ตอนที่ 18 เพื่อนสนิทและไอ้โหด(อ่านฟรี)
ตอนที่ 18 เพื่อนสนิทและไอ้โหด
กระดาษคาถาแสงชำระล้างอยู่ในมือของเรย์ หลังจากเขาถ่ายเทพลังเวทมนตร์เข้าไป ผ่านไปสักพักกระดาษคาถาแสงชำระล้างมีอักษรเวทมนตร์ซับซ้อนกำลังถูกสร้างขึ้น พร้อมกับมีเสียงแปลกประหลาดที่เรย์เข้าใจได้ดังอยู่ในความคิดของเขาจากทุกทิศทาง
“เรลันลัวอา (แสงชำระล้าง)”
ภาพในความคิดของเรย์ก็มีอักษรเวทมนตร์ปรากฏขึ้นมาจากพื้นจากนั้นแสงก็สาดส่องออกมาและหายไปอย่างรวดเร็ว
เรลันลัวอาแปลว่าแสงชำระล้าง...เรย์เข้าใจคำร่ายของคาถาอย่างรวดเร็ว
เอานิ่งไปสักพักเมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น ในตอนแรกเรย์คิดว่ามันจะแบบฉีกกระชากทำลายเป้าหมายอะไรแบบนั้น เพราะจากกระสุนแสงชำระล้างที่สลักคาถานี้มา มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับซอมบี้ได้ในแบบที่กระสุนธรรมดายากจะทำ
“ชำระล้าง...ชำระล้าง...” เรย์พึมพำมันไม่หยุด เขาเหมือนจะเริ่มเข้าใจความหมายของคาถานี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
“ชำระล้างหมายถึงทำให้สะอาด การทำลาย การทำให้หายไป แต่นั่นไม่ได้หมายถึงการฆ่าซอมบี้ แต่คือสิ่งที่ทำให้ซอมบี้เป็นซอมบี้สินะ ศพซอมบี้กำเนิดมาจากซอกศพ ถ้านอกจากซากศพแล้วมีอะไรในซอมบี้อีกที่เมื่อโดนทำลายไปแล้วจะทำให้มันเป็นเพียงศพเท่านั้น ไม่รู้แฮะ! ช่างมันก่อนแล้วกัน เอาเป็นว่ากระสุนชำระล้างพอสัมผัสกับซอมบี้ก็เปลี่ยนส่วนนั้นให้เป็นศพเน่า ๆ ธรรมดา พอเป็นศพธรรมดากระสุนจึงเจาะผ่านเข้าไปทำลายสมองสั่งการของมันได้ แต่ความต่างของกระสุนชำระล้างกับคาถาโดยตรงนั้นก็คือกระสุนทำได้แค่ในบริเวณที่มันสัมผัส แต่คาถานั้นสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างถึงสองเมตร”
“ถ้าอย่างนั้นสรุปได้คือคาถาแสงชำระล้างคือคาถาที่ใช้ในแบบวงกว้างขอแค่เป้าหมายอยู่ในพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบ ต่างจากคาถาบอลเพลิงที่ใช้ได้หนึ่งเป้าหมายเท่านั้น”
แม้ผลของคาถาจะไม่ได้เป็นอย่างที่หวังแต่ใช่มันจะทำให้เรย์ผิดหวังซะทีเดียว เขายังตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้มันอยู่เหมือนเคย เพราะต้องบอกก่อนว่าคาถาแสงชำระล้างนั้นคือคาถาที่ใช้สร้างกระสุนชำระล้างเรย์ยังไม่ได้เรียนรู้การสลักแบบนี้
แต่ตอนนี้เรย์กำลังเรียนคาถาไว้ก่อนล่วงหน้า
เรย์เปิดไปที่หน้ากระดาษทองคำแผ่นที่ 5 และหยิบปากกาทองคำออกมา เต็มเลือดสีขาวขวดเดิมที่ยังเลือดอยู่ไม่กี่หยดลงไปและเริ่มสลักมันอีกครั้ง
มันไม่ง่ายเหมือนกับก่อนหน้าอีกแล้ว และสุดท้ายทั้งหนึ่งวันหนึ่งคืนเรย์ก็เสียหยดเลือดสีขาวในขวดไปจนหมดก็ยังทำไม่สำเร็จสักแผ่น
เรย์หลับไปพร้อมกับที่ปากกาทองคำยังคาอยู่ในมือ ส่วนหนังสือเวทมนตร์นั้นก็กลายเป็นหมอนหนุนหัวของเขาไปแล้ว
ก๊อก ๆ ๆ
เช้าวันต่อมาเสียงเคาะประตูห้องของเรย์ก็ดังขึ้น เรย์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ยับยู่ยี่หัวกระเซอะกระเซิงดวงตาแดงก่ำเดินไปเปิดประตูห้อง ก่อนจะหาวไม่หยุดและถามออกมา
“ริชาร์ด พี่มีอะไรหรือเปล่า”
เรย์มองไปที่ริชาร์ดที่ตอนนี้แต่งตัวดูดีกำลังมองไปที่เรย์ด้วยท่าทีขมวดคิ้ว
“เมื่อวานนายหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ได้นอนบ้างหรือเปล่า ทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้”
“น่าจะนอนมั้งฉันก็จำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหน”
“ช่างเถอะพอดีเพื่อนนายมาหานะ”
“เพื่อน? ได้ ๆ งั้นเดียวผมลงไป” เรย์รีบกลับไปในห้องจัดการล้างหน้าส่องกระจกและจัดชุดเข้าที่เข้าทางสักเล็กน้อยก็เดินลงมา
ตอนนี้ริชาร์ดกำลังนั่งรับแขกอยู่ พอเห็นเรย์เข้ามาริชาร์ดก็ขอตัวออกไป เพราะเขายังมีธุระต้องไปทำด้านนอก
“เรย์ นายป่วยจริง ๆ ด้วยสภาพดูไม่ได้เลย” เด็กหนุ่มร่างท้วม ผิวขาว หน้าตาดูดี ท่าทางดูฉลาดทักทายเรย์ขึ้นมาด้วยความสนิทสนม ชายหนุ่มคนนี้คือ เร็กซ์เพื่อนสนิทที่สุดของเรย์และเป็นคนที่ฉลาดมาก
“เหมือนคนป่วยจริง ๆ ด้วย ตอนแรกกว่าพวกเราจะไปเค้นถามเรื่องที่นายหาไปกับทางโรงเรียนได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน” ควินตันเด็กหนุ่มกล้ามโต ผิวเข้มอีกคนกล่าวออกมา
ส่วนอีกสองคนที่เหลือคือ พอล เป็นเพื่อนอีกคนของเรย์ รูปร่างมาตรฐาน นิสัยกล้า ๆ กลัว ๆ และนิกโก้ผู้มีนิสัยห้าวหาญ ใจกล้าบ้าบิ่น คนจำพวกเดียวกับควินตันพากันพยักหน้าเสริมคำพูดของควินตัน
คนทั้ง 4 คือกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนของเรย์ แทบจะเรียกได้ว่าเพื่อนสนิทชนิดไปไหนไปกัน มีครั้งหนึ่งพวกเขาทั้ง 5 คนพากันโดดเรียน แต่ตอนนั้นเรย์หนีไม่ทันจึงโดนครูฝ่ายฝ่ายปกครองที่ชื่อ โลเวล ผู้มีฉายาว่า “ไอ้โหดโลเวล” จับตัวได้ ก็เป็นทั้ง 4 ย้อนกลับมาช่วยต่อยตีกับไอ้โหดโลเวล
แต่ไอ้โหดโลเวล ครูผู้ชำนาญพิเศษในการปราบเด็กแสบมาแล้วกว่า 10 ปีจะมาพ่ายแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง
สุดท้ายพวกเขาโดนจับได้ทั้งหมดพร้อมกับใบหน้าฟกช้ำดำเขียวกันไปและโดนฟาดตูดไปอีกคนละสิบที แม้ทุกคนจะพ่ายแพ้แต่วีรกรรมของพวกเขาทั้ง 5 คนก็เป็นที่กล่าวขานกันในกลุ่มนักเรียน
ส่วนจะเป็นแบบไหนนั้นไม่อยากไปคิดมัน เพราะดูเหมือนควินตันและนิกโก้จะภูมิใจกับเรื่องนี้มาก
“พวกนายไปเค้นถามจากพวกอาจารย์มาด้วยอย่างนั้นเหรอ” เรย์ถามด้วยความสงสัย เพราะดูจากเรื่องนี้แล้วทางหน่วยนักล่าความตายหรือไม่ก็ตำรวจน่าจะสั่งปิดข่าวพอสมควร
“ได้ซะที่ไหน ควันตันมันก็โม้ไปอย่างนั้น สุดท้ายก็ฉันนี่แหละที่แอบงัดเข้าห้องอาจารย์ไปเอาเอกสารออกมา จึงได้รู้ว่านายป่วย อันที่จริงพวกเรากะจะมาที่บ้านนายแล้ว แต่ดันไม่เจอนายที่บ้านเก่า” นิกโก้กล่าว
“เออขอโทษที พอดี ฉันย้ายบ้านมาที่นี่เพราะมีปัญหานิดหน่อย แต่เดี๋ยวก่อน พวกนายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ แล้วไม่ได้เข้าเรียนหรือยังไงวันนี้”
“ฮี่ ๆ เราเจอหนังสือลาป่วยของนายบนโต๊ะของไอ้โหดมาไง แล้วก็พากันโดดมาที่นี่” นิกโก้พูดด้วยรอยยิ้ม
“นายได้เอาจดหมายนั้นวางไว้ที่เดิมหรือเปล่า” เรย์และเร็กซ์ถามออกมาพร้อมกัน
นิกโก้ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองถึงมีท่าทีจริงจัง แต่เขาก็ยิ้มและส่ายหัว “เปล่า ฉันหยิบมาด้วย นี่ไง”
นิกโก้หยิบจดหมายลาป่วยของเรย์ออกมา เร็กซ์ก็ลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านไปในทันที ทางด้านพอลที่ฉลาดหน่อยก็ตามไป แต่พอทั้งสองเปิดประตูออกมาก็เจอกับชายวัย 45 ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเข้มขึงสายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมราวกับครูฝึกทหารไม่มีผิด
ที่หน้าของชายคนนั้นยังมีรอยแผลเป็นลากยาวดูน่าเกรงขามอีกหนึ่ง
“เชี่ย...ไอ้โหดมา”
“เล่นแม่งเลย”
“ย้า...”
ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที เร็กซ์อยู่ใกล้ที่สุดก็โดนจัดการเป็นคนแรก ตามมาด้วยพอลและควินตัน สุดท้ายก็นิกโก้ ทั้ง 4 คนนอนหมอบอยู่กับพื้นไม่มีแรงจะขยับไปไหนอีก แต่ปากของพวกเขายังขยับได้
“เรย์เพื่อนรักช่วยพวกเราหนีไปเร็ว” ควินตันกล่าว
“เออ...” เรย์มองทั้งสี่สลับไปกับอาจารย์โลเวล เขาจึงกระแอมกระไอออกมาก่อนจะกล่าว “อาจารย์ครับคือผมมีวันล่าปล่อยอยู่ครับ ดังนั้นอาจารย์ตามสบายเลย ไม่สิเดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้”
เรย์วิ่งหายไปเอาน้ำในทันที
“บ้าเอ๊ย หมอนั้นมันฉลาดฉิบหายที่ไม่หลงกลเรา”
“ใช่ นึกว่าจะหลอกมันคืนเหมือนกับที่หลอกเราให้โดนไอ้โหดอัดได้เหมือนตอนนั้นซะอีก”
“สักวันต้องพามันมาโดนไอ้โหดอัดอีกครั้งด้วยกันให้ได้”
“พูดมากอะไร เอาจดหมายล่าของไอ้หนูเรย์ออกมา” โลเวลนั่งลงไปที่โซฟารอเรย์เอาน้ำออกมาให้ เรย์แอบมองเมื่อเห็นว่าอาจารย์โลเวลไม่ยอมกลับก็จำใจได้แต่เอาน้ำออกมา
“อาจารย์น้ำเย็นครับ”
อาจารย์โลเวลรับน้ำมาดื่มรวดเดียวอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาและกล่าว “หมดวันลาแล้ว แกต้องกลับไปเรียนด้วย ถ้าเกิดคะแนนลดลงละก็เจอดีแน่”
พูดจบโลเวลก็วางแก้วน้ำลง ก่อนจะลากสหายทั้ง 4 ของเรย์กลับออกไปโยนขึ้นรถยนต์ขับออกไป
เชี่ย ยังโหดเหมือนเดิม ขนาดเราที่ตอนนี้เปิดระดับแรกได้แล้วยังกลัวเลย หวังว่าไอ้พวกบ้านั้นจะไม่โดนลงโทษหนักหรอกนะ...
เรย์ได้แต่ยิ้มเจือน ๆ ออกมา และสวดภาวนาให้กับทั้ง 4 คน
พอมาคิดดูแล้ว ไอ้โหดนี่ใช่ผู้มีพลังพิเศษแบบผู้ใช้พลังกายภาพด้วยหรือเปล่า เพราะขนาดพวกเรา 5 คนยังสู้ไม่ได้เลย
ไม่หรอกมั้งพวกเราอาจจะกากเกินไป...แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
เรย์ออกจากบ้านด้วยความระวังกลัวอาจารย์โลเวลจะซุ่มดูว่าเขาแกล้งป่วยหรือเปล่าแล้วมาจับเขาไปเรียน แต่พอไม่มีใครเรย์ก็ออกจากบ้านในทันที
เรย์ใช้ทั้งวันในการฝึกยิงปืน ซึ่งในวันนี้ทีมของหัวหน้าคอนราดไม่มีภารกิจอะไร ฟาริสคนที่ยิงปืนแม่นสุดจึงลงมาช่วยสอนเรย์ยิงปืนด้วยทำให้ฝีมือของเรย์พัฒนาขึ้นมากจากวันก่อน
“คุณเรียนรู้ได้เร็วกว่าโบเวนมาก หมอนั้นเน้นแต่จำนวนเข้าว่าไม่อาศัยความแม่นอะไร” ฟาริสกล่าวขณะที่เดินออกมาจากสนามยิงปืนใต้ดิน
“พรุ่งนี้คุณต้องมาทำงานแรกแล้ว ถ้ายังไงเอาชุดเกราะหรือของมาเก็บที่ห้องพักทีก็ได้ ส่วนมุมก็หาเอาตามที่ว่างเลย”
“ถ้างั้นผมจะเอาของมาที่นี่พรุ่งนี้แล้วกัน”
“งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้”
หลังจากฟาริสจากไปเรย์ก็เข้ามาหาลุงคอนเนอร์และสอบถามเรื่องเลือดสีขาว
“ลุงคอนเนอร์ ผมสามารถซื้อเลือดสีขาวไปฝึกฝนได้ไหม มีข้อจำกัดอะไรหรือเปล่า”
“เธออยากได้เลือดสีขาวอย่างนั้นเหรอ ของเก่าใช้หมดแล้ว”
“ใช่ครับ พอดีผมใช้ฝึกจนหมดแล้ว” เรย์พยักหน้าตอบ
“ซื้อนะซื้อได้ ส่วนข้อจำกัดนั้นก็มีแค่เรื่องเดียว คือห้ามไปขายต่อก็พอ ราคาหนึ่งขวดคือ 10,000 เหรียญ”
เรย์ได้ยินก็ถึงกับอึ้งไป ราคาหมื่นเหรียญคือเงินจำนวนมาก แม้แต่เมื่อก่อนเรย์ยังได้ค่าขนมแค่หลักร้อยเท่านั้น ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ เขาไม่มีเงินหมื่นเหรียญอย่างแน่นอน
“เออ งั้นเอาไว้เดียวผมมาซื้อไหม”
คอนเนอร์พยักหน้าไม่ได้ถามต่อแต่กล่าวว่า “ที่จริงเธอไม่ต้องซื้อก็ได้เพราะหลังจากทำภารกิจแล้วก็สามารถได้รับเลือดสีขาวจากที่ล่ามาส่วนหนึ่งอยู่แล้ว น้อยมากที่สมาชิกในหน่วยนักล่าความตายจะซื้อเลือดสีขาว เพราะถ้าขาดจริง ๆ พวกเขาจะให้วิธีการเบิกเลือดสีขาวล่วงหน้าแทน เดือนหนึ่งได้ 4 ขวดสามารถเบิกได้ไม่เกินนั้นต่อเดือน”
“เบิกล่วงหน้า ถ้างั้นผมทำได้ไหม”
คอนเนอร์หยิบขวดเลือดสีขาวออกมาสามขวด เพราะเรย์เคยได้ไปแล้ว 1 ขวด
“ขอบคุณลุงคอนเนอร์มากครับ”
“ไม่มีปัญหา”
เรย์รับเลือดสีขาวทั้งสามขวดมาด้วยความยินดี ใส่มันลงไปในกระเป๋าตนเอง หลังจากนั้นรีบกลับบ้านในทันที