338 - ที่พำนักของจักรพรรดิเหิงหยู
338 - ที่พำนักของจักรพรรดิเหิงหยู
เมื่อเกิดการระเบิดที่หลุมทรายทุกคนต่างก็วิ่งหน้าตั้งด้วยความกลัว หลี่เต๋อซ่งที่รั้งท้ายสุดรีดเร้นพลังจากน้ำนมมารดาออกมาอย่างบ้าคลั่งพลางกรีดร้องเสียงแหลมเล็ก
"ไม่!"
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายและดูเหมือนจะหนีไม่พ้นหลี่เต๋าซ่งก็ไม่มีความลังเลในการปลดปล่อยเทพที่อยู่ในตำหนักเต๋ขาของเขาออกไปขวางทางเจ้าสิ่งที่อยู่ด้านหลัง
"ปัง!”
หลี่เต๋อซ่งกระอักเลือดคำใหญ่ในขณะที่ร่างกายปลิวไปข้างหน้าก่อนจะกระแทกลงกับพื้นห่างจากจุดเดิมนับร้อยวา
หากสถานการณ์ไม่ฉุกเฉินจริงๆไม่มีทางที่เขาจะละทิ้งเทพที่อยู่ในตำหนักเต๋าของตัวเองไป!
"นี่..”
ใบหน้าของเย่ฟ่านบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เขาหันกลับไปมองด้านหลังและกล่าวว่า
"นี่คือน้ำพุจันทราที่พุ่งออกมาจากถ้ำจันทราโลหิต ซึ่งสามารถละลายทุกสิ่งและไม่สามารถต้านทานได้”
"เราควรขอบคุณจักรพรรดิเหิงหยู ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทำลายสถานที่เล็กๆบางแห่งในเขาสุริยันร่วงเพื่อใช้เป็นสถานที่หลอมอาวุธบางทีพวกเราอาจจะไม่มีวันรอดชีวิต" เย่ฟ่านจ้องมองฟังซากปรักหักพังที่อยู่ด้านหน้า
"จะมีอะไรรอเราอยู่ข้างในหรือเปล่า? " ใบมีดผุมีสีหน้าลังเล
"ไม่ว่าจะมีอะไรพวกเราก็ต้องเข้าไปเดี๋ยวนี้" หลี่เต๋อซ่งคร่ำครวญด้วยความหวาดกลัว
หลังจากทำใจอยู่นานในที่สุดทั้งหกคนก็เดินไปข้างหน้าและความหวังในใจของพวกเขามีเพียงให้สถานที่ที่จักรพรรดิเหิงหยูใช้สร้างอาวุธมีทางออกจากดินแดนแห่งนี้
ซากปรักหักพังนี้ได้ผุพังและแตกสลายไปนานแล้ว แม้กระทั่งเสาหินขนาดใหญ่เมื่อเย่ฟ่านใช้มือสัมผัสมันก็กลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที
มันเป็นเรื่องน่าแปลกมากที่ซากปรักหักพังนี้จะตั้งอยู่โดยไม่พังลง เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
แต่พวกเขาไม่ได้มีเวลาให้สนใจอะไรมากนักเพราะตอนนี้ที่ด้านหน้าของซากปรักหักพังมีแผ่นป้ายโลหะที่สลักคำว่า "เหิงหยู" ตั้งอยู่
"นี่คือสถานที่ที่จักรพรรดิเหิงหยูทำการถลุงกระดูกหงส์เพลิงโลหิตอย่างนั้นหรือ?" หลายคนประหลาดใจและจ้องมองอย่างระมัดระวัง
นี่ไม่ใช่ซากปรักหักพังโบราณ นี่คืออาคารโบราณที่จักรพรรดิเหิงหยูทิ้งไว้ ในตำนานเล่าว่าก่อนที่จะหลอมสร้างอาวุธขึ้นมาเขาได้ทำการถลุงกระดูกหงส์เพลิงโลหิตอยู่หลายปี
นี่คือที่พำนักเดิมของจักรพรรดิหงหยูและเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยในเขาสุริยันร่วงหล่น
แม้ว่าจะมีฝุ่นมากมายแต่ทุกคนก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ หลายคนไม่พูดอะไรและเลือกเดินเข้าไปอาคารโบราณโดยไม่มีความลังเล
ที่พำนักเก่าของจักรพรรดิเหิงหยูอาจมีของดีบางอย่างลงเหลืออยู่ก็ได้!
อาคารหลังนี้สร้างจากหินต้นกำเนิดขนาดมหึมา มันงดงามมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่ายืนอยู่ใต้ท้องฟ้าอันยิ่งใหญ่
"ศพมาจากไหนเยอะแยะ..." หลายคนหน้าเปลี่ยนสี
ที่ด้านหน้านั้นถูกปิดกั้นด้วยอาคารหลังใหญ่ที่สวยงามแต่เมื่อทุกคนเดินไปด้านหลังกลับเห็นซากศพที่ซ้อนกันเป็นภูเขาขนาดใหญ่
แม้กระทั่งในช่วงกว่า 100,000 ปีที่ผ่านมา กระดูกเหล่านั้นก็ยังส่องแสงอยู่บ้างและมีหลายร้อยชิ้น ส่วนใหญ่เป็นกระดูกที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่พวกมันมีความแตกต่างจากมนุษย์เล็กน้อย
"กระดูกเหล่านี้ยังมีพลังหลงเหลืออยู่บ้างนั่นแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ จักรพรรดิเหิงหยูนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้จะถูกเขาฆ่าทั้งสิ้น"
เขาฆ่าสัตว์ร้ายมากมายด้วยตัวเขาเอง ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปมันจะเป็นเหตุการณ์เขย่าโลกอย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาจากกระดูกเหล่านี้แล้วทุกคนล้วนอยู่ในจุดสูงสุดชนิดที่พวกเขาได้แต่แหงนมองเท่านั้น
"นี่ไม่เหมือนกับการต่อสู้แต่มันเหมือนกับการฆ่าเพื่อบูชายัญมากกว่า?” หลังจากที่มองดูกระดูกพวกนั้นใกล้ๆใบมีดผุก็มีใบหน้าซีดเผือด ความจริงเรื่องนี้ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างยิ่ง
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณนั้นมีวิธีการที่น่าทึ่งเป็นของตัวเอง
พวกเขาสร้างพระคัมภีร์โบราณซึ่งได้รับการสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้และทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งเจริญรุ่งเรืองชนิดที่ไม่มีผู้ใดสามารถทัดเทียมได้
นอกจากนี้จักรพรรดิทุกคนยังพยายามสร้างอาวุธสุดขั้วเพื่อให้มันตกทอดสู่ลูกหลาน
อีกนัยหนึ่งแม้ว่าพวกเขาจะตายไปแล้วแต่อาวุธของพวกเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องลูกหลานของพวกเขาตราบชั่วนิรันดร์!
"จักรพรรดิเหิงหยูต้องการปรับแต่งกระดูกหงส์เพลิงให้กลายเป็นอาวุธสุดขั้วนี่ถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างแท้จริง!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงคร่ำครวญ หรือว่านี่จะเป็นหนึ่งในเส้นทางชีวิตข้างหน้าของเขา
" สุดท้ายแล้วกระดูกของหงส์เพลิงโลหิตนั้นถูกสร้างเป็นอาวุธชนิดใด?” เย่ฟ่านถามเขาไม่ค่อยรู้เรื่องตระกูลเจียงมากนัก
"เตาเทพสุริยัน!" สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"อะไร ?!" เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ
"เจ้าคิดว่าเตาที่ผุพังของเจ้าคือเตาเทพสุริยันอย่างนั้นหรือ?” ใบมีดผุสูดควันยาสูบเข้าไปแล้วเยาะเย้ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
เย่ฟ่านไม่ได้สนใจคำพูดของใบมีดผุ เขานำเตาเทพอัคคีที่มีขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งออกมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
แม้ว่าเตาเทพอัคคีของเขาจะสามารถฟื้นตัวเองได้แต่จากการโจมตีเมื่อสักครู่ยังทำให้มันมีริ้วรอยอยู่บ้าง
"อย่าคิดมาก อาวุธสุดขั้วของตระกูลเจียงจะปล่อยให้ตกสู่โลกภายนอกได้อย่างไร แม้พวกเขาจะประกาศว่าอาวุธสุดขั้วของจักรพรรดิเหิงหยูประสบความล้มเหลวแต่ใครจะเชื่อเรื่องนี้" ใบมีดผุแค่นเสียงอย่างเย็นชา
"เตาเทพสุริยันแทบจะไม่เคยปรากฏตัวในโลก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ามันมีลักษณะเช่นไร ทุกคนเพียงได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับมันเท่านั้น”
"เตาเทพสุริยันที่แท้จริงจะน่ากลัวมากแค่ไหนกันนะ?" เย่ฟ่านมองดูเตาเทพอัคคีของเขาด้วยความปรารถนา
"ว่ากันว่ายิ่งผู้ใช้มีพลังมากเท่าไหร่ยิ่งแสดงพลังของมันออกมาได้มากเท่านั้น" ใบมีดผุตอบกลับ
พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่นานและเข้าสู่อาคารโบราณที่จักรพรรดิเหิงหยูเคยอยู่ ความต้องการของพวกเขาชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องเป็นข้าวของเครื่องใช้ของจักรพรรดิเหิงหยู
"อาวุธสุดขั้วมีพลังมากเกินไปและคนส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถใช้พลังของมันได้เพียงส่วนเสี้ยวเท่านั้น " สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกกล่าวเบาๆ
"ถ้าผู้ยิ่งใหญ่สองคนในระดับนั้นต่อสู้กันไม่ทราบว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร"
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
"เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบ แต่เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงไท่ซูเคยใช้เตาเทพสุริยันต่อสู้กับราชาแห่งราชวงศ์เซี่ยจากภาคกลางและไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ”
"ราชาแห่งราชวงศ์เซี่ยคนนั้นจะไม่แข็งแกร่งไปหรือ?” หลี่เต๋อซ่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ
"แม้ว่าดินแดนรกร้างตะวันออกของเราจะไม่เคยมีตำนานเกี่ยวกับผู้อมตะแต่ก็ใช่ว่าดินแดนภาคกลางจะไม่มี อย่างน้อยๆราชวงศ์เซี่ยก็อ้างตัวว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคือผู้อมตะคนหนึ่ง
ดังนั้นหากเขามีอาวุธสุดขั้วอยู่ในมือเกรงว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงไท่ซูจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา" สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกกล่าวเบาๆ
"น่าเสียดายที่อาวุธเหล่านี้ต้องถูกใช้โดยบุคคลระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปเท่านั้น แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าจะครอบครองมันอยู่ก็ไม่สามารถแสดงพลังของมันอย่างเต็มที่" ใบมีดผุส่ายหน้าด้วยความเสียดาย
"เจ้าเป็นเพียงคนบ้านนอกเจ้าจะรู้อะไร?” ดวงตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
" โจรผู้ยิ่งใหญ่คนที่เจ็ดตู้เทียนครอบครองอาวุธสุดขั้วจนทำให้เขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงอาวุธสุดขั้วที่ผุพังไม่สมบูรณ์เท่านั้น”
เหยาซีดูเหมือนจะต้องการหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงอาวุธสุดขั้วของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง
เย่ฟ่านรู้ดีว่าอาวุธสุดขั้วนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน เขาเคยเห็นโจรผู้ยิ่งใหญ่ลำดับที่เจ็ดร่วมมือกับราชามังกรเขียวและราชานกยูงสังหารผู้อาวุโสใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมากับตาของตัวเอง
"อาวุธชิ้นนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่มันเป็นอาวุธที่ไม่สมบูรณ์" ใบมีดผุส่ายหัวอีกครั้ง
ในเวลานี้พวกเขาได้เข้าไปในอาคารโบราณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ห้องโถงเก่าแก่มาก แต่ความใหญ่โตอลังการในอดีตของมันยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บนพื้นดินมีขี้เถ้าที่เกิดจากซากศพจำนวนมาก ทุกคนไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างถึงที่สุด
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเย่ฟ่านที่มีความรู้ในด้านต้นกำเนิดสวรรค์ได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง เขาพยายามเดินเลี่ยงไปทางซ้ายเพื่อใช้ร่างกายของตัวเองปิดบังสายตาของทุกคน?