็ตื่นขึ้นมาจากสมาธิและเหลียวมองไปรอบข้างด้วยความระมัดระวัง
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนพวกเขาต้องมองใบหน้าของหลี่เต๋อซ่งอีกครั้งเพื่อค้นหาว่าเขากำลังรอเล่นอยู่หรือเปล่า!
มีเพียงเย่ฟ่านที่สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดซึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาเช่นกัน
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเย่ฟ่านจึงนำเตาเทพอัคคีออกมาและเข้าไปนั่งอยู่ข้างใน ในขณะที่ขับเคลื่อนเตาให้เดินไปเคียงข้างทุกคน
"เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?" หลี่เต๋อซ่งอุทาน
"จักรพรรดิโบราณเลือกที่จะถลุงอาวุธของเขาอยู่ที่นี่ นั่นแสดงให้เห็นว่าดินแดนแห่งนี้คือสถานที่ที่ร้อนแรงมากที่สุดดังนั้นข้าจึงให้เตาของข้าออกมารับพลังงานบางอย่าง ใครจะรู้ในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นเตาเทพสุริยันก็ได้? "
หลี่เต๋อซ่งพูดไม่ออก ยกเว้นจักรพรรดิโบราณใครจะสามารถสร้างอาวุธสุดขั้วขึ้นมาได้ นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ!
"ข้าคิดว่าเจ้าอย่าเลอะเทอะดีกว่า การกระทำของเจ้าอาจจะกระตุ้นสิ่งอัปมงคลก็ได้" ใบมีดผุขมวดคิ้วและตักเตือนอย่างจริงจัง
"ใจเย็นๆ ข้ารู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร" เย่ฟ่านไม่ฟังคำพูดของใบมีดผุและตั้งใจจะนั่งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
"สหายนักพรตดูเหมือนเตาของเจ้าจะมีความผิดปกติบางอย่าง มันกำลังละลายแล้ว!" ดวงตาที่มืดมนของหลี่เต๋อซ่งมีประกายความขบขัน
ในตอนแรกเย่ฟ่านต้องการที่จะหัวเราะกับคำโกหกนี้ แต่ในทันใดนั้นเตาของเขาก็ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วและมันทำให้เขาต้องกระโดดออกมาในทันที!
เมื่อเย่ฟ่านกระโดดออกมาเขาก็เห็นเปลวไฟสีดำที่กำลังเผาผลาญเตาของเขาอย่างรุนแรงจากด้านล่าง
เปลวไฟสีดำนี้ไม่รู้ว่าปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เห็นได้ชัดว่ามีพลังงานที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟระดับหกในดินแดนเปลวไฟเสียอีก!
แต่แทนที่จะตกใจเย่ฟ่านกลับรีบใช้เตาเทพอัคคีของเขาในการชักนำเปลวไฟออกมาให้มากกว่านี้ จากนั้นเขาก็รวบรวมเป็นไฟสีดำมหาศาลเข้าไปในเตาเทพอัคคีและเก็บไว้ในทะเลแห่งความทุกข์อย่างรวดเร็ว
"อะแฮ่ม เนื่องจากเปลวไฟนี้วิเศษมาก ข้าก็ขอเก็บมันด้วยก็แล้วกัน"
หลี่เต๋อซ่งส่งเสียงกระแอมด้วยความละอายเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบน้ำเต้าสีเงินออกจากอกเสื้อและปล่อยให้มันลอยเข้าหาเปลวไฟสีดำด้วยความตื่นเต้น
"หวืด!"
แต่ทันทีที่น้ำเต้าสีเงินสัมผัสกับเปลวไฟสีดำมันก็ถูกหลอมละลายกลายเป็นของเหลวในพริบตา!
"นี่...อาวุธของอาณาจักรตำหนักเต๋าของข้าจะถูกทำลายง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง?" เขากรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง
เย่ฟ่านแอบประเมินความแข็งแกร่งของหงส์เพลิงโลหิตตัวนั้น แม้ว่ามันจะตายไปหลายแสนปีแล้วแต่เลือดที่มันทิ้งไว้ก็ยังกลายเป็นเปลวไฟที่ร้อนแรงขนาดนี้ หรือว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะจริงๆ?
นี่เป็นสิ่งที่ดี! เย่ฟ่านรู้สึกดีใจไม่น้อยที่เขาพบเจอกับเปลวไฟสีดำนี้
เขาตั้งใจแล้วว่าเมื่อออกจากดินแดนมรณะได้สำเร็จเขาจะปลดปล่อยเปลวไฟสีดำนี้ออกมาฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง เหยาซี และใบมีดผุอย่างไม่ลังเล
…………
หลังจากที่เข้าสู่ซากปรักหักพังไปหลายชั่วยามในที่สุดภายใต้การนำของเย่ฟ่านทุกคนก็สามารถออกจากดินแดนมรณะได้สำเร็จจริงๆ
"มีบางอย่างไล่ตามพวกเรามา!" หลี่เต๋อซ่งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
"ไป!"
ในเวลานี้ทุกคนไม่มีความจำเป็นจะต้องเกรงกลัวอีกต่อไป พวกเขาปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่และบินออกจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่ลังเล
หลังจากที่บินไปได้หลายร้อยลี้ในที่สุดความรู้สึกของการถูกไล่ตามก็หมดไปและพวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
"สหายนักพรต ข้ามีบางอย่างจะสนทนากับเจ้า" บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมีรอยยิ้มที่สดใสในขณะที่ขวางทางเย่ฟ่านไว้
เหยาซีก็มีรอยยิ้มที่งดงามเช่นเดิม แต่เท้าของนางเคลื่อนที่ออกไปปิดบังเส้นทางในการหลบหนีของเย่ฟ่านไว้
ใบมีดผุและสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาแต่เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือต่อเย่ฟ่านอีกแล้ว
"พวกเจ้าจะเอาแบบนี้จริงๆ?"
เย่ฟ่านจับจ้องไปยังใบหน้าของทุกคนด้วยสายตาเย็นชาในขณะที่ปลดปล่อยเตาเทพอัคคีออกมา
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยังคงมีรอยยิ้มสดใสที่ฉาบอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม เขาเดินเข้ามาใกล้เย่ฟ่านพร้อมกับกล่าวว่า
" อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดร้าย ข้าแค่ต้องการยื่นข้อเสนอให้กับเจ้าเท่านั้น”
"ข้อเสนออะไร?"
"ข้าต้องการแลกเปลี่ยนทองคำสีเลือดหงส์กับของบางอย่างกับเจ้า?" บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไม่อ้อมค้อม
"เจ้าคิดจะใช้อะไรมาแลกเปลี่ยน" เย่ฟ่านยืนอยู่ใต้แสงจันทร์และถามอย่างใจเย็น
"ข้าสามารถขอให้อาจารย์เปิดคลังสมบัติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเพื่อให้เจ้าเลือกของแลกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ" บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกล่าวอย่างใจกว้าง
ของสะสมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงนั้นถูกกักเก็บมาเป็นเวลาหลายแสนปีดังนั้นจึงมีของที่น่าประทับใจมากมาย
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านไม่เห็นว่าสมบัติสวรรค์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงช่วงสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับทองคำสีเลือดหงส์ของเขาได้ นี่เป็นการบังคับทำการค้าอย่างชัดเจน
"เจ้าคิดว่าของพวกนั้นมีค่าเพียงพอที่จะแลกทองคำสีเลือดหงส์อย่างนั้นเหรอ? เย่ฟ่านถาม
"แน่นอนว่าทองคำสีเลือดของนั้นประเมินค่าไม่ได้ แต่มีคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งที่เจ้าจะต้องสนใจอย่างแน่นอน”
"คัมภีร์โบราณเล่มหนึ่ง?"
เย่ฟ่านมีปฏิกิริยาตอบรับเล็กน้อย อย่าว่าแต่เย่ฟ่านเลยแม้แต่เหยาซีก็ประหลาดใจเช่นกัน
"ไม่ทราบว่านักพรตเจ้าอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าหรือไม่?” บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงถามด้วยรอยยิ้ม
"ปรากฎว่าไม่ใช่คัมภีร์โบราณ นี่เป็นเพียงคัมภีร์ของอาณาจักรลับบางอย่างเท่านั้น?" เย่ฟ่านมีท่าทีต้องการปฏิเสธ
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงส่ายหัวและพูดว่า
"แม้ว่าทองคำสีเลือดหงส์ในมือของเจ้าจะมีค่ามาก แต่มันก็มีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้นมันยังคงมีน้อยเกินไป ข้าคิดว่าคัมภีร์ของข้าน่าจะมีคุณสมบัติในการแลกมันได้”
"คัมภีร์โบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงหรือไม่?" เย่ฟ่านถาม
เหยาซีก็ให้ความสนใจเช่นกัน ในตอนแรกนางคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะมอบคัมภีร์ประจำสำนักออกมา แต่นางก็ปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
คัมภีร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่สามารถให้คนนอกเปิดอ่านได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้ดี?
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงส่ายหัวและกล่าวว่า
"ไม่ใช่แน่นอน นี่เป็นคัมภีร์โบราณที่ข้าค้นพบโดยบังเอิญในระหว่างการเดินทาง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างก็มีสีหน้าอิจฉาเล็กน้อย บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงช่างมีวาสนาอย่างแท้จริง เพียงออกเดินทางไม่กี่ปีเขาก็ได้รับของวิเศษระดับนี้มาแล้ว
"เมื่อเทียบกับคัมภีร์ประจำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" เย่ฟ่านถามและเขาก็ตื่นเต้นมาก
"ไม่ด้อยกว่าอย่างแน่นอน!" บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยืนยันหนักแน่น