1093-1094
9/10
Ep.1093
“นี่เจ้าเป็นผู้วิวัฒนาการด้วย?”
ผู้พิทักษ์เทียนยี่ร้องอุทานเสียงหลง ในดวงตาเขาเริ่มเกิดระลอกคลื่นของความหวาดกลัว
เวลานี้ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าหมัดของซูเฉินแฝงไปด้วยพละกำลังมหาศาลอย่างไม่อาจหาผู้ใดเทียบ
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่เขาขยับตัวไม่ได้ ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าจะรับมือหมัดนี้ได้อย่างไร?
“จบสิ้นแล้ว”
ผู้พิทักษ์เทียนยี่เฝ้ารอรับความตาย
แต่ใครจะทันคาดคิด ในจังหวะที่หมัดของซูเฉินประชิดใบหน้าเขา แต่จู่ๆมันกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน
อย่างไรก็ตาม ลมกรรโชกที่เกิดจากมัน ยังคงทำให้หนังศีรษะของเขาด้านชา
“นี่เจ้าไม่ฆ่าข้า?” หลังจากตอบสนอง ผู้พิทักษ์เทียนยี่ เหม่อมองซูเฉินอย่างงุนงงสงสัย
หากซูเฉินต้องการฆ่าเขา ย่อมง่ายดายไม่ต่างจากการบี้มดให้ตาย แต่เหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่ลงมือเล่า? เรื่องนี้นึกยังไงก็ขบคิดไม่แตก
“ทำไมผมต้องฆ่าท่านด้วย?” ซูเฉินหัวเราะเบาๆ ถอนพลังจิตกลับมา ปล่อยผู้พิทักษ์เทียนยี่คืนสู่อิสระภาพอีกครั้ง
เดิมเขาตั้งใจจะมอบบทเรียนให้ผู้พิทักษ์เทียนยี่เท่านั้น ไม่ได้ต้องการฆ่าแต่อย่างใด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้พิทักษ์เทียนยี่คือผู้คอยปกป้องตราหยกกำเนิดเซียนมานานนับหลายพันปี เฝ้าทนตรากตรำแต่ไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ
ห้ามลืมนะว่า หากเขาไม่อยู่ที่นี่ ตราหยกกำเนิดเซียนคงถูกผู้อื่นช่วงชิงไปนานแล้ว
เพราะเหตุนี้เอง ซูเฉินจึงปล่อยให้เขายังมีชีวิตอยู่
“ยังเหลืออีก 2 กระบวนท่า ท่านจะสู้ต่อไหม? ถ้าไม่สู้ ผมขอรับตราหยกกำเนิดเซียนไปล่ะนะ”
ซูเฉินเหลียวมองผู้พิทักษ์เทียนยี่ กล่าวอย่างเฉยเมย
“เจ้าชนะแล้ว ตราหยกกำเนิดเซียนชิ้นนี้ เจ้าสามารถรับมันไปได้เลย” ผู้พิทักษ์เทียนยี่ หัวเราะขมขื่น
เขาไม่มีแม้ช่องว่างที่จะใช้ต่อต้านซูเฉิน ขืนสู้ต่อไปมีแต่หาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น
ซูเฉินพยักหน้า เดินตรงไปยังตราหยกกำเนิดเซียน เอื้อมมือออกไปสัมผัสมัน
ในพริบตา แสงสีทองบนตราหยกกำเนิดเซียนเปล่งประกาย ก่อนหายวับไปกลางอากาศ
ขณะเดียวกัน ประตูแสงปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่มันหายไป
“อ่าว ตราหยกกำเนิดเซียนหายไปไหนแล้ว?” ซูเฉินอึ้งไปเล็กน้อย
ผู้พิทักษ์เทียนยี่ได้ยินก็เอ่ยว่า “ไม่ต้องตกใจไป ตราหยกกำเนิดเซียนชิ้นนี้ ได้ถูกหลอมรวมกับชิ้นก่อนที่เจ้าได้รับแล้ว”
พอได้ฟัง ซูเฉินรีบเปิดถุงเก็บของเพื่อตรวจสอบทันที และพบว่าตราหยกกำเนิดเซียนใหญ่กว่าเดิมเกือบเท่าหนึ่ง
เห็นแบบนั้น เขาพยักหน้าให้ ผู้พิทักษ์เทียนยี่ ก้าวเท้าเข้าสู่ประตูแสง
บังเกิดอาการโลกหมุน รู้สึกตัวอีกที ซูเฉินก็กลับมาที่ทะเลสาบอีกครั้ง
ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน ก็ยืนรออยู่เหนือทะเลสาบเช่นกัน
ช่วงเวลาที่ซูเฉินปรากฏตัว บอกตรงๆเขารู้สึกตื่นเต้นมาก
ตอนแรก เขากังวลสุดว่าซูเฉินจะถูกผู้พิทักษ์เทียนยี่สังหารเอา
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นแล้ว
“ผู้อาวุโส ช่วยเปิดประตูไปยังวิหารสวรรค์หวนหยูให้ผมด้วย” ซูเฉินกล่าว
“นี่เจ้าจะไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือ?” เสิ่นหยวน ขมวดคิ้ว ในความคิดเขา แม้ซูเฉินจะได้รับตราหยกกำเนิดเซียนชิ้นที่สองมา แต่ก็ต้องสู้กับ ผู้พิทักษ์เทียนยี่ ช่วงเวลานี้ จะดีกว่าไหมหากพักฟื้นพลัง
หลังจากฟื้นฟูพลังจนเพียงพอแล้ว ค่อยมุ่งหน้าต่อไปวิหารสวรรค์หวนหยูก็ได้
รีบร้อนเกินไปไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย
ทำไมต้องหยุดพักด้วย?
ซูเฉินงุนงงเล็กน้อย เอ่ยยืนยันว่า “ผู้อาวุโส เวลาไม่คอยท่า ตอนนี้ผมมีพลังงานเหลือเฟือ”
เขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ แม้หวูซางจะบอกว่าสามารถสกัดกั้นนักพรตเทียนซ่านได้ครึ่งปี แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกัน เผื่อในกรณีเกิดเรื่องผิดพลาด นักพรตเทียนซ่านบุกมาฆ่าเขาที่นี่ มันจะเป็นปัญหาเอา
เห็นซูเฉินยืนกรานเช่นนั้น ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวน ก็ไม่เกลี้ยกล่อมเขาอีกต่อไป เปิดประตูที่เชื่อมต่อไปยังวิหารสวรรค์หวนหยู
ซูเฉินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก้าวเข้าไปตรงๆ
ไม่กี่อึดใจต่อมา สายตาของซูเฉินเริ่มกลับมามองเห็นชัด
เขาพบว่าเวลานี้ตัวเองอยู่กลางทะเลทราย สุดสายตาที่มองเห็น ทั้งหมดมีแต่สีเหลืองอร่าม
10/10
Ep.1094
ซูเฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนเปิด [พื้นที่เพาะปลูก] สื่อสารกับสมุนไพรกำเนิดเซียนทั้งสอง
“เสี่ยวหลาน เสี่ยวชิง พวกนายรับรู้ถึงตำแหน่งของตราหยกกำเนิดเซียนได้ไหม?”
“เจ้านาย ข้าสัมผัสได้เลือนลาง กรณีนี้อาจหมายความว่าตราหยกกำเนิดเซียนอยู่ห่างจากพวกเรามาก ไม่ก็กำลังถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่งบางอย่าง” เสี่ยวหลานตอบ
“งั้นนายนำทางเลย พวกเราจะไปที่นั่นทันที”
ระหว่างกล่าว ซูเฉินหยิบ [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา
หลังจากนั้น ภายใต้การนำทางของสมุนไพรกำเนิดเซียน [รถศึกอัจฉริยะ] บินไปในทิศทางเดียว
ระหว่างทาง ซูเฉินเอ่ยสั่ง “เสี่ยวจือ ค้นหาบริเวณใกล้เคียงที”
อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ยังไงก็ควรระมัดระวังตัวไว้ดีกว่า
“เจ้านาย ไม่พบอะไรเลย” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที
ซูเฉินพยักหน้า ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้คนขับ เริ่มคัดแยกชิ้นส่วน
หนึ่งวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] บินออกจากพื้นที่ทะเลทราย สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาคือเสาหินสูงตระหง่านมากมาย มองจากที่ไกลๆ มันดูคล้ายเป็นป่าหิน
[รถศึกอัจฉริยะ] แจ้งเตือน “เจ้านาย ในระยะ 50,000 ไมล์ข้างหน้า มีผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์รวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก”
ผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์?
ซูเฉินทวนคำ หันไปเอ่ยถาม “อยู่ในเส้นทางรึเปล่า?”
ถ้าเป็นทางผ่านเขาก็ว่าจะแวะดู แต่ถ้าไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
เพราะถึงอย่างไร การตามหาตราหยกกำเนิดเซียนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
“ใช่” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบยืนยัน
“งั้นก็แวะดูซักหน่ยเถอะ” ซูเฉินพึมพำ
ประมาณหนึ่งชั่วโมง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็มาถึงที่หมาย
ซูเฉินเพ่งมองออกไปด้านนอก และพบผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์กำลังรวมตัวกันอยู่ในแอ่งน้ำ
และเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดหันหน้าไปทางรูปปั้นหิน กำลังคุกเข่าลงกราบกราน
ซูเฉินรู้สึกว่าที่นี่ควรมีพิธีกรรมบางอย่าง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ขณะที่เขากำลังจะลงจากรถ แต่ในตอนนั้นเอง นกสำรวจร้องเตือนขึ้น “เจ้านาย มีศิลาดารามรกตอยู่ข้างในรูปปั้นหินนั้น”
ซูเฉินเลิกคิ้ว สิ่งที่นกสำรวจแจ้งเตือนเขา ล้วนมีมูลค่าสูงทั้งสิ้น มันได้กระตุ้นความสนใจของซูเฉินซะแล้ว
“ศิลาดารามรกตสามารถใช้ในการจัดเก็บพลังแห่งศรัทธา นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยให้สัตว์เลี้ยงวิญญาณยกระดับได้อีกด้วย สัตว์เลี้ยงวิญญาณในระดับที่ต่ำกว่าขอบเขตเทพเจ้า กลืนมันลงไปเพียงหนึ่งก้อน ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ยกระดับหนึ่งขั้น” นกสำรวจ อธิบาย
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินเป็นประกายทันที
สัตว์เลี้ยงวิญญาณของเขา หลังจากดูดซับศิลาฟ้ากระจ่างจนหมด แม้พวกมันจะสามารถยกระดับได้ แต่ตอนนี้ยังถือว่าต่ำเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรเทพปลุกพลังที่เขาตั้งความหวังไว้สูง จนถึงตอนนี้มันยังไม่ไปเหยียบใน ระดับเทวะขั้น 7 เลย ยังห่างไกลกับขอบเขตเทพเจ้าอีกมาก
ตอนนี้ เมื่อรู้ว่ามีสมบัติที่สามารถช่วยยกระดับสัตว์เลี้ยงวิญญาณได้ เป็นธรรมดาที่ไม่ควรพลาด
“เสี่ยวจือ ลงจอด” ซูเฉินสั่ง
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ร่อนลงตรงแอ่งน้ำ ในตอนนั้นเอง นกสำรวจ ก็ร้องเตือนอีกครั้ง
“เจ้านาย ข้ารู้สึกได้ว่ารูปปั้นหินตรงหน้าไม่ใช่หินธรรมดา มันดูเหมือนจะมีพลังชั่วร้ายแฝงอยู่”
“ไม่เป็นไร”
ซูเฉินไม่สนใจ ด้วย [กายาเทพอสูรนิรันดร์] เขาสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
[รถศึกอัจฉริยะ] ลงจอดอย่างสง่างาม แต่ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นตรงแอ่งน้ำทันที
ผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างมองมายัง [รถศึกอัจฉริยะ] ด้วยสายตาขุ่นเคือง
สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่พวกเขาใช้นมัสการเทพมาร แล้วจะปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้อย่างไร? ช่างไม่รู้จักที่ตาย!!
ขณะที่ซูเฉินเปิดประตูและก้าวลงจากรถ เขารู้สึกได้ว่ามีสายตาคมกริบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา
“เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะเกลียดฉันเข้าไส้เลยแฮะ” ซูเฉินเบ้ปาก ไม่สนใจ เดินตรงไปยังรูปปั้นหิน
“หยุด!”
ทันใดนั้นเอง เสียงตะโกนกึกก้องดังสะท้อนเข้ามาในหูเขา
ซูเฉินหยุดฝีเท้า หันกลับมามอง เห็นแค่เพียงยักษ์ไททันกำลังจดจ้องมาที่เขา พิจารณาจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมา มันได้มาถึงขั้น 10 แล้ว
*พรุ่งนี้งดประจำสัปดาห์จ้า